Share on
×

Share

‘ยอด ชินสุภัคกุล’ สร้างสตาร์ตอัพยุค AI อย่างไร ให้เป็นยูนิคอร์น

ท่ามกลางกระแสสตาร์ตอัพที่ดูเหมือนจะแผ่วลง คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “เรายังควรทำสตาร์ตอัพอยู่หรือไม่?” คำตอบจาก ยอด ชินสุภัคกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai คือ “ใช่” และยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอกาสนั้นกลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง

ในเวทีสนทนาพิเศษกับหัวข้อ Super Unicorn Journey from Food Delivery Reviewers to Super Platform Success ในงาน KBTG Techtopia 2025 ยอดได้แบ่งปันมุมมองและบทเรียนที่ตกผลึกจากการเดินทางกว่าทศวรรษ ในการสร้างสตาร์ตอัพจากศูนย์จนกลายเป็นยูนิคอร์นระดับประเทศ โดยชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งไม่เพียงแต่ลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการพัฒนา แต่ยังทลายกำแพงทางกายภาพ เปิดประตูสู่ตลาดโลกให้กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย

ทำสตาร์ตอัพต้องตั้งเป้าเป็นยูนิคอร์น

ยอดเริ่มต้นด้วยการตอกย้ำถึงเป้าหมายของการทำสตาร์ตอัพอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าไม่อยากเป็นยูนิคอร์น ก็ไม่ต้องทำสตาร์ตอัพ” เขามองว่า “ยูนิคอร์น” ไม่ใช่แค่สถานะทางมูลค่าบริษัท แต่เป็นเหมือน “ตราประทับ” ที่ยืนยันถึงความสำเร็จในสองมิติที่สำคัญ คือความสำเร็จในการสร้างผลกระทบและเปลี่ยนแปลงโลก ควบคู่ไปกับความสำเร็จในเชิงการเงินที่มีมูลค่าบริษัทสูงเป็นเครื่องพิสูจน์

เขาเชื่อว่าผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพส่วนใหญ่ ล้วนต้องการตราประทับแห่งความสำเร็จนี้ การตั้งรางวัลที่ยิ่งใหญ่พอ จะเป็นพลังผลักดันให้ผู้ก่อตั้งมีความอดทน (อึดพอ) และมีความพยายามมากพอที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างและกล้าที่จะ disrupt อุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่ ดังนั้น หากปราศจากความทะเยอทะยานที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุด การเลือกเส้นทางอื่นอาจเหมาะสมกว่า

4 เสาหลักสู่การเป็นผู้ก่อตั้งยูนิคอร์น

จากการเดินทางอันยาวนาน ยอดได้สรุปคุณสมบัติสำคัญที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จต้องมีไว้ 4 ประการ

ประการแรกคือ ความอึด ไม่ยอมแพ้ (Resilience) ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่สุด คือความสามารถในการล้มแล้วลุกกลับมาได้อย่างรวดเร็ว (Bounce Back) และไม่เคยยอมแพ้ต่อปัญหา เขาเปรียบเปรยตัวเองว่าเป็นเหมือน “มนุษย์ยางแบบลูฟี่” ที่ฟันแทงไม่เข้า เมื่อเจอปัญหาใหญ่ ๆ เพียงแค่นอนหลับพักผ่อน ตื่นมาก็จะรู้สึกว่าปัญหานั้นเล็กลงแล้ว ซึ่งเป็นความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองที่เขาพัฒนาขึ้นมาตลอด 15 ปี

คุณสมบัติถัดมาคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) โดยเฉพาะในยุคเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีอย่าง AI ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในรอบทศวรรษ การเปิดใจเรียนรู้และปรับตัวให้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การยึดติดกับวิธีการเดิม ๆ จะทำให้ไม่สามารถก้าวต่อไปได้

นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งต้องมีการมองโลกในแง่ดี (Optimism) คือความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในสิ่งที่ทำจนสามารถสร้าง “โลกอีกใบ” ขึ้นมาได้เหมือนที่ Steve Jobs มี “Reality Distortion Field” ต้องสามารถ “หลอกตัวเองให้สำเร็จก่อนไปหลอกคนอื่น” เชื่อมั่นว่าโซลูชันของเราดีพอ ทีมของเราเก่งพอ และเราคือคนที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้

และสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันคือ จริยธรรมทางธุรกิจ (Ethics) ซึ่งมักถูกพูดถึงน้อยเกินไป การสร้างยูนิคอร์นในไทยเป็นเกมระยะยาวที่ใช้เวลานาน ระหว่างทางจะมีสิ่งล่อใจมากมายเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการผันตัวไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือการรับข้อเสนอทางธุรกิจที่อาจไม่โปร่งใส หากผู้ก่อตั้งไม่มีจริยธรรมที่มั่นคง ก็อาจไขว้เขวและละทิ้งเป้าหมายหลักไปได้

