Share on
×

Share

CP Axtra: กลยุทธ์ Zero Waste จัดการขยะอาหารและพลาสติกสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน

ในงาน GCNT Expo 2025 ประเด็นเรื่อง “ขยะ” ถูกหยิบยกขึ้นมานำเสนอในมุมมองใหม่ที่สร้างสรรค์และน่าทึ่ง ผ่าน session “SDGs in Action: Tackling Waste Across the Supply Chain” โดย ศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ แม็คโคร และ โลตัส ได้ฉายภาพให้เห็นว่า หากเราเปลี่ยนมุมมอง ขยะจะไม่ใช่ “ของเสีย” อีกต่อไป แต่สามารถกลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของสิ่งที่มีคุณค่า สร้างประโยชน์หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ปัญหาใหญ่ระดับโลก สู่ภารกิจท้าทายของค้าปลีกยักษ์ใหญ่

ศิริพรเริ่มต้นด้วยการเจาะลึกถึงวิกฤตการณ์เงียบที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก นั่นคือ ขยะอาหาร (Food Waste) ที่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสิ้นเปลือง แต่เป็นตัวการสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อขยะอาหารกว่า 1 พันล้านตันต่อปีทั่วโลกถูกนำไปฝังกลบ มันจะย่อยสลายในสภาวะไร้อากาศและปลดปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนรุนแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่า สำหรับประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ตัวเลขขยะอาหารสูงถึง 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณมหาศาลที่ถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

ท่ามกลางวิกฤตินี้ CP Axtra ในฐานะผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นข้อต่อสำคัญของห่วงโซ่อาหาร จึงไม่ได้มองว่านี่เป็นเพียงปัญหาของสังคม แต่เป็นภารกิจที่ท้าทายโดยตรงต่อธุรกิจ ด้วยเครือข่ายสาขากว่า 2,600 แห่ง ที่เชื่อมโยงเกษตรกรกว่า 2,000 ราย ไปสู่ผู้บริโภคกว่า 40 ล้านคน การจัดการสินค้าสดที่เน่าเสียง่ายจึงเป็นสมรภูมิที่ต้องต่อสู้ทุกวัน

ยิ่งไปกว่านั้น ความท้าทายยังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อธุรกิจต้องเติบโตขยายสาขาซึ่งตามปกติแล้วจะนำไปสู่การสร้างขยะที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้การประกาศเป้าหมายที่ท้าทายสูงสุดอย่าง “การลดขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) ภายในปี 2030” จึงไม่ใช่แค่คำมั่นสัญญา แต่คือการปฏิวัติแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรอย่างแท้จริง

นวัตกรรมหยุดขยะตั้งแต่ต้นน้ำ

หัวใจสำคัญของการลดขยะ คือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก CP Axtra จึงทุ่มเททำงานร่วมกับเกษตรกรและผู้ผลิตเพื่อนำเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์เข้ามาแก้ปัญหาการเน่าเสียที่ต้นเหตุโดยตรง

โดยนวัตกรรมแรกที่โดดเด่นคือ ‘ถุงหายใจได้’ ที่เข้ามาแก้ปัญหาวงจรการเน่าเสียของผักผลไม้โดยตรง จากเดิมที่ผักผลไม้จะคายน้ำออกมาสะสมจนเกิดความชื้นแฉะและเน่าเร็วในถุงพลาสติกทั่วไป ถุงชนิดพิเศษนี้จะควบคุมการคายน้ำและแลกเปลี่ยนอากาศในระดับที่พอเหมาะ ช่วยให้ผักยังคงความชุ่มชื้นแต่ไม่แฉะ ทำให้สามารถยืดอายุความสดใหม่จากเดิมที่อาจอยู่ได้เพียง 3 วัน ให้ยาวนานไปถึง 7-14 วัน เป็นการปฏิวัติการจัดเก็บผักผลไม้สดเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน สำหรับสินค้าที่ไวต่ออากาศอย่างเนื้อสัตว์ ก็ได้มีการนำเทคโนโลยี ‘สกินแพ็ค’ เข้ามาใช้ บรรจุภัณฑ์นี้ทำหน้าที่เสมือน ‘ผิวหนังชั้นที่สอง’ ที่ถูกซีลแบบสุญญากาศแนบสนิทไปกับชิ้นเนื้อ ซึ่งเป็นการกำจัดออกซิเจนที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญออกไปเกือบทั้งหมด เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ใช้ออกซิเจนและชะลอการเปลี่ยนสีของเนื้อสัตว์ ผลลัพธ์คือการยืดอายุสินค้าได้อย่างก้าวกระโดด จากเดิม 3 วัน เป็น 21 วัน ซึ่งไม่เพียงลดขยะ แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ บริษัทยังใส่ใจในรายละเอียดของผลไม้แต่ละชนิด โดยเฉพาะผลไม้เปลือกบางที่บอบช้ำง่ายอย่างมังคุด ที่มักเสียหายจากการกดทับและสัมผัส ก็ได้มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อ ‘ปกป้อง’ ผลผลิตจากการสัมผัสและแรงกระแทกโดยตรง ซึ่งไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพสินค้าให้สวยงามจนถึงมือผู้บริโภค แต่ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตล้นตลาดให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ในราคาที่ดีขึ้น นวัตกรรมเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยรักษาคุณค่าของอาหาร ลดการสูญเสีย และสนับสนุนคู่ค้าตลอดห่วงโซ่อุปทานได้อย่างเป็นรูปธรรม

