แม้จะเจอวิกฤติโควิด-19 เอไอเอสยังเดินหน้าลงทุนขยายเครือข่าย 5G และตัวอย่างการใช้งานจริงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและอุปกรณ์ 5G ในภาคอุตสาหกรรมซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาศักยภาพและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและการแข่งขันของประเทศ ล่าสุด เอไอเอสร่วมมือกับพันธมิตรเก่าแก่อย่าง ZTE และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ตั้งศูนย์ 5G Smart Factory Used-cases เพื่อสร้างและถ่ายทอดนวัตกรรม 5G สู่การใช้งานจริง
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า เอไอเอสดดำเนินการพัฒนาโครงข่าย 5G ตลอดเวลา ทั้งเรื่องการยายเครือข่าย 5G ไปยัง 77 จังหวัด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีเครือข่าย 5G ครอบคลุมมากกว่า 90% ของจำนวนประชากร และในพื้นที่ EEC ครอบคลุมมากกว่า 95%
เอไอเอสเป็นโอเปเรเตอร์ที่มีความถี่ครบถ้วน ทั้งความถี่สูง กลาง และต่ำ ซึ่งแต่ละความถี่ถูกนำมาใช้ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ความถี่ต่ำครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างที่สุด แต่เนื่องจากคลื่นความถี่มีจำนวนไม่มาก ความเร็วอาจจะได้ไม่มาก แต่คุณสมบัติของ 5G ในเรื่องของความหน่วงในระดับต่ำมากมีประสิทธิภาพในบางการใช้งาน ในขณะเดียวกันความถี่สูง เอไอเอสมีความกว้างของแถบคลื่นความถี่มากที่สุด เหมาะกับการใช้เป็น Hot Spot ใน Private Network
- ถอดบทเรียน เอไอเอส “สู้ภัยโควิด-19” เมื่อนำ 5G และการเชื่อมต่อของภาครัฐ เอกชน สู่การฟื้นฟูประเทศ
- ส่องภารกิจ AIS ผู้ให้บริการดิจิทัล “ปลาใหญ่ที่นำพาปลาเล็กว่ายน้ำ พร้อมโตไปด้วยกัน”
นอกจากนี้ เอไอเอสได้นำเทคโนโลยี 5G เข้าไปให้บริการในภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 10 ภาคอุตสาหกรรม อาทิ Smart Retail ที่เพิ่งเปิดตัวไป คือ V-Avenue รวมถึง 5G AR/VR มีคอนเทนต์มากกว่าขึ้นมากกว่าเดิมมาก ในภาคอุตสาหกกรม อาทิ Sea Port, Folk Lift และ SMC รวมถึง Healthcare ทั้ง AI และ CT Scan ในหลายโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิคภาค ทั้งหมดเป็นการตอกย้ำถึงการนำ 5G ไปใช้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ประโยชน์จาก 5G
ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่นำ 5G มาใช้งานในประเทศ ดังนั้น กรสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการใช้งาน 5G ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กรทำงานกับพันธมิตรสำคัญมาก ซึ่งเอไอเอสมีพันธมิตรในระบบนิเวศ 5G จำนวนมาก ในจำนวนนี้คือ ZTE และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มีความร่วมมือกับเอไอเอสในการนำ 5G ไปใช้งาน จำนวน 5 ตัวอย่างการใช้งานจริง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ZTE
“ทั้ง 5 ตัวอย่างการใช้งานจริง เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรม เป็นครั้งแรกที่เราทำแล็บถาวรที่มหาวิทยาลัย เพื่อเชิญชวนผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม การทำงานของแต่ละตวอย่างการใช้งานเป็นการทำงานแบบปรับแต่ง เพราะแต่ละการใช้งานมมีความต้องการที่แตกต่างกัน” วสิษฐ์ กล่าว
บางตัวอย่างการใช้งาน มีเครื่องจักรที่เป็น Inspector ที่มีแขนกลอัจฉริยะที่จับวัตถุแล้วตรวจสอบได้ว่าชิ้นงานนี้ผิดพลาดหรือสมบูรณ์ บางกรณีเป็นหุ่นยนต์ตรวจตรารอบโรงงงาน ซึ่งตัวอย่างการใช้งานทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
