ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรีเทลไลฟ์สไตล์ จับมือสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน และสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ประกาศจัดแคมเปญยิ่งใหญ่แห่งปี “Central Dolce Italia 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อนำเสนอที่สุดแห่งมนต์เสน่ห์และไลฟ์สไตล์อิตาเลียนแบบครบวงจร พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยการขยายพื้นที่จัดงานสู่เชียงใหม่และภูเก็ตเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าสร้างยอดขายเติบโตกว่า 69%
สายสัมพันธ์ที่แนบแน่น: เบื้องหลังความสำเร็จสู่ปีที่ 3
การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันของ “Central Dolce Italia” คือบทพิสูจน์ความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่หยั่งรากลึกจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างห้างเซ็นทรัล สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน (ITA) และสถานทูตอิตาลี รวมถึงสายใยทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงคนไทยและอิตาลีเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น
ธาพิดา นรพัลลภ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารสินค้าออมนิชาแนล กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้แคมเปญนี้ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นทุกปี มาจากความรักและความหลงใหลที่คนไทยมีต่อความเป็นอิตาเลียนในทุกมิติ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่าแค่เรื่องแฟชั่น
“คนไทยรักทุกอย่างที่เป็นอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ศิลปะ หรือแม้แต่การท่องเที่ยว ซึ่งอิตาลีเป็นหนึ่งในสิบจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาลของคนไทย แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือเรามีวัฒนธรรมและค่านิยมหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน เราให้ความสำคัญกับครอบครัว เรามีวัฒนธรรมการแบ่งปันอาหาร และเราต่างก็ชื่นชมในศิลปะและความงดงาม สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเข้าใจและความผูกพันที่ลึกซึ้ง”
ความเชื่อมโยงดังกล่าวยังสะท้อนผ่านการที่ผู้บริภคชาวไทยให้คุณค่ากับผลิตภัณฑ์จากอิตาลี ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อเสียงของแบรนด์ แต่เป็นเพราะความชื่นชมในงานฝีมืออันประณีต (Craftsmanship) ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเรื่องราวที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ ด้วยเหตุนี้ การนำเสนอที่สุดแห่งแบรนด์อิตาเลียนภายใต้หลังคาเดียวกันจึงเป็นการตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความสุขให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด และเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้แคมเปญนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเดินทางแห่งสุนทรียะ: จากชายฝั่งอามาลฟีสู่มหานครกรุงเทพฯ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ “Central Dolce Italia” ในปีนี้พิเศษกว่าครั้งไหน ๆ คือการสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำผ่านการตกแต่งที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวและความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้การนำของ ฟิลิปโป เซตตี Artistic Director กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งได้ทุ่มเทเวลาวางแผนล่วงหน้ามานานกว่า 1 ปีเต็ม เพื่อรังสรรค์บรรยากาศให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ฟิลิปโป เล่าว่า แรงบันดาลใจหลักเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปยัง อามาลฟีโคสต์ เมืองชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของอิตาลีเมื่อปีก่อน เขาต้องการนำเสนอความเป็นอิตาลีในมุมมองใหม่ที่แตกต่างและหลีกเลี่ยงภาพจำเดิม ๆ โดยเชื่อมโยงสองวัฒนธรรมผ่านสิ่งที่ทุกคนรักเหมือนกันนั่นคือ “ทะเล”