พลังแห่ง Execution และ DNA ของ Founder-Led Company

ในการแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ที่มีทั้งเงินทุนและทรัพยากรที่เหนือกว่า ยอดเผยว่า “Super Power” ที่สำคัญของ LINE MAN Wongnai คือ ความสามารถในการลงมือทำ (Ability to Execute) ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานหนัก แต่คือการใส่ใจในทุกรายละเอียด การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) และการลงพื้นที่เพื่อเข้าใจตลาดท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับร้านอาหารหรือไรเดอร์ด้วยตัวเอง เพื่อนำข้อมูลกลับมาปรับปรุงกลยุทธ์ในทุกมิติ ทั้งหมดนี้เพื่อทำการตัดสินใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ถูกต้องขึ้นเพียง 0.1% แต่เมื่อทำซ้ำนับพันครั้ง มันจะเกิดเป็น “Compounding Effect” ที่สร้างความได้เปรียบมหาศาลในระยะยาว

“รถของเราอาจจะไม่เร็วและแรงเท่าคู่แข่ง แต่เรามั่นใจว่าคนขับของเรารู้จักทุกโค้งดีกว่า”

เขายอมรับอย่างเปิดเผยว่า ในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงและมีกำไรต่ำ (Low Margin) เช่น ฟู้ดเดลิเวอรี่ การมอบอำนาจ (Empowerment) ถือเป็น “Luxury” ที่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น การบริหารจัดการแบบลงลึกในรายละเอียด (Micromanage) จึงเป็นสิ่งจำเป็น

“ผมยอมรับเลย ผม micromanage into every last detail ทีมไม่มีความสุขเลย แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้มาอยู่เพื่อให้ทีมมีความสุข ผมมาอยู่เพื่อชนะ” ยอดกล่าวอย่างหนักแน่น

เขาชี้ว่านี่คือ DNA ที่แตกต่างอย่างชัดเจนของบริษัทที่นำโดยผู้ก่อตั้ง (Founder-Led Company) เพราะผู้ก่อตั้งมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับบริษัท ไม่ได้บริหารเพื่อสร้างโปรไฟล์หรือความก้าวหน้าในอาชีพ แต่บริหารเพื่อผลลัพธ์และการอยู่รอดของธุรกิจเป็นสำคัญ ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะโดยไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ คือความได้เปรียบสูงสุดในการแข่งขัน

กุญแจสู่ความสำเร็จของทีมผู้ร่วมก่อตั้ง

ความสำเร็จที่ยาวนานของ LINE MAN Wongnai ยังมีรากฐานมาจากทีมผู้ร่วมก่อตั้งที่แข็งแกร่งและยังคงอยู่ด้วยกันอย่างครบถ้วน ซึ่งยอดให้เครดิตกับปัจจัยสำคัญหลายประการ

ประการแรกคือ การมีศีลเสมอกัน หมายถึงการมีค่านิยมและเป้าหมายในชีวิตที่ไม่แตกต่างกันเกินไป ไม่มีใครโลภหรือทะเยอทะยานอยากจะออกจากเส้นทางไปก่อนเวลาอันควร

ประการที่สองคือ การมีทักษะที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน (Complementary Skills) โดยทีมของเขามีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ตัวเขาเองรับบทบาทในการวางกลยุทธ์ ระดมทุน และการตลาดซึ่งต้องพบปะผู้คนภายนอก ขณะที่ผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ จะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโครงสร้างทางเทคนิคอยู่เบื้องหลัง ทำให้ไม่มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน และเกิดความไว้วางใจในการทำงานของแต่ละฝ่าย

นอกจากนี้ ยอดยังเน้นย้ำถึง ความโปร่งใสและความเป็นธรรม ในฐานะซีอีโอ เขาจะแบ่งปันข้อมูลทุกอย่างกับทีมเสมอ โดยเฉพาะเรื่องข้อตกลงกับนักลงทุน และดูแลให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เพื่อรักษาความเชื่อใจซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันในระยะยาว

เขาแนะนำว่า สำหรับผู้ที่กำลังมองหาผู้ร่วมก่อตั้ง ควรใช้เวลาทำความรู้จักนิสัยใจคอ และควรมีพื้นฐานทางครอบครัวและสถานะใกล้เคียงกัน เพื่อให้มีมุมมองต่อความเสี่ยงและเป้าหมายในการ Exit ที่สอดคล้องกัน

