Share on
×

Share

‘Worldcoin’ ตรวจสอบเทคโนโลยีสแกนม่านตา เพื่อพิสูจน์ตัวตนในยุค AI

ในยุคที่ AI และ Bot ครองโลก Worldcoin เทคโนโลยีพิสูจน์ตัวตนด้วยการสแกนม่านตาทำงานอย่างไร และมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหา Bot และ Deepfake ในโลกดิจิทัลอย่างไร

ในงาน KBTG Techtopia 2025 ภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Tools for Humanity ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจกต์ “Worldcoin” ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการจัดการกับความท้าทายด้านการแยกแยะระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในโลกดิจิทัล

บริบทปัญหา: เมื่อ AI และ Bot มีบทบาทเพิ่มขึ้นบนอินเทอร์เน็ต

ภัคพล ได้เริ่มต้นด้วยการสาธิตความสามารถของเทคโนโลยีผ่านวิดีโอ Deepfake ของ Sam Altman (หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Worldcoin) ที่สร้างขึ้นจากภาพถ่ายเพียงภาพเดียว โดยวิดีโอสามารถสร้างให้ Sam Altman พูดภาษาอีสานได้ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการเลียนแบบมนุษย์ที่ซับซ้อนขึ้น

ในปี 2024 ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 51% มาจาก AI และ Bot และมีการคาดการณ์ว่าสัดส่วนนี้อาจเพิ่มขึ้นถึง 90% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งภัคพลให้ความเห็นว่า “เป็นโลกที่น่าตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโลกที่น่ากลัวมากเช่นเดียวกัน” สถานการณ์นี้ถูกชี้ว่าเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ปัญหาหลายประการ เช่น การใช้ Bot กว้านซื้อตั๋วคอนเสิร์ตในช่วงเสี้ยววินาทีแรก ทำให้คนทั่วไปต้องไปซื้อต่อในตลาดมือสอง หรือการใช้ Deepfake เพื่อการหลอกลวงบนโซเชียลมีเดีย

นอกจากนี้ เทคโนโลยีการยืนยันตัวตนแบบเดิมอย่าง CAPTCHA ถูกมองว่ามีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจาก AI รุ่นใหม่สามารถผ่านการทดสอบได้ง่ายกว่ามนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดแนวคิดเรื่อง “Proof of Personhood” หรือการพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ขึ้นมา

หลักการทำงานและระบบนิเวศของ Worldcoin

โปรเจกต์ Worldcoin ถูกก่อตั้งโดย Sam Altman และ Alex Blania เพื่อพัฒนาระบบการยืนยันความเป็นมนุษย์ โดยอาศัยระบบนิเวศที่มีองค์ประกอบหลัก 5 ส่วนทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ดังนี้

  1. The Orb: อุปกรณ์ประมวลผลม่านตา The Orb เป็นอุปกรณ์ทรงกลมที่มีกล้องความละเอียดสูง ทำหน้าที่ถ่ายภาพ “ม่านตา” (Iris) และแปลงเป็นรหัสที่ไม่ซ้ำใครเรียกว่า “Iris Code” ซึ่งเป็นโค้ดตัวเลขฐานสอง (0101) ที่มีความยาวมากกว่า 10,000 หลัก จากนั้น Orb จะเข้ารหัส Iris Code และส่งไปเก็บไว้ในมือถือของผู้ใช้ พร้อมทั้งลบภาพม่านตาทิ้งทันที เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีการเก็บข้อมูลชีวมิติใด ๆ ไว้ในระบบ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี AMPC (Anonymize Multiparty Computation) เพื่อแบ่งโค้ดออกเป็นส่วน ๆ และกระจายไปเก็บทั่วโลกเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  2. World ID: ตัวระบุตนตนดิจิทัล หลังจากผ่านการยืนยันตัวตน ผู้ใช้จะได้รับ World ID ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวระบุตนตนดิจิทัล (Digital Identifier) เพื่อเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเป็น “มนุษย์จริง” และมีตัวตนเพียงหนึ่งเดียวในระบบออนไลน์
  3. World App: แอปพลิเคชันศูนย์กลาง World App เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับจัดเก็บ World ID และทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) นอกจากนี้ยังเป็นประตูสู่ Mini Apps ต่าง ๆ กว่า 400 แอปพลิเคชัน เช่น World Chat, Po (แอปทำแบบสอบถาม) และ Worldle (เกม)
  4. World Chain: โครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน นี่คือระบบบล็อกเชนที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อรองรับการทำงานของระบบนิเวศทั้งหมด โดยถูกออกแบบมาเพื่อให้สิทธิประโยชน์กับผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์ที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว
  5. Worldcoin (WLD): โทเคนในระบบนิเวศ WLD เป็นโทเคนที่ใช้เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมและขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในระบบนิเวศของ Worldcoin

การดำเนินงานและพันธมิตรของ Worldcoin ในประเทศไทย

Worldcoin เริ่มเปิดให้บริการในไทยช่วงปลายเดือนมีนาคม 2024 ข้อมูลจากผู้บรรยายระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน World App เกือบ 2 ล้านคน และมีผู้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนผ่าน Orb แล้ว เกือบ 1 ล้านคน โดยมีการเติบโตมากกว่า 10 เท่าในแต่ละเดือน จนทำให้ World App ขึ้นเป็นแอปพลิเคชันการเงินอันดับ 1 และแอปพลิเคชันรวมอันดับ 2 ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในไทยในช่วงเวลาหนึ่ง (รองจาก ChatGPT)

การเข้าถึงอุปกรณ์ Orb ในไทยมีหลายรูปแบบ ทั้ง World Flagship (เคยตั้งที่ M-sphere), World Pop-up (เคยตั้งที่ Central World) และ World Partner ที่ตั้งอยู่ในร้านค้าเครือ Com7, JIB และ Impact

ในประเทศไทย Worldcoin ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายรายเพื่อนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ ตัวอย่างเช่น กับ Pantip มีการเพิ่ม Badge “Verified Human” และเปิดให้สร้างกระทู้แบบ “Human Only” ได้, กับ Who’s Call มีการเพิ่มป้าย “Verified Human” เพื่อช่วยคัดกรองการโทรจากมิจฉาชีพที่ใช้เทคโนโลยี Spoof Calling, กับ Event Pop มีการใช้ World ID เพื่อให้สิทธิ์ผู้ใช้งานจริงซื้อตั๋วได้ก่อน และกับเกม Ragnarok Landverse มีการใช้ระบบเพื่อคัดกรองผู้เล่นที่ไม่ใช่มนุษย์ออกจากเกม

ภัคพลสรุปว่า ในยุคที่ AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว Worldcoin ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับ AI ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Apollo Neuro เปิดตัวอุปกรณ์ Wearable ช่วยลดระดับความเครียดได้มากกว่า 35%

World สยบดราม่า ‘สแกนม่านตา’ ชี้แจงทุกประเด็นร้อน ย้ำความปลอดภัยไม่ใช่การยืนยันตัวตน

×

Share

ผู้เขียน