Share on
×

Share

‘2025’ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้นำจะต้องทำอย่างไร ให้องค์กรอยู่รอดและเติบโต

“ผู้นำ” คือผู้มีบทบาทสำคัญในการนำพาองค์กรให้เกิดการลงมือทำ หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการ เพื่อรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นได้ก่อนใคร องค์กรและธุรกิจไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์เดิมในการแข่งขันอีกต่อไป เพื่อที่จะอยู่รอดและเติบโตในภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปี 2025 นี้

ต่อไปนี้คือบทสรุปสถานการณ์ เทรนด์ ความท้าทาย และการตั้งรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในตลาดธนาคาร พลังงาน และการท่องเที่ยว จากเวที Futuredy 2025 ผ่านมุมผู้นำธุรกิจ กอบกาญจ์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), พิสุทธิ์ เพียรมนกุล ผู้อำนวยการ Climate Economy Agenda BRANDi Institute of Systematic Transformation (BiOST) และที่ปรึกษาด้าน Intelligence Management บริษัท แบรนดิ แอนด์ คอมพานีส์ จำกัด และ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)

ผู้นำต้อง “ลุกขึ้นนำ” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

ตลาดการเงินมีการเปลี่ยนแปลงเร็วและรุนแรงกว่าที่เราคาดคิด ปัจจัยต่าง ๆ เช่น Trade War, Carbon War และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมต่อเศรษฐกิจโลกและประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตลาดการเงิน ธุรกิจ และองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอดและเติบโต

กอบกาญจ์ มองว่า ความท้าทายที่ต้องเผชิญคือ ปัญหาภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือน และความไม่แน่นอนด้านนโยบาย เป็นปัจจัยที่ลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน การตั้งกำแพงภาษีและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น สหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ทางการค้า ขณะที่ยุโรปให้ความสำคัญกับคาร์บอน ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าของธนาคารทั้งทางตรงและทางอ้อม การแข่งขันจากคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง Tech Companies และธุรกิจดิจิทัลใหม่ ๆ ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด รวมไปถึงการปรับตัวของพนักงานในองค์กรเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องยากที่จะสร้างบุคลากรที่มีความคิดเชิงบวก พร้อมเรียนรู้ และมีแพชชั่นในการพัฒนาองค์กร

ผู้นำเองก็ “อย่ามองสถานการณ์แบบลบ ๆ” เนื่องจากการยกระดับวิสัยทัศน์ของผู้นำ และการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง เป็นหัวใจสำคัญของการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

แต่ธนาคารกสิกรไทย มุ่งเน้นการเป็น Green Banking ที่สนับสนุนลูกค้าลดคาร์บอนและการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน ทำงานร่วมกับลูกค้าและผู้ประกอบการเพื่อสร้าง Beyond Banking Solutions เช่น การให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนทางการเงิน สำหรับโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืน นับเป็นการมองหาโอกาสในความท้าทายเพื่อความยั่งยืนในระดับองค์กรและตลาด

เรื่องพลังงานสะอาดไม่ง่าย เพียงต้องเร่งสร้างความสมดุลย์

อนาคตของพลังงานสะอาดในประเทศไทย มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ประเทศไทยมีศักยภาพด้านพลังงานอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในเรื่อง “ไม่ดับ” ซึ่งเป็นความมั่นคงด้านพลังงานที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก แม้ว่าความเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงาน เช่น การต่อต้านพลังงานสะอาดในบางประเทศ อาจสร้างแรงเสียดทานต่อความก้าวหน้า แต่ประเทศไทยยังมีโอกาสพัฒนาในด้าน Green & Technology เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับความเร็ว (Economy of Speed), นวัตกรรม (Innovation) และ ความสมดุล (Balance & Sustainability) ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญ ในการเชื่อมโยงการผลิตพลังงานสะอาดกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI)

