Share on
×

Share

15 บริษัทใน SET50 ต้องเปิดข้อมูล Biodiversity ภายในปี 2573

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2567 ได้มีการจัดประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 16 (Sixteenth meeting of the Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : CBD COP 16) ณ เมืองซานเตียโก เด กาลิ สาธารณรัฐโคลอมเบีย

CBD มีการจัดประชุมสมัชชาภาคี หรือ Conference of the Parties: COP เป็นประจำทุก 2 ปี เพื่อกำหนดทิศทางและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประชาคมโลก รวมทั้งเสนอแนวทางต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนประเทศภาคีจำนวน 196 ประเทศ ให้สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ 

สืบเนื่องจากการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 (CBD COP 15) เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ได้รับรองกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework: KM-GBF) เพื่อเป็นกรอบให้ภาคีนำไปจัดทำเป้าหมายชาติ (National Targets) และแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ (National Biodiversity Strategies and Action Plans: NBSAP)

เลขาธิการสหประชาชาติ Antonio Guterres ได้กล่าวถึงความสำคัญของการประชุม CBD COP 16 ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงานตาม KM-GBF โดยขอให้ภาคีอนุสัญญาฯ หารือถึงวิธีการที่จะนำแผนไปสู่การปฏิบัติ การระดมทรัพยากรทางการเงินให้เพียงพอสำหรับการดำเนินงาน การพิจารณากลไกสำหรับข้อมูลดิจิทัลของลำดับพันธุกรรมที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการปฏิบัติของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน

โดยประเทศไทย ได้เข้าร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก ใน 3 ประเด็นสำคัญระหว่างการประชุม CBD COP 16 ได้แก่

ประเด็นกลไกการเงินด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้มีการนำเสนอเเละเเลกเปลี่ยนการดำเนินงาน ร่วมกับภาคการเงินการธนาคารในการระดมทุน เพื่อมุ่งสู่ธรรมชาติเชิงบวก (nature positive) เพื่อปิดช่องว่างทางการเงิน ผ่านทางผลิตภัณฑ์และการศึกษา เพื่อวางเเนวทางการออกตราสารหนี้เพื่อธรรมชาติ การจัดทำอนุกรมวิธานทางการเงิน การศึกษาประเมินความเสี่ยง และการพึ่งพาความหลากหลายทางชีวภาพของภาคธุรกิจ

ประเด็นแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพและเป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และเป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน และร่วมเปิดตัวแผนอาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ

ประเด็นการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs) ได้มีการเเลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานด้านพื้นที่ OECMs โดยเน้นย้ำบทบาทของภาครัฐในการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดหุ้นส่วนความร่วมมือและเครือข่ายการทำงาน เพื่อปิดช่องว่าง ขยายโอกาส และแสวงหากลไกสนับสนุนการทำงาน

ก่อนหน้านี้ ได้มีการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการดำเนินงาน ครั้งที่ 5 (the Fifth meeting of the Subsidiary Body on Implementation: SBI5) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 ตุลาคม 2567 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยกร่างเอกสารการวิเคราะห์เป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ รวมถึงเอกสารข้อเสนอแนะในการดำเนินงานตามเป้าหมายและแผนปฏิบัติการฯ ได้มีข้อเสนอให้ริเริ่มกลไกการระดมทรัพยากรทางการเงินรูปแบบใหม่เพื่อใช้ในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนเช่น biodiversity finance, investment for green initiatives, synergies carbon credit for biodiversity conservation เพื่อนำเสนอให้ CBD COP 16 พิจารณาเป็นมติที่ประชุม สำหรับภาคีอนุสัญญาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินงานต่อไป

และเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ พ.ศ. 2566 – 2570 (ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ 12 เป้าหมาย) และเป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) จำนวน 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายแรก มีพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตพื้นที่คุ้มครอง (OECMs) ของประเทศ ทั้งบนบกและในทะเล อย่างน้อยร้อยละ 30 เป้าหมายที่สอง ดัชนีสถานภาพชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม (Red List index) ไม่น้อยลง จากข้อมูลปีฐาน พ.ศ. 2568 เป้าหมายที่สาม มีมาตรการในการจัดการสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่รุกรานที่มีลำดับความสำคัญสูงอย่างน้อยร้อยละ 35 และเป้าหมายที่สี่ สัดส่วนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET50 ที่เปิดเผยข้อมูลการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพโดยสมัครใจ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30

โดยในเป้าหมายที่สี่นี้ หมายความว่า จะมีอย่างน้อย 15 บริษัทจดทะเบียนที่ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพโดยสมัครใจภายในปี.. 2573 หรือภายในอีก 6 ปีนับจากนี้

องค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล (Global Reporting Initiative: GRI) ในฐานะผู้กำหนดมาตรฐานการรายงานแห่งความยั่งยืน (Sustainability Report) ได้ออกมาตรฐาน GRI 101: Biodiversity 2024 ที่สอดคล้องกับกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก เพื่อช่วยองค์กรธุรกิจทำความเข้าใจถึงการตัดสินใจและการดำเนินงานทางธุรกิจที่อาจนำไปสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในสายคุณค่า และวิธีการในการจัดการผลกระทบดังกล่าว

มาตรฐาน GRI 101: Biodiversity 2024 ประกอบด้วยรายการเปิดเผยข้อมูล 8 รายการ ได้แก่ Disclosure 101-1: นโยบายการหยุดหรือผันกลับการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ Disclosure 101-2: การจัดการผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ Disclosure 101-3: การเข้าถึงและปันส่วนประโยชน์ Disclosure 101-4: การระบุผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ Disclosure 101-5: ทำเลที่ตั้งกับผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพ Disclosure 101-6: ปัจจัยขับทางตรงต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ Disclosure 101-7: การเปลี่ยนแปลงภาวะความหลากหลายทางชีวภาพ Disclosure 101-8: บริการทางระบบนิเวศ

องค์กรธุรกิจที่สนใจในมาตรฐานดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.globalreporting.org/standards/standards-development/topic-standard-for-biodiversity/ (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

×

Share