“ผมจินตนาการถึงการเดินทาง เราสร้างเรื่องราวว่าสินค้าและมนต์เสน่ห์ทั้งหมดของอิตาลี ถูกบรรจุลงในเรือลำเล็กที่ล่องตรงจากชายฝั่งอามาลฟีมาสู่กรุงเทพฯ” เขากล่าว แนวคิดนี้จึงกลายเป็นธีมหลัก โดยมี “เรือ” เป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางนำความสุขและสุนทรียะมามอบให้ถึงใจกลางเมือง
นอกจากนี้ เพื่อให้แคมเปญสะท้อนถึงความเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น ทีมงานได้ดึงเอากระแสล่าสุดจากรันเวย์ มิลานแฟชั่นวีค ในเดือนกันยายน ซึ่งก็คือลายทางขนาดใหญ่ (Large Stripes) มาใช้เป็นองค์ประกอบกราฟิกหลักในการตกแต่ง สร้างความรู้สึกทันสมัยและเปี่ยมด้วยสไตล์ ผสมผสานกับการจำลองบรรยากาศของตลาดอิตาเลียนที่มีชีวิตชีวาผ่านซุ้ม Kiosk ขนาดเล็กที่จัดแสดงสินค้าอยู่ทั่วบริเวณห้าง
และไฮไลต์ที่ทุกคนไม่ควรพลาด คือการเปลี่ยนโฉมฟาซาด (Facade) ด้านหน้าของห้างเซ็นทรัลชิดลมทั้งหมด ให้สว่างไสวไปด้วยลายทางสีแดง-ขาวอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะเปิดไฟอย่างเป็นทางการในเวลา 19:00 น. ของวันเปิดงาน เพื่อสร้างปรากฏการณ์ทางสายตาอันน่าตื่นตาตื่นใจ เป็นการประกาศการมาถึงของการเดินทางแห่งความสุขจากอิตาลีอย่างแท้จริง
ปรากฏการณ์ครั้งใหม่: ขยายความสุขทั่วไทย
ความพิเศษที่สุดของปีนี้ คือการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ด้วยการก้าวข้ามขอบเขตของกรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Central Dolce Italia On The Go” เพื่อส่งมอบประสบการณ์และมนต์เสน่ห์แห่งไลฟ์สไตล์อิตาเลียนให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ ทั้งลูกค้าประจำของเซ็นทรัลและนักท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญ
คุณธาพิดา เปิดเผยถึงแผนการเดินทางของแคมเปญนี้ว่า “เราตื่นเต้นมาก พราะนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะนำความพิเศษของ Dolce Italia เดินทางไปพบกับลูกค้าในต่างจังหวัด หลังจากจัดงานที่เซ็นทรัลชิดลมเสร็จสิ้น เราจะล่องเรือขึ้นเหนือและลงใต้ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์นี้อย่างทั่วถึง”
โดยการเดินทางทั่วไทยมีกำหนดการดังนี้:
- กรุงเทพฯ: วันนี้ – 30 กันยายน 2568 ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม
- เชียงใหม่: 10 – 16 ตุลาคม 2568 ณ เซ็นทรัล เชียงใหม่
- ภูเก็ต: 24 – 31 ตุลาคม 2568 ณ เซ็นทรัล ภูเก็ต
ฟิลิปโป อธิบายเพิ่มเติมว่า แม้แก่นของประสบการณ์จะยังคงเดิม แต่การนำเสนอจะถูกปรับให้เข้ากับบริบทและเสน่ห์ของแต่ละท้องถิ่นอย่างมีเอกลักษณ์ ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งอยู่ใกล้ทะเล บรรยากาศจะเน้นธีม “เรือ” ที่ล่องมาจากอามาลฟีเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความรู้สึกของการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลอย่างสมจริง ในขณะที่ เซ็นทรัล เชียงใหม่ จะเน้นบรรยากาศของ “ตลาดอิตาเลียน” ที่มีชีวิตชีวาผ่านซุ้ม Kiosk ต่าง ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเข้ากับความเป็นเมืองเหนือ นับเป็นการออกแบบประสบการณ์ที่ใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าในแต่ละภูมิภาคได้สัมผัสความเป็นอิตาลีในมุมมองที่พิเศษที่สุด
ที่สุดแห่งการคัดสรร: 72 แบรนด์ดัง และ 5 อัญมณีแห่งอิตาลี