“ความร่วมมือครั้งนี้ หวังสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ผู้ประกอบการที่สนใจเรื่อง Industrial 4.0 นักศึกษามหาวิทยาลัยมาศึกษาค้นคว้าและพัฒนาการใช้งาน 5G ร่วมกัน” วสิษฐ์ กล่าว
โชว์–สร้าง–ถ่ายทอดเทคโนโลยี 5G
รองศาสตราจารย์ดร. พีระพงษ์อุฑารสกุล ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า การทำงานร่วมกันนี้สอดคล้องกับพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัยในการทำงานวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ในโคราชซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรม เป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ EEC กับ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในโคราชเองมี 3 นิคมอุตสาหกรรมใหญ่ รองรับบริษัทชั้นนำของโลกมากมาย
“เรามีการทำงานวิจัยในระดับบนานาชาติ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ภาคอุตสหากรรม มีหลักสูตรอบรมด้านดิจิทัล รวมถึงหลักสูตร 5G สำหรับผู้ประกอบการ เราจึงเป็นแหล่งที่เหมาะสมที่จะสร้างงานวิจยและพัฒนานวัตกรรมบนเทคโนโลยี 5G และได้รับความร่วมมือจากเอไอเอสและ ZTE จะทำให้เรากลายเป็นมหาวิทยาลันที่เป็นแหล่งเรียนรู้ 5G ที่สมบูรณ์แบบ เพราะจะมมีอุปกรณ์ที่จะสาธิตการทำงานต่าง ๆ ของ 5G ได้ จะเป็นแหล่งที่พัฒนาและถ่ายทอดนวัตกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับภูมิภาค ประเทศ และนานาชาติ” รองศาสตราจารย์ ดร. พีระพงษ์ กล่าว
กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มของการร่วมมือวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G คือ นักศึกษาจากหลากหลายคณะ นักวิจัยและบุคคลทั่วไป และผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ เอไอเอส และ ZTE มีพันธกิจร่วมกันในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เติบโตบนฐานการใช้เทคโนโลยี 5G
“ที่นี่คือที่แรกที่เกิดตัวอย่างการใช้งาน Smart Factory เราจะสามารถเชื่อมโยงจากตัวอย่างจริงไปสู่การเรียนการสอน ให้นักศึกษามาเยี่ยม เห็นแนวคิดและพัฒนาให้นักศึกษามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สามารถที่จะนำไปสู่การสร้างบริษัทสตาร์ตอัพ การที่มีหลักสูตรต่าง ๆ จะช่วยทำให้การเรียนการสอน การทำวิจัย ได้ใกล้ชิดกับเทคโนโลยีที่ใช้จริง และยังเป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจด้วย” รองศาสตราจารย์ ดร. พีระพงษ์
ยกตัวอย่างการใช้งานจริงมาไว้ที่ไทย
หลิงจี้อ Goblal Marketing VP ของ ZTE corporation กล่าวว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอุปกรรืที่รองรับเครือข่าย 5G และการเปิดตัวเครือข่าย 5G ของเอไอเอสอย่างรวดเร็วในปี 2020 และความสำเร็จของนวัตกรรมของ ZTE ในวงการอุตสาหกรรมทั้งในประเทศจีนและในต่างประเทศ อาทิ ระบบการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่ ZTE ได้ร่วมมือกับบริษัท Top10 อุตสาหกรรมเหล็กของโลก ที่ได้นำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์
รวมถึงเขตอุตสาหกรรมบินจริงในประเทสจีน ที่นำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาช่วยในการทำงาน ในนิทรรศการนี้จะมี success case ของ ZTE ในเขตอุตสาหกรรมบินจริงมาโชว์ด้วย เป็นหุ่นยนต์อัตโนมัติทำงานครบวงจรตอบโจทย์อุตสาหกรรม
