Share on
×

Share

3 ผู้นำธุรกิจร่วมเปิดมุมมอง การรับมือกับอนาคตขององค์กร ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง

โลกธุรกิจกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งปกติ สิ่งที่เคยได้ผลในอดีตอาจไม่สามารถพาธุรกิจไปสู่อนาคตได้อีกต่อไป วันนี้องค์กรและธุรกิจต้องคิดใหม่ ทำใหม่ และสร้างแนวทางใหม่ในการเติบโต เพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง

Futuready 2025 งานที่จะพาไปเจาะลึกมุมมองของการดำเนินงานขององค์กรรัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน องค์กรระดับ Global ที่มองถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพร้อมวิธีรับมือที่จะทำให้ธุรกิจยังพัฒนาต่อไปได้ดีแม้เกิดความไม่แน่นอน กับจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป และดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูสรุปกัน

ปรับองค์กรให้พร้อมรับสำหรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

การเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็มาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้หลายองค์กรต้องเผชิญกับคลื่นของความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองคือ โครงสร้างธุรกิจระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไป

จรีพร แสดงความคิดเห็นว่า การตั้งคำถามว่า “ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไร?” อาจเป็นคำถามที่ช้าเกินไปแล้ว เพราะโลกธุรกิจปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรอคอยหรือปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปอาจไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงอนาคตให้ได้และการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่คลื่นของการเปลี่ยนแปลงจะมาถึง

สิ่งต่อมาคือ การมองเทรนด์เป็นกุญแจสำคัญ เทรนด์ใหม่ ๆ คือสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หากสามารถเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้ได้ก่อน ก็จะสามารถวางแผนและรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจที่มองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง จะสามารถเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์ได้ แต่ปีนี้ถือเป็นปีแห่งความท้าทายที่หนักขึ้นกว่าเดิมทั้งการเมือง สังคม เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ยังหาทางป้องกันได้ยาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นปีแห่งโอกาสสำหรับผู้ที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงและรู้ว่าต้องเดินไปในทิศทางใด

WHA Group กางโรดแมพแผนธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปีแตะ 150,000 ล้านบาท

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างธุรกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งปัจจุบันได้ก้าวขึ้นมาเป็นลูกค้าหลักของภาคอุตสาหกรรมไทยแทนที่ญี่ปุ่น ความแตกต่างสำคัญคือ จีนเป็นคู่ค้าที่ยุทธศาสตร์แตกต่างจากญี่ปุ่นเพราะจีนมาพร้อมกับทคโนโลยี กำลังเงิน กำลังคน และกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง การทำธุรกิจกับจีนต้องอาศัยการต่อรองที่รวดเร็วและมีความยืดหยุ่นสูง

ในโลกธุรกิจที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปองค์กรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงก่อนใคร จะเป็นผู้ที่อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ ในขณะที่ผู้ที่รอคอยหรือปรับตัวไม่ทัน อาจตกอยู่ในความเสี่ยงของการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

การก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด

ในมุมของไปรษณีย์ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจโลจิสติกส์ แต่ธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ต้องปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ยังต้องรับมือกับความท้าทายทางโครงสร้างและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์ยังเผชิญกับปัญหาไม่มีลายเส้นควบคุม ต่างจากธุรกิจอื่นที่มีข้อบังคับและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ปัจจุบันผู้เล่นใหม่ในอีคอมเมิร์ซหันมาทำธุรกิจโลจิสติกส์กันเอง และเมื่อเกิดปัญหาด้านโครงสร้างหรือการให้บริการ ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลที่สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดนันท์ มองว่าจุดแข็งที่สำคัญคือ ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่มีประวัติยาวนาน 141 ปี ในระยะเวลาร้อยกว่าปีไม่ควรเป็นเพียงสัญลักษณ์ของอดีต แต่ต้องทำให้คนรู้สึกว่า “เก่าแก่แต่ยังไม่แก่” เพราะในธุรกิจโลจิสติกส์ สิ่งสำคัญคือ การปรับตัวให้ทันยุคสมัยและความต้องการของผู้บริโภคจากการเป็นเพียงผู้ให้บริการจัดส่งจดหมาย ไปรษณีย์ไทยได้ขยายบริการสู่การจัดส่งพัสดุแบบ Express เพื่อตอบสนองการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ

ปัจจุบันผู้ค้ารายย่อยทำธุรกิจจากที่บ้าน ไลฟ์ขายของตอนเย็น แพ็กของและต้องการส่งของได้ทันที การให้บริการที่รวดเร็วและยืดหยุ่นจึงเป็นหัวใจสำคัญ การปรับตัวที่สำคัญคือการเปิดให้บริการ 365 วัน ไม่เว้นวันหยุด ปีใหม่ สงกรานต์ หรือวันอาทิตย์ ไปรษณีย์ไทยให้บริการทุกวัน พร้อมเพิ่มเวลาให้บริการกว่า 6,000 ชั่วโมงต่อเดือน เพื่อรองรับความต้องการของตลาด สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึง การบริหารจัดการกำลังคนและทรัพยากร เพื่อให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้บริการ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอุปสรรคที่ประสบคือ พ.ร.บ.ไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี และยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของยุคดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้ไปรษณีย์ไทยสามารถให้บริการที่เข้าถึงคนไทยทุกคนในราคาที่เหมาะสม

