Share on
×

Share

ตอบ “ลุงตู่” …ทำไม “เวียดนาม” แซงไทย

สืบเนื่องกรณี “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งคำถามว่า “ทำไมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยถึงไม่เท่าเวียดนาม ทั้ง ๆ ที่มีทรัพยากรเหนือกว่า” ถึงขั้นจะสั่งให้คนไปศึกษาหาสาเหตุ จึงอยากจะตอบคำถาม “ลุงตู่” ดังนี้

อย่างแรกการบริหารของรัฐบาลเวียดนามมีการ “ตัดสินใจรวดเร็วและเด็ดขาด” จะเห็นได้จากเวียดนามได้รับคำชมจากทั่วโลกในการแก้ปัญหาโควิด-19 ได้เร็วและดีอันดับต้น ๆ ของโลก จนถึงวันนี้เวียดนามก็ยังควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ทำให้ประชาชนและนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยและกล้าลงทุน

การเมืองเวียดนามนิ่ง “รัฐบาลมีเสถียรภาพ” ผู้นำมีวิสัยทัศน์ได้รื้อกฏหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนนับหมื่น ๆ ฉบับทำให้การขออนุญาตลงทุนมีความคล่องตัวขึ้น ซึ่งการมี “วิสัยทัศน์” ยังสะท้อนจากการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ประกาศว่า เวียดนามมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในกลางศตวรรษที่ 21

โดยในปี 2025 เวียดนามประกาศว่าจะเป็นประเทศกำลังพัฒนา ที่มีอุตสาหกรรมสมัยใหม่จะก้าวข้ามประเทศรายได้ปานกลางระดับล่าง และในปี 2030 ตั้งเป้าการเป็นประเทศกำลังพัฒนา ที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง กระทั่งในปี 2045 เวียดนามจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และเป็นประเทศมีรายได้ระดับสูง

จะเห็นว่ารัฐบาลเวียดนามกำหนดยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างชัดเจน จะเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรม ความทันสมัย และการพัฒนาวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาด้านนวัตกรรมและทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง

อีกทั้งธนาคารโลกเคยรายงานว่า ความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของเวียดนาม มาจากยุทธศาสตร์การบูรณาการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ “ห่วงโซ่คุณค่าโลก” ทำให้เวียดนามประสบความสำเร็จในการเป็นแหล่งประกอบการผลิตสำคัญของโลก

ด้านการขยายตลาดการส่งออกนั้นรัฐบาลเวียดนามมีนโยบายทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศที่เป็นตลาดสำคัญ ๆ ล่าสุดคือการทำข้อตกลง FTA กับสหภาพยุโรป ซึ่งจะเกื้อหนุนยุทธศาสตร์ การเป็น “ห่วงโซ่คุณค่าโลก”อีกด้วยนอกจากนี้ เวียดนามยังได้รับการจับตาว่าเป็นประเทศสมาชิกที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากข้อตกลง TPP โดยเศรษฐกิจจะเติบโต 10% จนถึงปี 2030 เลยทีเดียว

ดังนั้นแม้เวียดนามจะต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่การส่งออกของเวียดนามกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งในโลกนี้มีเพียง 2 ประเทศคือ จีน กับ เวียดนาม เท่านั้นจะเห็นได้จากทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับใช้ในการขนส่งสินค้าส่งออกแต่ปรากฏว่าตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ไปกองอยู่ทั้งสองประเทศดังกล่าวซึ่งเป็นดัชนี้ชี้ให้เห็นการฟื้นตัวของการส่งออกเป็นอย่างดี

ถามว่าทำไมเวียดนามจึงเนื้อหอมทำให้ใคร ๆ อยากไปลงทุน จากข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่าความสำเร็จของเวียดนามในห่วงโซ่คุณค่าด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย

ปัจจัยแรกเป็นเพราะบรรยากาศการลงทุนมั่นคงต่อเนื่อง เงินลงทุนจากต่างประเทศด้านอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่มาจากซัมซุง ที่ลงทุนในเวียดนามตั้งแต่ปี 2008 ทุกวันนี้เวียดนามกลายเป็นเป็นประเทศส่งออกสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก โทรศัพท์มือถือทั้งหมดของซัมซุง ผลิตจากเวียดนาม 40%

ปัจจัยต่อมา เวียดนามมีแรงงานทักษะต่ำและค่าแรงถูกจำนวนมากแต่ได้มีการยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นคุ้มกับค่าจ้าง จึงทำให้ได้เปรียบในด้านการลงทุนการผลิตแบบ “ห่วงโซ่คุณค่าโลก” ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้

แต่ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดคือเวียดนามมีความได้เปรียบในเรื่อง “ทำเล” อยู่ใกล้ประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทย ทำให้สะดวกที่จะนำเข้าชิ้นส่วนเหล่านี้

ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น นักลงทุนมองว่าเวียดนามเป็นประเทศมีอนาคต เป็นตลาดใหญ่ประชากรกว่า 97 ล้านคนล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่มีอายุเฉลี่ย 30 ปี จึงเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจ

อีกทั้งแรงงานหนุ่มสาวเหล่านี้มีรายได้มากพอที่จะขยับฐานะเป็น “คนชั้นกลาง” ทำให้เวียดนามจึงมีชนชั้นกลางขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับวัยหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นวัยที่ชอบจับจ่ายใช้สอยจึงทำให้มีกำลังซื้อสูง

อีกทั้งชาวเวียดนามที่อพยพไปอยู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งในยุโรปและอเมริกา ได้ส่งเงินกลับประเทศมาให้ญาติ ๆ ใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ ราว ๆ 5 แสนล้านบาท เป็นอีกแรงขับที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเวียดนามได้เป็นอย่างดี

ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักลงทุนสนใจไปลงทุนในเวียดนามได้เป็นอย่างดีจึงไม่ต้องแปลกใจที่ทุกวันนี้มีนักลงทุนพากันหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในเวียดนามกันมากทั้งไมโครซอฟท์ และ Apple ย้ายฐานผลิต AirPods ร้อยละ 30 ประมาณ 3-4 ล้านชิ้น พานาโซนิคก็ย้ายฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นจากไทยไปเวียดนาม

ล่าสุด Foxconn ผู้ผลิต iPhone ย้ายฐานผลิตจากจีนไปเวียดนาม แถมจะลงทุนเพิ่มอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาท…ไทยคงได้แต่มองตาปริบ ๆ ทั้งหมดนี้คงจะตอบคำถามลุงตู่ได้เป็นอย่างดี

ทวี มีเงิน

ขอบคุณภาพจาก xinhuathai

×

Share