พิสุทธิ์ กล่าวว่า หนึ่งในก้าวสำคัญของการปรับตัวและพัฒนาพลังงานและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย คือการสร้างการตระหนักรู้ถึงผลกระทบของ Carbon Footprint ในชีวิตประจำวัน โครงการอย่าง “Innovation Engineering Sustainability” ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความรู้ด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) และปลูกฝังความสำคัญของความยั่งยืนให้กับคนรุ่นใหม่ สถาบันคาร์บอนสำหรับ SME ยังเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการลดต้นทุนการปรับตัวของธุรกิจรายย่อย โดยเปิดโอกาสให้เรียนรู้และนำแนวคิดด้านคาร์บอนไปใช้ในการดำเนินงาน นี่เป็นการเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ตั้งเป้าขยายไปยังสังคมในวงกว้าง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถลด GHG (Greenhouse Gas) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

ส่วนความท้าทายในมุมของธุรกิจพลังงาน อย่าง กฟผ. (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ความท้าทายสำคัญคือการลด Carbon Footprint ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 33 ล้านตัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 จำเป็นต้องมีการควบคุมการปล่อยคาร์บอนอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งประเมินและเลือกใช้แหล่งพลังงานที่เหมาะสม เช่น พลังงานนิวเคลียร์หรือเทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานสะอาดในอนาคตได้ ความซับซ้อนของการจัดการพลังงานและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องการการวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้สมดุลระหว่างความต้องการของตลาด

เทรนด์และความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ต้องจับตามอง

ในปี 2025 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเผชิญกับแรงผลักดัน จากหลายเทรนด์สำคัญที่ได้รับการคาดการณ์โดย World Economic Forum เมื่อปี 2024 ความท้าทายที่โดดเด่น เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Crisis), ความเสี่ยงจาก AI, ความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง, ปัญหาความเหลื่อมล้ำในเศรษฐกิจโลก และภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Risk) ล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ประเทศไทยจึงต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับกระแสเหล่านี้ โดยเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่มีเป้าหมาย (Purpose-Driven Tourism), การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism), และการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Travel)

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)

ศุภจี ชี้ 5 เทรนด์หลักของการท่องเที่ยวในปี 2025 ได้แก่

  1. Experiential & Purpose-Driven Tourism : นักท่องเที่ยวกำลังมองหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและมีจุดมุ่งหมาย เช่น การเดินทางเพื่อสุขภาพ (Health and Wellness) และ MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) ซึ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจและเหตุผลที่ชัดเจนให้กับการเดินทาง
  2. Sustainable & Regenerative Tourism : การท่องเที่ยวที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การปลูกป่าหรืออนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น กลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญ
  3. Luxury & Bucket-List Travel : การเดินทางที่เน้นความหรูหราและตอบสนองความต้องการเฉพาะ เช่น การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญระดับโลก (Bucket-List) และการเดินทางแบบ Multi-Destination ที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัว
  4. Bleisure & Flexible Travel : การผสมผสานระหว่างการทำงานและการพักผ่อน (Workcation) ทำให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบอย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการทำงานระยะไกลและการพักผ่อน
  5. Tech-Enabled & Personalized Travel : การใช้เทคโนโลยี เช่น AI และแอปพลิเคชันด้านการท่องเที่ยว ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งตามความต้องการของนักท่องเที่ยวแต่ละราย

ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) อย่างไรก็ตามความท้าทายสำคัญ เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ยังต้องปรับปรุง ความเปลี่ยนแปลงของแรงงาน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้การปรับปรุงกฎระเบียบและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและธุรกิจยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก ซึ่งแนวทางปรับตัวเพื่ออนาคตของการท่องเที่ยวไทยคือการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) และกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก การสร้างรายได้และกระจายบริการที่หลากหลายควรครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการพัฒนาประสบการณ์ท้องถิ่นที่ดึงดูดใจและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว การลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงบริการ เช่น การใช้ข้อมูลเชิงลึก (Data-Driven Insights) จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญในระดับโลกในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

3 แนวโน้มโลกจากงาน WEF2025 ประเทศไทยต้องจับตา “AI ประชากร พลังงาน”

ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 วาระตลอดชาติ…

บทบาทประเทศไทยกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ พลังงาน และเทคโนโลยี AI ของโลก

×

Share

ผู้เขียน