ในขั้นต่อไปคือ ไปรษณีย์จะไปถึงแนวคิดใหม่ขององค์กรคือ Delivering Sustainable Growth ที่จะไม่ได้เติบโตเพียงลำพัง แต่ต้องสร้างระบบที่ช่วยให้พันธมิตรและผู้ประกอบการที่ร่วมมือกันเติบโตไปด้วยกัน พัฒนาเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ เพราะเมื่อทุกภาคส่วนขยายตัว ไปรษณีย์ไทยก็จะเติบโตไปพร้อมกัน และจะสร้างคุณค่าและเครือข่ายเพื่อความอยู่รอดในระยะยาวแม้จะมีการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ Market Share ของไปรษณีย์ก็ยังเติบโตมาจากความเชื่อใจไม่สามารถสร้างขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่มันเกิดจากการที่เราทำงานใกล้ชิดกับชุมชนมาหลายสิบปี จุดแข็งของไปรษณีย์ไทยคือ เครือข่ายที่เข้าถึงทุกพื้นที่ในประเทศ และมีบุรุษไปรษณีย์ที่ผู้คนคุ้นเคยและไว้วางใจ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดต่างจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าอื่น ๆ

ผู้นำควรเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงผ่านเทคโนโลยีและ AI

เทคโนโลยีและ AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น หัวใจสำคัญขององค์กรยุคใหม่ การทำ AI Transformation อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจาก พื้นฐานที่มั่นคง ซึ่งหมายถึงการพัฒนาคนให้พร้อมรับมือกับ AI ไม่ใช่เพียงแค่การนำ AI เข้ามาแทนที่

เรืองโรจน์ ชี้ให้เห็นว่า CEO ยุคปัจจุบันอาจเป็นยุคสุดท้ายของการบริหารองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์เพียงอย่างเดียว เพราะในอนาคต การบริหารองค์กรจะเป็นการผสมผสานระหว่าง มนุษย์และ AI และในระยะต่อไป ระบบอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เมื่อปีที่แล้ว KBTG (Kasikorn Business Technology Group) มีวิศวกรเพียง 250 คน แต่ในปีนี้ ตั้งเป้าขยายทีมให้ถึง 750 คน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า องค์กรที่ต้องการก้าวสู่อนาคต ต้องเน้นการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง (Continuous Learning) การทำ Digital Transformation ไม่ใช่เพียงแค่การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ต้องฝังลึกลงไปใน DNA ขององค์กร เพราะหากการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นจากรากฐาน วัฒนธรรมองค์กรก็จะไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงระยะยาวได้ สุดท้ายแล้ว Transformation จะจบก็ต่อเมื่อมันกลายเป็น DNA ของคุณนั่นหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงต้องไม่ใช่เพียงแค่โครงการหนึ่งขององค์กร แต่ต้องเป็นแนวทางที่ขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้นำ เป็นผู้ที่ Transform ตัวเองอยู่เสมอ

เมื่อการศึกษาเปลี่ยนชีวิต ….. “กระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล จะใช้ชีวิตนี้เพื่อเปลี่ยนการศึกษาของประเทศ

ในส่วนของการแข่งขันในสงคราม AI เรืองโรจน์ มองว่าต้นทุนและประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญ AI กำลังทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เล่นรายใหม่อย่าง DeepSeek เข้ามาในสนามแข่งขัน ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญของการแข่งขันในสงคราม AI คือ การลดต้นทุน (Cost Efficiency) ในขณะที่ยังสามารถรักษาหรือเพิ่มประสิทธิภาพ (Performance) ได้เทียบเท่าคู่แข่ง ปัจจัยนี้ทำให้ประเทศที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง จะได้เปรียบอย่างมหาศาล KBTG ไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงหน่วยงานสนับสนุนด้านไอทีของธนาคาร แต่เป็น Tech Company ที่สร้างโซลูชันทางการเงินยุคใหม่ เป้าหมายคือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เชื่อมต่อธุรกิจ ผู้บริโภค และพันธมิตรเข้าด้วยกันมีการสร้างพันธมิตรผ่าน Open Banking และ API เพื่อขยายตลาดรวมถึงวางรากฐานของ Continuous Learning เพื่อให้พนักงานพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บล็อกเชน x นโยบายภาครัฐ สะพานเชื่อมเทคโนโลยี

เอสซีจีชี้ผลบวกหลังทรัมป์หวนคืนทำเนียบขาว ราคาน้ำมันลดส่งผลต้นทุนผลิตต่ำลง-หาช่องลุยสหรัฐแทนจีน

×

Share

ผู้เขียน