เพื่อตอกย้ำความเป็นเดสติเนชันแห่งการชอปปิงระดับโลก “Central Dolce Italia 2025” ได้รวบรวมกองทัพสินค้าจากกว่า 72 แบรนด์ชั้นนำของอิตาลีมาไว้ในที่เดียว โดยครอบคลุมทุกหมวดหมู่ไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่แฟชั่นและเสื้อผ้าเด็ก บิวตี้และน้ำหอม ไปจนถึงของตกแต่งบ้าน เพื่อมอบประสบการณ์การชอปปิงที่ครบวงจร
หลังการปรับโฉมครั้งใหญ่ของห้างเซ็นทรัลชิดลม ทำให้ในปีนี้แคมเปญมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยการมาถึงของลักชัวรีแบรนด์ระดับโลกอย่าง Gucci, Prada, Ermenegildo Zegna และ Valentino ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์และดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสนใจสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางและน้ำหอมจากแบรนด์เหล่านี้เป็นพิเศษ
ไฮไลต์สำคัญที่สุดซึ่งถือเป็นหัวใจของงานในปีนี้ คือการแนะนำ 5 แบรนด์อัญมณีแห่งอิตาลี (The Gems of Local Italian Brands) ที่ทางสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน (ITA) ได้คัดสรรมาเป็นพิเศษจากเมืองเล็ก ๆ แต่เปี่ยมด้วยงานฝีมืออันเป็นเลิศ เพื่อเปิดตัวในประเทศไทยโดยเฉพาะ ได้แก่ Prosperine, Monakia, Manardi, Arcadia และ Lori โดย 3 แบรนด์ในจำนวนนี้คือ Prosperine, Monakia, และ Lori ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งลูกค้าจะได้มีโอกาสสัมผัสและเป็นเจ้าของผลงานอันเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณและคุณภาพที่หาจากที่ไหนไม่ได้
เปาลา กีดา ข้าหลวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย (ฝ่ายส่งเสริมการค้าแห่งสถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทย) กล่าวว่า “สินค้าทุกชิ้นที่คัดเลือกมาสะท้อนถึง DNA ของความเป็นอิตาเลียนอย่างแท้จริง เราต้องการนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งรวมถึงของตกแต่งบ้านที่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญทั่วโลก เพราะผู้คนมองหาสินค้าที่มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับปรัชญาที่ว่า ‘คุณภาพคือความหรูหราที่แท้จริง (The new luxury is quality)’ และผลิตภัณฑ์จากอิตาลีก็สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างดีเยี่ยม”
เติมเต็มทุกมิติ: ประสบการณ์ที่เหนือกว่าการชอปปิง
นอกเหนือจากการจำหน่ายสินค้า แคมเปญ Central Dolce Italia ยังประกอบด้วยกิจกรรมเสริมเพื่อนำเสนอวัฒนธรรมและสร้างบรรยากาศให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยในช่วงสุดสัปดาห์ตลอดระยะเวลาจัดงาน จะมีการแสดงดนตรี การสาธิตอาหารและเครื่องดื่มในสไตล์อิตาเลียน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับไลฟ์สไตล์อิตาเลียนในหลากหลายแง่มุม
พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดรายการส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อตามเงื่อนไข โดยของสมนาคุณถูกออกแบบโดยใช้สีของธงชาติอิตาลีเป็นหลัก สำหรับยอดซื้อครบ 5,000 บาท จะได้รับกระเป๋าโท้ต และยอดซื้อครบ 10,000 บาท จะได้รับชุดแก้วเอสเปรสโซ
เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทางห้างเซ็นทรัลได้ผนวกแคมเปญนี้เข้ากับช่องทางการขายแบบออมนิชาแนล (Omni-channel) ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและรับสิทธิประโยชน์จากโปรโมชันได้ แม้ไม่ได้เดินทางมายังห้างสรรพ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘จากอาหารเพื่อยังชีพ สู่อาหารเพื่อสุขภาวะที่ยืนยาว’ เมกะเทรนด์ในยุค Healthspan
ลาซาด้า ชี้ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เดินหน้าสู่ Next Level ด้วย AI บุกตลาดพรีเมียม