ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคทองของอีคอมเมิร์ซ โดยในปี 2567 ตลาดมีมูลค่าทะลุ 1.1 ล้านล้านบาท และคาดว่าจะแตะ 2 ล้านล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว
วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย เปิดเผยในการแถลงข่าวล่าสุดว่า แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะเปราะบาง แต่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและนับเป็นตลาดที่มีการขยายตัวเร็วที่สุดในภูมิภาค โดยมูลค่าตลาดปี 2567 พุ่งทะลุ 1.1 ล้านล้านบาท เติบโตปีต่อปี (YoY) 21.7% สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งค่าเฉลี่ยภูมิภาคอยู่ที่เพียง 12% และคาดการณ์ว่าภายในปี 2573 จะขยายตัวแตะ 2 ล้านล้านบาท สวนทางกับภาพรวม GDP ไทยที่เติบโตช้าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
“สะท้อนว่าอีคอมเมิร์ซกลายเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก โดยในปี 2568 ยอดขายสินค้าบนอีคอมเมิร์ซคิดเป็น 1 ใน 4 ของตลาดค้าปลีกไทย และ 67% ของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลส”
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตดังกล่าวมาจากการที่นักช้อปชาวไทยซื้อของออนไลน์ต่อสัปดาห์สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก หรือคิดเป็นสัดส่วน 68% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 56.1%
เปิด 4 เทรนด์นักช้อปในไทย
วาริสฐา ชี้ว่า แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ผู้บริโภคไทยไม่ได้ช้อปน้อยลง โดยเฉพาะในอีคอมเมิร์ซที่ยังโตสวนกระแส ซึ่งลาซาด้าได้วิเคราะห์พฤติกรรมของนักช้อปไทยในยุคปัจจุบัน และสรุปเป็น 4 ประเด็นหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
- นักช้อปไทยคือ “Generation Connected” นักช้อปไทยในปัจจุบันไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกลุ่มอายุหรือเจเนอเรชัน แต่เป็นกลุ่มคนที่เปิดรับเทคโนโลยีและใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลอย่างใกล้ชิด สะท้อนจากจำนวนผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ในไทยกว่า 43.5 ล้านคน โดยเฉพาะ Gen Z และ Gen Y ที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 62% และ Gen X อีก 33% รวมกันแล้วกว่า 95%
- ความน่าเชื่อถือคือปัจจัยสำคัญ (Trust and Authenticity) นักช้อปยุคใหม่ไม่ได้มองหาแค่ราคาที่ถูกที่สุด แต่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของสินค้าและแพลตฟอร์มมากขึ้น สะท้อนจากยอดขายปี 2025 บน LazMall ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์แท้ที่เติบโตขึ้นกว่า 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ยังพบว่ายอดการสั่งซื้อต่อครั้ง (Basket Size) ของนักช้อปใน LazMall เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาทโดยเฉลี่ย ส่วนยอดขายต่อคำสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มทั้งหมดในช่วงแคมเปญเพิ่ม 15%
- วางแผนการใช้จ่ายอย่างฉลาด (Intentional Spending) ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการวางแผนและหาข้อมูลมากขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อ โดยจะมีการเปรียบเทียบราคา อ่านรีวิว และมองหาความคุ้มค่าในระยะยาว
- ความคุ้มค่าแบบองค์รวม (Value Beyond Price) ความหมายของความคุ้มค่าในปัจจุบันไม่ได้หมายถึงแค่ราคาถูก แต่คือ คุณค่าในภาพรวมของสินค้าและบริการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพที่เชื่อถือได้ การใช้งานระยะยาว หรือบริการหลังการขายที่ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้สินค้ากลุ่มพรีเมียมและเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคยอมจ่ายเพิ่มเพื่อสินค้าที่มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนานกว่า