ปฏิบัติการกลางน้ำสู่การบริโภคที่คุ้มค่า

เมื่อสินค้านวัตกรรมเดินทางมาถึงสาขาซึ่งเปรียบเสมือนด่าน “กลางน้ำ” ปฏิบัติการลดขยะยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น กลยุทธ์แรกคือการสร้าง ‘วินัยในการปฏิบัติงาน’ พนักงานทุกคนที่ดูแลแผนกอาหารสดจะได้รับการอบรมตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสินค้าแต่ละชนิดต้องจัดเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่าใด เพราะการควบคุมอุณหภูมิที่ถูกต้องและสม่ำเสมอคือปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการชะลอการเน่าเสียและรักษาคุณภาพของอาหารให้ยาวนานที่สุด

ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันเชิงรุก บริษัทได้นำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในการสั่งซื้อสินค้าให้มีความแม่นยำ เพื่อลดโอกาสการเกิดสินค้าล้นสต็อก แต่ในกรณีที่สินค้ายังคงเหลือและใกล้ถึงวันหมดอายุ

กลยุทธ์ที่สองซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจะถูกนำมาใช้ นั่นคือ “ป้ายเหลือง” ซึ่งไม่ใช่แค่การลดราคา แต่เป็นระบบบริหารจัดการที่เปลี่ยนสินค้าที่กำลังจะกลายเป็นขยะ ให้กลายเป็น “ของดี ราคาคุ้มค่า” ในช่วงเวลาทอง เช่น ช่วงเย็นที่ลูกค้าแวะเวียนมาซื้อของก่อนกลับบ้าน

การติดป้ายเหลืองจึงเป็นกลยุทธ์ Win-Win ที่ทรงพลัง เพราะช่วยเร่งการระบายสินค้าออกจากชั้นวางได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้ซื้อสินค้าคุณภาพในราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคือการช่วยกันดึงอาหารเหล่านั้นกลับมาจากปากเหวของหลุมฝังกลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชุบชีวิตปลายน้ำ“: เมื่อขยะอาหารกลายเป็นทรัพยากรล้ำค่า

แม้จะมีมาตรการป้องกันที่ดีเลิศเพียงใด การเกิดขยะส่วนเกินก็ยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในธุรกิจอาหารขนาดใหญ่ แต่แทนที่จะมองว่านี่คือจุดจบ CP Axtra ได้สร้างปราการด่านสุดท้ายที่เปลี่ยนขยะให้มีชีวิตและคุณค่าขึ้นมาใหม่ โดยยึดหลักการจัดการตามลำดับชั้น เริ่มจากแนวทางที่สร้างประโยชน์สูงสุดก่อนเสมอ

อันดับแรก คือการส่งต่ออาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีไปสู่เพื่อนมนุษย์ ผ่านความร่วมมือกับ มูลนิธิ SOS เพื่อนำไปมอบให้ผู้ที่ขาดแคลน เป็นการลดขยะควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ลำดับถัดมาหากอาหารไม่เหมาะกับคนแต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสัตว์ก็จะถูกส่งต่อไปยังเครือข่ายพันธมิตร เช่น ปางช้างและศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศ “ปางช้างทุกปางช้างในประเทศไทยรู้จักแม็คโครและโลตัสเป็นอย่างดี” สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

และสำหรับขยะอาหารที่เหลืออยู่ซึ่งไม่สามารถบริโภคได้โดยตรง ที่นี่คือจุดที่สุดยอดนวัตกรรมได้เข้ามามีบทบาท โดย CP Axtra ซึ่งเป็นค้าปลีกรายแรกของไทยได้ทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) ในโครงการเปลี่ยนขยะอาหารให้เป็นโปรตีนด้วยหนอนแมลงทหารเสือด (Black Soldier Fly – BSF) ซึ่งเป็นหนอนนักกำจัดขยะอินทรีย์ตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง วงจรเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เกิดขึ้นนั้นสมบูรณ์แบบอย่างน่าทึ่ง