การนำ AI มาใช้ในองค์กร: กรอบความคิด 4 ระดับ

ยอดได้แบ่งปันกรอบความคิดในการนำ AI มาปรับใช้ในองค์กรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ เริ่มต้นจาก ระดับที่ 0 คือการติดอาวุธให้ทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดและคุ้มค่าที่สุด คือการซื้อเครื่องมือ AI ที่มีประสิทธิภาพ เช่น Gemini หรือ Cursor ให้พนักงานทุกคนใช้ เพื่อเพิ่ม Productivity โดยรวม

ในระดับต่อมาคือ ระดับที่ 2 การลดต้นทุน (Cost Saving) โดยพุ่งเป้าไปที่ “กล้ามเนื้อมัดใหญ่” ขององค์กรก่อน นั่นคือส่วนงานที่มีพนักงานจำนวนมาก เช่น ทีมบริการลูกค้า (Contact Center) ที่มีพนักงาน 400-500 คน หรือทีมขายที่มีกว่า 300 คน เพื่อให้การลงทุนเห็นผลกระทบที่ชัดเจนและรวดเร็ว

จากนั้นจึงยกระดับสู่ ระดับที่ 3 การเพิ่มขีดความสามารถ (Enhance Capability) คือการใช้ AI เพื่อทำให้ทีมงานเดิมทำงานที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงขึ้นได้ เช่น การให้ AI ช่วยทีม Fraud ตรวจจับรูปแบบการทุจริตใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนเกินกว่ากฎเกณฑ์เดิม หรือการให้ AI ช่วยทีมขายเข้าถึงกลุ่มร้านอาหารรายย่อย (Long Tail) ที่ในอดีตไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง

และระดับที่ท้าทายที่สุดคือ ระดับที่ 4 การนำ AI ไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลัก (AI in Main Product) เช่น การสร้างระบบสั่งอาหารด้วยการสนทนา หรือการให้ AI ช่วยร้านอาหารสร้างโปรโมชันและรูปภาพสินค้าโดยอัตโนมัติ ซึ่งระดับนี้ยากเพราะต้องพัฒนาให้ดีกว่าระบบเดิมและต้องตอบสนองความคาดหวังที่สูงของผู้ใช้งาน

ยอด ชินสุภัคกุล เผย 3 ขั้นใช้ AI พลิกโฉม LINE MAN Wongnai

บทเรียนสำคัญจากการลงมือทำจริงคือ งานรอบ ๆ AI นั้นยากและใช้เวลามากกว่าตัว AI เอง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับระบบเดิม การประเมินผล หรือการออกแบบกระบวนการให้มนุษย์เข้ามาทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างราบรื่น ดังนั้น เขาจึงแนะนำให้องค์กรต่าง ๆ เริ่มทดลองก่อน อย่าเพิ่งให้ความกังวลเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอุปสรรคตั้งแต่ต้น เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีแล้วจึงค่อยนำระบบการกำกับดูแลเข้ามาปรับใช้ในขั้นตอนของการขยายผลต่อไป

บทสนทนากับ ยอด ชินสุภากุล เผยให้เห็นภาพอนาคตของวงการสตาร์ตอัพไทยที่กำลังถูกพลิกโฉมด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมทั้งมอบแผนที่นำทางที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หัวใจสำคัญของความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ไอเดียเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการหลอมรวมกันของเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการเป็น “ยูนิคอร์น” ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ คุ

ณสมบัติส่วนบุคคล 4 ประการ ได้แก่ ความอึด-การเรียนรู้-การมองโลกในแง่ดี-และจริยธรรม,ความกล้าที่จะลงมือทำอย่างถึงที่สุด ผ่านวัฒนธรรมแบบ “Founder-Led Company” ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์และการเอาชนะการแข่งขัน และรากฐานที่มั่นคงจากทีมผู้ร่วมก่อตั้งที่มีศีลเสมอกันและไว้วางใจซึ่งกันและกัน บทเรียนเหล่านี้จึงเป็นเสมือนเข็มทิศที่ชี้แนะว่า ท่ามกลางสมรภูมิธุรกิจที่ดุเดือด ผู้ที่จะประสบความสำเร็จและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืนคือผู้ที่สร้างสมดุลระหว่างวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การลงมือทำอย่างเฉียบคม และการยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Andrew Ng ชี้ทิศทาง AI จากมายาภาพ AGI สู่ยุคที่ทุกคนเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์

World สยบดราม่า ‘สแกนม่านตา’ ชี้แจงทุกประเด็นร้อน ย้ำความปลอดภัยไม่ใช่การยืนยันตัวตน

×

Share

ผู้เขียน