กลยุทธ์และการเดินเกมของลาซาด้าสู่ Next Level
วาริสฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า ลาซาด้าในฐานะผู้นำตลาดที่ดำเนินธุรกิจในไทยมา 13 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของอาลีบาบา กรุ๊ป กำลังเดินเกมด้วยกลยุทธ์ Next-Level eCommerce เพื่อยกระดับมาตรฐานวงการอีคอมเมิร์ซ มุ่งหน้าสู่แพลตฟอร์มที่มอบความคุ้มค่าให้ผู้บริโภคไทย พร้อมเจาะตลาดคุณภาพด้วย 3 โฟกัสหลักที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามายกระดับประสบการณ์ให้กับทั้งผู้ซื้อ แบรนด์ และผู้ขาย คือ
- High-Quality Assortment การคัดสรรสินค้าคุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักช้อป โดยปัจจุบัน LazMall มีแบรนด์เข้าร่วมแล้วกว่า 32,000 แบรนด์ ทั่วภูมิภาค ล่าสุด เสริมทัพด้านสินค้า นำร่องโมเดลค้าส่งสำหรับลูกค้าธุรกิจ (B2B) ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการ ด้วยสินค้ากว่า 15,000 รายการ ครอบคลุมหมวดเกษตรกรรม อุปกรณ์ประปา และอุปกรณ์ไฟฟ้า
- High-Quality Experience สร้างความมั่นใจให้กับนักช้อปพร้อมยกระดับประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นในทุกมิติ อาทิ ‘4 การันตี’ จาก LazMall (การันตีสินค้าแบรนด์แท้ 100% – จัดส่งตรงเวลา – คืนสินค้าพร้อมเงินคืนไว – การันตีสต็อกพร้อม) โปรแกรมส่งเร็วพิเศษ Priority Delivery 24 Hours สั่งซื้อสินค้าภายในเที่ยง ได้รับสินค้าในวันถัดไป
- High-Quality Campaign การสร้างสรรค์แคมเปญคุณภาพที่เข้าใจและตอบโจทย์นักช้อปอย่างแท้จริง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
การใช้ AI ของลาซาด้าเพื่อยกระดับประสบการณ์
ลาซาด้าให้ความสำคัญกับการนำ AI เข้ามาขับเคลื่อนแพลตฟอร์มให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานจากอาลีบาบา กรุ๊ป ที่ประกาศทุ่มงบลงทุนด้าน AI จำนวน 380,000 ล้านหยวนใน 3 ปี ฟีเจอร์เด่น ๆ ที่ใช้ AI อาทิ
- Lazzie: แชตบอต AI ผู้ช่วยช้อปส่วนตัวที่ช่วยแนะนำสินค้า คูปอง และส่วนลดที่ตรงใจ โดยมีผู้ใช้งานกว่า 4 ล้านคน ในแคมเปญ 6.6 ที่ผ่านมา
- Virtual Try-On และ Skin Test: ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถทดลองแต่งหน้าและเสื้อผ้าเสมือนจริง รวมถึงวิเคราะห์สุขภาพผิวและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
- AI-Powered Smart Review: ระบบ AI ที่ช่วยสรุปรีวิวสินค้าจากลูกค้าจำนวนมาก ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น
- ระบบแนะนำสินค้า (Personalized Recommendation): AI ยังช่วยในการค้นหาและแนะนำสินค้า โดยอัลกอริทึมของลาซาด้าจะเรียนรู้จากพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน เพื่อนำเสนอสินค้าและแคมเปญที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและตรงใจ
“ลาซาด้าจะเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมนักช้อปไทยที่ฉลาดและคาดหวังสูง สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้อีคอมเมิร์ซไทย โดยล่าสุดได้รับรางวัลแบรนด์อันดับ 1 ในไทย จากรายงาน Thailand’s Top 50 Brands 2025 โดย Campaign Asia ด้วยคะแนน 84% สะท้อนความสำเร็จในการมอบคุณภาพและประสบการณ์ที่เหนือกว่า” วาริสฐากล่าวทิ้งท้าย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กับดัก Strategy: เมื่อนักการตลาดมี ‘แผน’ แต่ไร้ ‘กลยุทธ์’
พลิกเกมลงทุนโลก: ไทยชูยุทธศาสตร์ ‘ฮับสีเขียว-ดิจิทัล’