Share on
×

Share

ถอดบทเรียนการสร้างธุรกิจจากบริษัทชั้นนำ การคว้าโอกาส และการปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

เมื่อพูดถึงโลกธุรกิจ ภาพที่ทุกคนมักจะได้เห็นและจดจำคือ ภาพของความสำเร็จซึ่งเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แต่เมื่อมองให้ลึกลงไปแล้วทุกธุรกิจล้วนมีเรื่องราวที่ต้องฟันฝ่า พบเจอกับปัญหามากมายที่ต่างถาโถมเข้ามาอยู่เสมอ คงไม่มีใครจะได้เดินอยู่ในถนนแห่งการแข่งขันนี้ได้ง่าย ๆ แบบที่โรยด้วยกลีบกุหลาบกันตั้งแต่วันแรก

ดังนั้น ที่งาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future มีเสวนาในหัวข้อ “Catching opportunities in the new area กลยุทธ์คว้าโอกาสธุรกิจในโลกใหม่ ได้ย้อนรอยที่มาที่ไปก่อนจะกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จากกลุ่มผู้ประกอบการของบริษัทชั้นนำอย่าง LINE Man Wongnai บริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม และ Freshket ผ่าน 3 มุมมองของผู้ร่วมก่อตั้งที่จะมาเล่าว่าในความเป็นผู้ประกอบการของบริษัท ต้องพบเจอกับอะไร มีอุปสรรคอะไรบ้างที่ต้องเผชิญ และมองเห็นโอกาสอะไรใหม่ ๆ ในยุคปัจจุบันนี้

มาดูสรุปจากการเสวนากันระหว่าง ฐากูร ชาติสุทธิผล ผู้ร่วมก่อตั้ง FoodStory และหัวหน้าฝ่ายนวัตกรรม point of sale LINE Man Wongnai รองศาสตราจารย์เภสัชกรหญิงดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด และ พงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Freshket เพื่อหาอินไซต์และนำแนวคิดดี ๆ มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณไปพร้อม ๆ กัน

Freshket กับการเห็นโอกาสและปัญหาของการทำธุรกิจด้าน Food supply chain

เริ่มต้นกันที่ พงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Freshket กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการทำ Freshket เอาไว้ว่า Freshket เริ่มต้นจากการเห็นโอกาส โดยเริ่มจากการที่เคยเป็นธุรกิจ SME เกี่ยวกับผักวัตถุดิบอาหาร โดยทำแบบ Traditional Way มาก่อนคือ การนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาคัดตัดแต่งส่งตรงไปที่ร้านอาหารมาก่อน และอยู่ในตลาดไทเป็นหลัก ซึ่งจุดนั้นทำให้เราเกิดคำถามสงสัยกันว่า ทำไมตลาดไทถึงมีรถวิ่งเข้า-ออกตลอด 24 ชั่วโมง และในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีรถที่วิ่งเข้าออกแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะรถ 6 ล้อ รถ 10 ล้อ นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้สังเกตเห็นถึง Market Size ของตลาดนี้ และเริ่มต้นมองเห็นโอกาสรวมความน่าสนใจในแง่ธุรกิจ

หากถามว่าโอกาสที่มองเห็นคืออะไร นั่นคือเรื่องของการที่เกษตรกรในเมืองไทยเก่งนั้นในเรื่องของการปลูก แต่ไม่ถนัดแต่เรื่องของ Supply Chain ถ้ามีบริษัทใดเข้ามาปรับปรุงกระบวนการของ Food Supply Chain ได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ดี จึงนำโอกาสที่ได้เห็นของตลาดขนาดใหญ่ และจุดอ่อนใน Industry นี้มารวมกัน แล้วมาลองดูว่าจะสามารถที่จะทำธุรกิจเพื่อนำเสนอ Solution อะไรออกมาได้บ้าง เลือกเกิดเป็นไอเดียของ Freshket ออกมา

Freshket ต่อยอดไอเดียสู่การพัฒนาเทคโนโลยี “Just in time model”

