Share on
×

Share

และแล้วก็มีวันนี้ !!

เมื่อเวลาเปลี่ยนสถานการณ์ก็มักจะเปลี่ยน การเดินทางของเวลาได้ผ่านมาเข้าครึ่งปีหลัง หลายท่านต่างรู้สึกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง “ยังไม่มีวี่แวว”

ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ก็คือ เรามีหนี้มากจนล้นพ้นตัว แม้แต่หนี้ดีประเภทสิ่งปลูกสร้าง หรือรถยนต์ก็ยังมีตัวเลขของการเป็นหนี้ที่ผ่อนต่อไม่ไหว จนกลายเป็นหนี้กำลังจะเสีย และเป็นหนี้สูญไปแล้วก็มี ที่เรานับหนี้กลุ่มนี้ว่าเป็นหนี้ดี เพราะเป็นหนี้แล้วได้ทรัพย์สิน ต่างจากหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคเพราะเป็นหนี้สูญเปล่า แต่ก็ยังอุตส่าห์เป็นหนี้จนได้ จึงนับเป็นวิกฤติที่ถือได้ว่ารุนแรงสุด ๆ

สาเหตุของการเป็นหนี้ เราสามารถสรุปได้ว่า หนี้เกิดจาก 2 สาเหตุสำคัญ หนึ่งคือมีรายได้น้อยหรือลดลงจนไม่สามารถครอบคลุมรายจ่ายที่เกิดขึ้น อีกสาเหตุคือ เราก่อหนี้เพราะความอยากได้ใคร่มี คิดเรื่องปัจจุบันมากกว่าจะไตร่ตรองถึงผลที่เกิดขึ้นในอนาคต

ในทางศาสนาพุทธ เราพูดเรื่องกรรมว่าเกิดจากการกระทำ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นผลที่มาจากสิ่งที่ได้กระทำเอาไว้ และผลที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะส่งผลถึงอนาคตด้วยเช่นกัน

การเป็นหนี้ที่เกิดจากข้อแรกมองได้ว่าผลจากสภาวะไม่ว่าเป็นสภาพเศรษฐกิจในประเทศ หรือผลกระทบจากภาวะโลก แต่หากเป็นหนี้จากสาเหตุที่สอง ก็เป็นเพราะจากผลการกระทำของตัวคุณ ๆ กันเองทั้งนั้น สาเหตุสำคัญก็คือการเป็นหนี้จากความต้องการของตัวคุณเอง และเมื่อเกิดภาวะภายนอกเข้ามากระทบ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดหรือผลกระทบจากความขัดแย้งนอกประเทศ(รวมทั้งในบางครั้งก็เกิดจากภาวะในประเทศ ทำให้เกิดภาวะชะงักงัน) เมื่อเกิดภาวะที่รายได้ลดลงเราจึงไม่สามารถชำระหนี้ได้

รายจ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีรายได้หรือรายได้ลดลงได้อย่างน้อย 3 เดือน และสำหรับคนทำอาชีพอิสระต้องกันไว้เป็นรายจ่ายอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งขณะนี้มีการพูดถึงตัวเลขในบัญชีเงินฝากว่าล่าสุด มีเหลืออยู่แค่ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าเราไม่มีเงินสำรองกันเลย

ในตำราตะวันตก ได้กล่าวถึงคุณลักษณะของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะคนรุ่นใหม่ หรือบรรดาสารพัด Gen แต่ครอบคลุมลักษณะของคนในยุคปัจจุบัน แล้วลองเปรียบเทียบดูว่าในสถานการณ์โลก ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง คนกลุ่มไหนจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ข้อสำคัญหากไม่มีระบบรองรับ หรือที่เรียกว่าไม่มีสำรองฉุกเฉิน ซึ่งโดยปกติ คนที่มีรายได้ประจำหรือไม่ประจำ จะต้องสร้างสำรองเผื่อฉุกเฉินให้สามารถรองรับ ลองเปรียบเทียบดูว่า เรา ๆ ท่าน ๆ อยู่ในกลุ่มไหน ซึ่งรวบรวมได้ 6 ประเภทดังนี้

  1. YOLO : You Only Live Once. เป็นคนที่เชื่อว่าคนเราเกิดมาครั้งเดียว จึงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด เลยออกจะเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ถ้าดีก็ดีไป เพราะใช้ชีวิตแบบไม่ safe เลย
  2. HENRY : High Earners , Not Rich Yet. คุณเป็นคนที่มีหน้าที่การงานที่ดี มีรายได้ที่สูง แต่..มีรายจ่ายสูงเช่นกัน เนื่องจากเป็นคนที่มีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่หรูหรา สะดวกสบาย จึงมีภาระในการผ่อนค่อนข้างสูง
  3. PANKS : Professional Aunt , No Kids. อันนี้เขาบอกว่ามักเป็นผู้หญิงโสดวัย 30 ปีขึ้นไป (ปัจจุบันเป็นเพศชายก็พบได้เหมือนกัน) ให้ความสำคัญกับการงานมากกว่าการมีชีวิตคู่ รายได้ดี พึ่งพาตัวเองเป็นหลัก มีความปรารถนาจะใช้ชีวิตโสด
  4. DINKS : Double Income No Kids. คุณเป็นคนที่มีชีวิตคู่ มีความมุ่งมั่นในการทำงาน ฐานะดี แต่ไม่มีความต้องการจะมีลูก มีรายได้ 2 ทางจากคู่ครอง มีรายจ่ายประเภทแชร์กันคนละครึ่ง ค่อนข้างสุขสบาย
  5. FIRES : Financial Independent Retire Early. เป็นกลุ่มคนที่วางแผนได้ดีเยี่ยม ตั้งเป้าจะมีอิสระภาพทางการเงินก่อนเกษียณ เป็นคนที่ประหยัดในการใช้จ่ายและการใช้ชีวิต เพื่อสร้างเงินออมในการลงทุน และสร้าง Passive Income ตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน ปรารถนาชีวิตหลังทำงานอย่างคนมีอิสระ
  6. WOOF : Well Off Older Folk. คุณเป็นคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป มีรายได้สูง ไม่มีหนี้ และไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องลูก เพราะโต ๆ กันหมดแล้ว มีชีวิตที่กำหนดเส้นทางของตัวเอง

หากเชื่อว่า ผลที่เกิดขึ้นวันนี้มาจากการกระทำในอดีตซึ่งจะมีผลในอนาคต คุณกำลังรับกรรมในวันนี้แล้ว

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

เงินเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิต แต่ระวัง..อย่าปล่อยให้เงินทำลายชีวิต

ขาดสภาพคล่อง !!

บำนาญของคนมีบ้าน

×

Share

ผู้เขียน