เริ่มจากขยะอาหารที่สาขาจะถูกส่งให้เกษตรกรในโครงการนำไปเลี้ยงหนอน BSF ในโรงเรือนต้นแบบ ภายในเวลาเพียง 14 วัน หนอนเหล่านี้จะเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นตัวของมันเองที่อุดมไปด้วย โปรตีนสูงถึง 50% จากนั้นเกษตรกรจะนำหนอนไปใช้เป็นอาหารไก่คุณภาพเยี่ยม ซึ่งช่วย ลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ได้มากถึง 50-80% เมื่อไก่กินอาหารชั้นดี ก็จะออกไข่ที่มีคุณภาพ ซึ่ง CP Axtra ก็จะเปิดพื้นที่ในสาขา เช่นที่โลตัส สุพรรณบุรี ให้เกษตรกรนำ “ไข่ไก่ BSF” กลับมาวางขาย เป็นการปิดวงจรสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนอย่างครบถ้วน นี่คือตัวอย่างที่จับต้องได้ของการเปลี่ยนภาระค่ากำจัดขยะให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่สร้างประโยชน์ได้หลายต่อ

ไม่ใช่แค่ขยะอาหาร แต่รวมถึงพลาสติก

นอกเหนือจากสมรภูมิขยะอาหารแล้ว CP Axtra ยังเปิดอีกหนึ่งแนวรบสำคัญเพื่อต่อสู้กับขยะพลาสติกซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้ามาจัดการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การลด การใช้ซ้ำ ไปจนถึงการนำกลับมาสร้างมูลค่าใหม่

ในมิติของการลดและใช้ซ้ำ (Reduce & Reuse) บริษัทได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง “ไฮยีน” จัดตั้ง “รีฟิลสเตชั่น” ขึ้นในสาขาของโลตัส เพื่อทลายวงจรการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง (Single-use) โดยเชิญชวนให้ลูกค้านำบรรจุภัณฑ์เดิมมาเติมผลิตภัณฑ์ซ้ำ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขวดพลาสติกใหม่ที่ต้องผลิตออกมาสู่ท้องตลาด แต่ยังมอบประโยชน์โดยตรงให้แก่ผู้บริโภคด้วยราคาที่ถูกกว่าการซื้อสินค้าขวดใหม่ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ยั่งยืน

ขณะเดียวกัน ในมิติของการรีไซเคิลและอัปไซเคิล (Recycle & Upcycle) บริษัทได้เปลี่ยนมุมมองต่อขวดน้ำพลาสติก PET ที่ใช้แล้ว จากขยะที่ไร้ค่าให้กลายเป็นวัตถุดิบที่มีค่า โดยได้จัดตั้งจุดเก็บกลับรับคืนตามสาขาต่าง ๆ เพื่อรวบรวมขวดเหล่านี้นำเข้าสู่กระบวนการแปรรูป และปิดวงจรนี้อย่างสมบูรณ์ ขวดพลาสติกที่ลูกค้าดื่มแล้วนำมาหย่อนที่จุดรับคืนจะถูกนำไปผลิตเป็นเส้นใยรีไซเคิลคุณภาพสูง และถักทอจนกลายเป็นเสื้อยูนิฟอร์มที่พนักงานแม็คโครและโลตัสสวมใส่ปฏิบัติงานอยู่ทุกวัน ซึ่งใส่สบาย เนื้อผ้าดีมาก ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าวัตถุดิบทดแทนก็สามารถมีคุณภาพที่ดีเยี่ยมได้ และยังเป็นการสร้างวงจรการใช้ทรัพยากรที่หมุนเวียนจบครบลูปภายในองค์กรเอง

การจัดการขยะไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรม สร้างคุณค่า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวทาง SDG ข้อที่ 12 ว่าด้วยการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน โดย CP Axtra ได้พิสูจน์แล้วว่า ด้วยความตั้งใจจริงและพลังของความร่วมมือตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้บริโภคสามารถเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “ทองคำ” แห่งยุคสมัยที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บ้านปู เน็กซ์ รุกตลาด BESS ญี่ปุ่น ตั้งเป้า 1GWh ภายในปี 2573 ดันไทยเป็นผู้เล่นหลัก

Unilever – CP Group เผยกลยุทธ์ ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’

×

Share

ผู้เขียน