สำหรับแนวคิดของ Freshket นั้นจะเป็นรวบรวมแหล่งวัตถุดิบทั้งของสดของแห้ง ส่งตรงไปให้ยังร้านอาหาร โดยจะทำตั้งแต่กระบวนการรวบรวมไปจนถึงการส่งของไปถึงหน้าร้าน ซึ่ง Freshket จะใช้เทคโนโลยีในการ พัฒนาตัว Food supply chain นี้ขึ้นมาในทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำ Processing Center, Distribution Center และ Logistics เพื่อทำให้ตัวร้านอาหารได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรับสินค้า

ซึ่งการจะพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาได้ก็ต้องลองเข้าไปดูงานในแต่ละจุด โดยการตั้งโจทย์ก่อนว่า เราต้องการอะไร และมองย้อนกลับมาว่า เราจะทำอะไรให้สามารถตอบโจทย์กับสิ่งที่คนมองหาได้ ซึ่งสินค้าหมวดแรกที่ได้เข้าไปลองจะเป็นสินค้าในหมวดของผัก ซึ่งคนส่วนใหญ่เนี่ยมองว่าการทำ Supply Church ของผักนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเนื่องจากผักมักเน่าเสียง่าย สิ่งที่ Freshket ได้พัฒนาออกมานั่นก็คือ Just in time model ซึ่งในการทำ Supply Chain นี้ไม่จำเป็นต้องเก็บสต๊อกของเลย

สิ่งที่มองว่ายากสำหรับการทำ Freshket คืออะไร

ความยากที่สุดของงานนี้ก็จะมีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟอร์มทีม เพราะเราไม่ได้มีความรู้เรื่อง Tech หรือ Operation เลย และต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุด ต่อมาก็จะเป็นเรื่องของความยากในการบริหารจัดการทีม ต้องคิดเสมอว่าต้องทำอย่างไรให้มีทีมที่เข้มแข็งในการทำงานอยู่เสมอ

สถานการณ์ของธุรกิจ Freshket ในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากผ่านการดำเนินธุรกิจมา สถานะในปัจจุบันของธุรกิจอยู่ใน Series B+ และเข้าใกล้จุดของการทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น จากการที่เข้าถึงตลาดร้านอาหารของเมืองไทยซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากกว่า 5-6 แสนร้านอาหารที่มีอยู่ และก็ยังมีโอกาสอีกมากทีเดียวที่จะสามารถขยายฐานเข้าไปเจาะตลาดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีก

ใบยาไฟโตฟาร์มเริ่มต้นจากการเห็นปัญหาของการทำยามุ่งสู่การทำธุรกิจไบโอเทค

รองศาสตราจารย์เภสัชกรหญิงดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัดไม่ได้เริ่มต้นจากการสวมหมวกของนักธุรกิจ แต่เริ่มจากการสวมหมวกของนักวิชาการและตั้งคำถามกับปัญหาที่พบ นั่นคือ การได้เห็นคนไข้จำนวนมากที่เป็นโรคบางโรคและไม่มียารักษา เพราะบริษัทยาข้ามชาติไม่ทำ และเกิดคำถามว่าทำไมประเทศไทยเราไม่ทำยาเอง ถ้าวันหนึ่งคนในครอบครัวเราอยากจะใช้ยาเพื่อรักษาบางโรคแต่ไม่มียารักษา เราจะทำอย่างไร ก็เลยทำให้เริ่มต้นไปลองทำ และทำให้เราเริ่มเห็นโอกาสว่ายาก็เหมือนอาหาร สิ่งนี้คือปัจจัย 4 ซึ่งถ้ามันเป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้จริง ทำให้เราตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจนี้

ความท้าทายของธุรกิจการผลิตยาคืออะไร

การผลิตยาของเราและเป็นของเราเอง ในการแข่งขันกับประเทศอื่น ด้วยความเริ่มต้นทำโดยที่ไม่รู้ และไม่มีใครเคยทำ ซึ่งแตกต่างกับอุตสาหกรรมประเภทอื่นที่อาจจะมีเคสของคนมีประสบการณ์ ไม่มีไกด์บอกไม่มีหนังสือที่เราจะสามารถไปเปิดดูได้ว่าถ้าเราอยากผลิตยาเราจะต้องทำอย่างไร นี่เป็นปัญหาหลักในการเริ่มต้นของการทำธุรกิจ

ได้เรียนรู้อะไรจากการทำธุรกิจด้านยาบ้าง

สิ่งที่เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในการทำอุตสาหกรรมยาคือ เรื่องของความคิด เพราะเราไม่สามารถที่จะคิดในระดับ local ได้ เนื่องจากการลงทุนนั้นสูงมาก ทำให้ต้องมองในระดับของ Global นอกจากนี้ยังทำให้รู้ว่าแนวคิดของการทำยาให้เฉพาะคนไทยนั้นอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวของธุรกิจ ต้องมองว่ายาที่ทำขึ้นมานั้นผลิตมาสำหรับตลาดใหญ่มากแค่ไหน และคนไข้ต้องการยาอะไร ซึ่งบริษัทยาทั่วโลกนั้นโฟกัสยารักษาอยู่ไม่กี่โรค เช่น ยารักษามะเร็งที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขและยังแก้ไขไม่ได้ ซึ่งก็ต้องไปร่วมมือกับนักวิจัยในระดับโลก

และเมื่อเปลี่ยนแนวคิดไปยังตลาดระดับโลก ทำให้ใบยาไฟโตฟาร์ม มีการโฟกัสผลิตภัณฑ์อยู่ 2 ตัว คือ ยารักษาโรคมะเร็งที่มีการแพร่กระจายไปยังสมอง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคุณหมอในประเทศไทยที่เป็นมะเร็งเข้าสมอง ยาอีกชนิดคือ Antibody ในกลุ่มของการรักษาที่จำเป็นจะต้องให้ยาอาจจะในทุก ๆ 2 สัปดาห์ ให้กลายเป็นทุก 2 เดือนหรือ 4 เดือน เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น แล้วจะสามารถนำไปใช้ได้กับยาหลาย ๆ กลุ่มมากขึ้น

สถานการณ์ของธุรกิจใบยาไฟโตฟาร์มในปัจจุบันเป็นอย่างไร

ใบยาไฟโตฟาร์ม ยังเป็นธุรกิจไบโอเทคที่อยู่ในขั้น Early หรือระยะเริ่มต้น ซึ่งมีอายุราว 6 ปี เราได้รับทุนจากทางรัฐบาลเพื่อที่จะพัฒนาในเรื่องของการผลิต การขยายธุรกิจ และรายการทดสอบ Proof Concept ต่าง ๆ ดังนั้น เราอาจจะยังอยู่ในขั้นของการเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะโตและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต

จุดเริ่มต้นของ LINE Man Wongnai กับการแก้ปัญหาธุรกิจให้กับร้านอาหาร

ฐากูร ชาติสุทธิผล ผู้ร่วมก่อตั้ง FoodStory และหัวหน้าฝ่ายนวัตกรรม point of sale LINE Man Wongnai เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดบริษัทให้ฟังว่า ในปี 2012 นั้นร้านอาหารในประเทศไทยมักใช้ระบบในการจัดการด้วยคอมพิวเตอร์แบบตั้งอยู่กับที่ พนักงานบริการจดข้อมูลด้วยมือเดินไปมา และไม่สามารถที่จะดูข้อมูลรีวิวของผู้บริโภคได้ จึงทำให้อยากเป็นหนึ่งในตัวแทนที่จะพัฒนาระบบบางอย่างที่อยู่บนแท็บเล็ต และทำให้พนักงานที่ให้บริหารจัดการได้ทุกที่ทุกเวลา รับออเดอร์ได้ที่โต๊ะส่ง Order ไปที่ครัวและเช็ก Bill ได้ที่โต๊ะ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดเป็น FoodStory ที่เป็นระบบการจัดการร้านอาหารขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารที่หลายคนมองว่าเป็นธุรกิจรายได้ที่ดีแต่ไปไหนไม่ได้ โดยปรับปรุงระบบการบริหารจัดการที่ไม่เอื้ออำนวยให้สามารถทำธุรกิจให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

“FoodStory” Cloud Base Solution แรกของเมืองไทย

FoodStory ได้กลายเป็น Cloud Base solution แรกของเมืองไทย เพราะเรามี Business ที่ค่อนข้างหลากหลายมากกว่าประเทศอื่น ทำให้เราสามารถทำระบบ POS ขึ้นมาโดยที่คู่แข่งจากต่างชาติเข้ามาทำแบบเราได้ยาก ซึ่งในช่วงแรกเริ่มเราเริ่มจากการสร้าง Restaurant ecosystem ด้วยตัวเอง แต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิดกับการที่จะทำตัวระบบ สั่งออเดอร์จากมือถือของลูกค้า และสามารถที่จะเขียนรีวิวกลับมาที่ร้านค้าได้ เนื่องจากในตอนนั้นหมวดของ Restaurant Ecosystem ของบ้านเรายังไม่ได้แข็งแรงพอที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวระบบทั้งสองฝั่งในฝั่งของระบบ POS และ Consumer เราต้องใช้เวลากว่า 3 ปีกว่าจะมีลูกค้ารายแรกเข้ามา นอกจากนี้ เรามีทีมที่เล็กมากในการที่จะพัฒนาระบบทั้งสองฝั่ง และธุรกิจร้านอาหารนั้นมี Operation process ที่วุ่นวายมาก มีปัญหาทั้งในด้านความเร็วที่ถ้าเกิดการล่าช้าในการส่งออเดอร์ ก็จะมีปัญหาทันทีและลูกค้าก็จะไม่พอใจ ซึ่งหากรู้เรื่องนี้ก็อาจจะไม่ได้เริ่มต้นตัวธุรกิจนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรก

แต่หลังจากเปิดบริษัทมา 6 ปีในปี 2018 เราก็เริ่มที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง และทางผู้บริหารจาก Wongnai media ก็เข้ามาลงทุนเพิ่ม เราจึงมีความคิดร่วมกันที่คิดว่า Food Delivery จะเป็น The Last Frontier ธุรกิจ Startup ที่เป็น Unicorn ได้ จึงอยากเป็นตัวแทนของคนไทยที่จะคอยต้านการเข้ามารุกล้ำของต่างชาติ สุดท้ายจึงได้รับเงินทุนและได้ร่วมสร้าง Wongnai POS ขึ้นมา และเติบโตแบบก้าวกระโดดมาจนถึงปัจจุบัน

ความยากของการทำธุรกิจนี้คืออะไร

เราโดนข้อครหาในการที่จะพยายามเปลี่ยนตัวระบบ PC ที่มีประสิทธิภาพและความพร้อมอยู่แล้วมาเป็นการใช้งานผ่านแท็บเล็ต ซึ่งหลายคนมองว่าจะมีความคงทนหรือเปล่า จะสามารถใช้ในการดำเนินธุรกิจได้จริงแค่ไหน แต่เราก็สามารถก้าวผ่านและทำให้เป็นที่ยอมรับและได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการนำพา Innovation ต่าง ๆ เข้ามาใช้เพิ่ม เช่น Cloud Best Solution ที่เป็นการทำงานระหว่างเครื่องโดยที่ไม่มี Server การสั่งผ่านมือถือของลูกค้า ฯลฯ ซึ่งก็ตอบโจทย์กับความตั้งใจที่อยากจะเป็นธุรกิจที่ช่วยนำพาร้านอาหารไปยัง Restaurant 4.0 ให้ได้เร็วที่สุด

สรุปโอกาสที่มองเห็นเพิ่มเติมในแง่มุมของการทำธุรกิจในโลกใหม่

นอกจากการย้อนรอยถึงที่มาที่ไปของธุรกิจทั้ง 3 รูปแบบแล้ว ในการเสวนาครั้งนี้ยังได้ Key Takeaway ในเรื่องของมุมมองและการเห็นถึงโอกาสเพิ่มเติมจากทั้ง 3 ท่านอีกด้วย โดยเริ่มต้นที่ ฐากูร ชาติสุทธิผล ที่กล่าวถึงการเล็งเห็นโอกาสที่ LINE Man Wongnai จะสามารถทำให้เกิด Eco System ทั้งในฝั่งของ Consumer ฝั่ง Merchant  อย่างร้านค้า และฝั่งของ Rider ที่คอยขนส่งอาหารจากการที่เศรษฐกิจมีการหดตัวและผู้บริโภคมีการจับจ่ายที่น้อยลง รวมถึงเปลี่ยนมุมมองของบริษัทเป็น Digital Life Thailand ทำให้แต่ละฝั่งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีรายได้ที่ยั่งยืน โดย LINE Man Wongnai มี 3 Business Unit ในการทำสิ่งเหล่านี้ คือ

  1. ธุรกิจ On demand service ของบ้าน LINE Man ที่เป็นธุรกิจ Food Delivery สั่งซื้ออาหาร รวมถึงมีธุรกิจ Mart สั่งซื้อร้านสะดวกซื้อ Super Market ธุรกิจ Messenger ที่เรียกรถสำหรับส่งของ และธุรกิจใหม่ที่เป็น LINE Man ride ให้สามารถที่จะเรียกรถสำหรับรับ-ส่งได้
  2. ธุรกิจ Merchant digital solution ระบบร้านค้าต่าง ๆ เช่น Wongnai media, Wongnai merchant app, Wongnai POS
  3. ธุรกิจ Line pay

ส่วนพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ กล่าวถึงโอกาสสำหรับ Freshket ที่มองเห็นเอาไว้ว่า ปัจจุบัน Freshket อยู่ในตลาดที่ใหญ่มาก ซึ่งตอนนี้มีลูกค้าอยู่ 6,000 เจ้าในกรุงเทพฯ ที่เป็นร้านอาหาร แต่ในด้าน Market Size ของประเทศไทยอ้างอิงตัวเลขจาก LINE Man Wongnai มีอยู่ประมาณ 600,000 ราย และอยู่ในกรุงเทพฯประมาณ 200,000 – 300,000 ราย ดังนั้น ในทางลึกและในทางกว้าง Freshket ยังสามารถที่จะขยายไลน์ของสินค้าเพิ่มขึ้นได้อีก ซึ่งเราจะเริ่มต้นมองหาและใช้โอกาสเพิ่มเติมจากการคิด โดยจะคิดว่า เราสามารถที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้ไหม สามารถขึ้นมาเป็นโมเดลธุรกิจได้ไหม และสร้างกำไรได้หรือเปล่า หากทั้งหมดลงตัวก็พร้อมที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจตามโอกาสนั้นต่อไปในอนาคต

สุดท้ายในฝั่งของรองศาสตราจารย์เภสัชกรหญิงดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ กล่าวถึงโจทย์สำหรับบริษัทใบยาไฟโตฟาร์มที่มองว่าอยากทำยาใหม่ที่คนเข้าถึงได้ และการที่มีคู่แข่งมากขึ้นในตลาดโลกนั้นก็ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดสามารถถูกแบ่งออกมาได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่มีเจ้าตลาดเพียงแค่ไม่กี่ราย ดังนั้น จึงมองว่า โอกาสเรื่องนี้คือ การได้เห็นว่าคู่แข่งทำอะไร และเราจะเลือกทำอะไร อย่างใน 10 ปีที่แล้วจีนยังไม่มีเรื่อง Bio tech ไม่มีใครอยากซื้อยาจากจีน แต่ตอนนี้ License ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นจากจีน จากโอกาสตัวอย่างนี้ที่เราได้เห็นและด้วยตัวธุรกิจเองมันไม่ใช่ธุรกิจที่จำเป็นจะต้องเลือก แต่มันเป็นธุรกิจที่ต้องทำเพื่อที่จะขยายอุตสาหกรรมการผลิตยาในไทยให้สามารถผลิตออกมาโดยที่ไม่ต้องพึ่งยาของต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเรามองเป้าหมายสุดท้ายและหาทางทำมันไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งอาจจะถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้จริงจากการเรียนรู้และลงมือทำ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

NIA กับภารกิจ ขับเคลื่อนสตาร์ตอัพไทยให้เติบโตสู่ระดับยูนิคอร์นมากขึ้น

ทำความรู้จักกับ “Biorevolution” กับการปฏิวัติวิถีชีวิตของมนุษยชาติด้วยเทคโนโลยีชีวภาพยุคใหม่

×

Share

ผู้เขียน