ปัจจุบัน ZTE เป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ทั้งหมด 90 บริษัททั่วโลกและมีพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรมอีก 500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง ZTE มั่นใจว่าจะสามารถรองรับการเติบโตของเครือข่าย 5G สำหรับภาคอุตสาหกรรมในอนาคตได้ ด้วยการวางรากฐานที่สำคัญ 3 ขั้นตอน คือ กำหนดเครือขายและอุปกรณ์ที่แม่นยำและทำงานได้สมบูรณ์แบบ ขั้นต่อมา คือ การกระขายไปยังคลาวด์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่สามารถรองรับเครือข่ายในระดับ mass ได้อย่างสมบูรณื และขั้นต่อมา คือ จะมีการจัดการในระดับบน จะแบ่งการทำงานในแต่ละแอปพลิเคชันออกเป็นหลาย ๆ ส่วน เพื่อให้ทำงานสอดคล้องกันเป็นระบบที่ใหญ่ขึ้น ทั้งหมดเป็นการออกแบบที่อยู่บนพื้นฐานของอุปกรณ์ที่ยืดหยุ่นภายใต้แนวคิด ที่ว่าทุกอุปกรณ์ที่ ZTE ออกแบบจะต้องยืดหยุ่นและประหยัดอย่างคุ้มค่า เพื่อที่จะให้ภาคอุตสาหกรรมสนใจมาลงทุน
“ZTE เชื่อมั่นว่าการเป็นพันธมิตรกับเอไอเอสจะมีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศไทยให้พัฒนาไปอีกขั้นได้” หลิงจี้อ กล่าว
หานจื้อหมิง CEO ของ ZTE Thailand กล่าวว่า ZTE จะนำอุปกรณ์ ZTE Smart Factory ซึ่งประกอบด้วยรถเคลื่อนที่อัตโนมัติ หุ่นยนต์ลาดตระเวน ระบบที่สามารถควบคุมระยะไกล ระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าแบบเรียลไทม์ รวมไปถึงหุ่นยนต์แขนกลอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปใช้จริงที่โณงงานเบนจริงที่ประเทศจีน ZTE คาดหวังว่า เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยในการลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น ด้วยข้อดีของเเครือข่าย 5G จะมีความเร็วที่มากขึ้นกว่าเครือข่ายธรรมดา จะมีความหน่วงที่น้อยลง รวมถึงเครือข่ายที่รองรับการใช้งานได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนในภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยได้
ZTE เป็นพันธมิตรกับเอไอเอสมากยาวนานากกว่า 15 ปี เพื่อร่วมกันในการบริหารระบบสื่อสารให้มีคุณภาพและเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการสร้างเครือข่าย 5G ด้วยกัน ด้วยระบบ SA และ NSA เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
“วันนี้ได้ร่วมมือกับเอไอเอสและมหาวิทยาลัยชั้นนำ หวังว่าจะสามารถต่อยอดได้ในอนาคต ความร่วมมือระหว่างเราจะนำมาซึ่งการวิจัยและพันา 5G ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศ หวังว่าจะทำให้คนไทยอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข” หานจื้อหมิง กล่าว
ทั้งนี้ ZTE มีการทำความร่วมมือเรื่องการเรียนรู้เทคโนโลยีเสมอ แต่สำหรับ 5G ที่กับเอไอเอสเป็นที่แรกในเอเชียแปซิฟิก ซึ่ง ZTE มองว่าการเติบโตของ 5G จะครอบคลุมทุกอุตสาหกรม ทั้งการแพทย์ การท่องที่ยว การขนส่ง และพลังงาน เป็นต้น มีโอกาสการเติบโตสูง
5 ตัวอย่างการใช้งานจริงของเทคโนโลยี 5G สำหรับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)
ความร่วมมือนี้นำเสนอ 5 ตัวอย่างการใช้งานจริงของเทคโนโลยี 5G สำหรับโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่ใช้งานจริงในหลายโรงงานในประเทศจีน ได้แก่
- 5G Cloud AGV รถเคลื่อนย้ายสินค้าอัตโนมัติ
- เพื่อระบบโลจิสติกส์อัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม
- ผสมผสานเทคโนโลยี 5G, AI, และการในทางด้วยเลเซอร์ในระบบเดียวกัน
- สร้างแผนที่และเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง หลบหลีกสิ่งกีดขวางอัตโนมัติ
- รองรับน้ำหนักได้ถึง 300 กก.
- ทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ และตรงเวลา
AGV (Automated Guided Vehicle) หรือ รถเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ ถูกพัฒนาขึ้นให้มีประสิทธิภาพความชาญฉลาดมากกว่าเดิมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานภายในโรงงาน ด้วยนวัตกรรมการทำงานบนเครือข่าย 5G ผนวกกับเทคโนโลยีของพาร์เนอร์ทำให้ 5G Cloud AGV ที่พัฒนาขึ้นครั้งนี้สามารถทำงานได้แบบ Machine to Machine และสามารถสร้างแผนที่ รวมถึงขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง
จากเดิมที่ AGV ถูกควบคุมโดยใช้แถบแม่เหล็กหรือ เลเซอร์เป็นเส้นทางขับเคลื่อนเท่านั้น ทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาการใช้ AGV ภายในโรงงาน หรือฝ่ายผลิตที่มีการปรับเปลี่ยนไลน์การผลิตบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้นับเป็นนวัตกรรมใหม่ครั้งแรกที่ถูกพัฒนาขึ้นให้มีความสามารถในการหลบหลีก สร้างแผนที่ไปยังเป้าหมายได้เอง ก็ไม่ต้องดำเนินการวางเส้นทางด้วยแทบแม่เหล็กใหม่ทั้งหมด ด้วยการนำ 5G Cloud AGV รถเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ มาใช้ก็จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้
- 5G Robotic Arm แขนกลอัจฉริยะ
- เคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ ตามโปรแกรมที่ตั้งไว้
- ตรวจสอบชิ้นงานที่บกพร่อง ตัวอักษร หรือแม้แต่รอยขีดข่วน บนชิ้นงาน ด้วยความแม่นยำสูง
- คัดแยกและเลือกหยิบสินค้าโดยอัตโนมัติ
เครื่องมือหยิบจับวัตถุ หรือสินค้าอย่างแขนกลอัจฉริยะจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากภายในโรงงานฝ่ายผลิต เพราะการพัฒนาได้ถูกยกระดับไปให้อีกขั้นให้แขนกลอัจฉริยะสามารถเลือกหยิบวัตถุได้หลากหลายขนาด จากเดิมที่หยิบได้เพียงขนาดเดียว สามารถตรวจสอบชิ้นงานที่บกพร่อง ตัวอักษร หรือแม้แต่รอยขีดข่วน บนชิ้นงาน ซึ่งจะทำให้เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นได้
- 5G Inspection หุ่นยนต์ลาดตระเวน
- จดจำเส้นทางและกำหนดเส้นทางล่วงหน้า
- เคลื่อนที่อัตโนมัติไปในเส้นทางที่กำหนด พร้อมหลบหลีกสิ่งกีดขวางอัตโนมัติ
- ระบบกล้องตรวจสอบ บันทึกภาพและอุณหภูมิ และส่งต่อไปยังศูนย์ควบคุม
- ระบบจดจำใบหน้าและตรวจสอบการสวมหน้ากาก
- สลับภาพดูได้หลายมุมมอง และแจ้งเตือนภัยด้วยเสียงเมื่อมีเหตุน่าสงสัย
- รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
ความปลอดภัยภายในพื้นที่นับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ละเลยไม่ได้ 5G Inspection หรือหุ่นยนต์ลาดตระเวน จะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับ รปภ. ที่จะดูแลความปลอดภัยสูงสุดให้กับการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง สามารถควบคุม แจ้งเตือนการเข้าโซนพื้นที่จำกัดต่างๆ ได้ อีกทั้งหุ่นยนต์นี้ยัง สามารถจดจำใบหน้า และแจ้งเตือนเหตุน่าสงสัย ได้อีกด้วย
- 5G AR Remote Guidance ควบคุมการทำงานจากระยะไกล
- ให้คำปรึกษาและควบคุมการทำงานจากระยะไกล
- สื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญแบบเรียลไทม์ ทั้งภาพและเสียง
- พร้อมคำแนะนำการทำงานจากผู้เชี่ยวชาญจากระยะไกล
- พร้อม AR function เพื่อเสริมการสื่อสารระหว่างผู้เชี่ยวชาญกับผู้ใช้งาน
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง พร้อมซอร์ฟแวร์ตรวจจับสิ่งที่ต้องการอัตโนมัติ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในโรงงานให้มีความสมาร์ทมากยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือที่ช่วยทำให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลได้ จากปัญหาของเครื่องจักร หรือไลน์การผลิตที่บางครั้งอาจจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง ให้คำแนะนำหรือต้องชี้แจ้งเรื่องต่างๆ กับพนักงานหน้างาน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปที่หน้างาน เราสามารถใช้อุปกรณ์ 5G AR Remote Guidance พูดคุย หรือแนะนำเรื่องต่างๆ ผ่านหน้าจอปลายทางแบบเสมือนจริงได้เลย นวัตกรรมนี้จะช่วยทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างหน้างานกับฝ่ายเทคนิค ฝ่ายควบคุมการผลิต ทำงานได้อย่างสอดประสานลดระยะเวลาและเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- 5G VR Monitoring ตรวจสอบภาพหน้างานแบบเรียลไทม์
- ตรวจสอบภาพหน้างานแบบเรียลไทม์
- ตรวจสอบการทำงาน ควบคุมประสิทธิภาพการผลิต
- มุมมองสมจริงแบบ 360 องศา
อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้การควบคุมคุณภาพการผลิตทั้งแต่การนำเข้าวัตถุดิบไปจนถึงการได้มาซึ่งสินค้า (Finish Goods) โดย 5G VR Monitoring ตรวจสอบภาพหน้างานแบบเรียลไทม์ จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ในการควบคุม ตรวจสอบคุณภาพหรือความผิดปกติของสินค้าต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีความแม่นยำที่สูง โอกาสผิดพลาดต่ำมาก ทำให้ได้สินคุณภาพมาตรฐานของสินค้าอยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมด