Share on
×

Share

สมองบิดเบี้ยว แต่คนไม่เบี้ยว [Book Review]

ลองค้นหานักเขียนติดอันดับด้านสืบสวนสอบสวนแนวระทึกขวัญ หนึ่งในนั้นคือ David Baldacci นักเขียนขายดีชาวอเมริกันที่มีผลงานแปลมากกว่า 40 ภาษา 

หนึ่งในผลงานที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงคือซีรีส์ของนักสืบเอมอส เดคเกอร์ ชายผู้ที่ไม่เคยลืมอะไรและมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นๆ มองข้าม (Amos Decker, the man who forgets nothing and see what others miss) 

Memory Man เป็นนิยายเรื่องแรกของซีรีส์นี้ ผู้เขียนค่อย ๆ เผยเรื่องราวน่าเศร้าของเอมอสทีละนิดหลังจากเริ่มเรื่องด้วยการฆาตกรรม 3 ศพ ซึ่งคือลูกเมีย และน้องเมียของเอมอส โดยที่ยังจับฆาตกรไม่ได้ 

การฆาตกรรมทำให้เอมอสหมดกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ สิ่งเดียวที่หยุดไม่ให้เขาฆ่าตัวตายตามไปคือความหวังว่าจะมีคนจับฆาตกรได้ 

หลังจากภรรยาที่รู้เบื้องหลังของเอมอสทุกอย่างจากไป เอมอสหมดแรงใจในการทำงานในหน้าที่ตำรวจนักสืบ เขาลาออกจากงานและปล่อยตัวจนน้ำหนักขึ้น (ประมาณ 300 ปอนด์ หรือราว ๆ 150 กิโลกรัม) รับงานนักสืบเอกชนบ้างพอให้มีเงินเลี้ยงชีพ จนกระทั่งเกิคดีกราดยิงในโรงเรียนแมนฟีลด์ ที่มีคนตาย 7 คน โดยคนร้ายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้กำกับจึงติดต่อให้เอมอสมาช่วยสืบคดีเนื่องจากรู้ถึงความสามารถพิเศษของเขา ชายผู้ไม่ลืมอะไรที่เขาเคยเห็น เมื่อต้องการ เขาสามารถเรียกความทรงจำขึ้นมาเล่นใหม่ได้เหมือนเล่น VDO ที่เลื่อนไปหน้าหลังหรือแบบสโลว์ โมชั่นได้ 

เอมอสไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด เหตุเกิดหลังจากที่เขาลงแข่งฟุตบอลอาชีพและหัวกระแทกพื้นอย่างแรงจนหมวกกันน็อคปลิว ตั้งแต่นั้นมา เขาไม่เคยลืมอะไรและไร้ทักษะในการเข้าสังคมจนไม่มีเพื่อน เขาไม่เคยบอกเรื่องเหล่านี้กับใครยกเว้นภรรยา เราอาจจะคิดว่าจำเก่งสิดี แต่เอมอสแย้งว่าไม่ใช่ เพราะถ้าความทรงจำนั้นไม่จางหายไปเลยล่ะ ถ้าเป็นความเศร้า ความโหดร้าย จำเรื่องแบบนั้นได้เหมือนมันเพิ่งเกิด จะยังดีอยู่ไหม 

การทำคดีโรงเรียนทำให้รู้ว่าปืนที่ใช้คือกระบอกเดียวกับที่สังหารลูกเมียของเขา เอมอสมีสิ่งเชื่อมโยงอย่างเดียวให้สืบคือเซบาสเตียน ลีโอโพลด์ ที่เข้ามารับสารภาพคดีสังหาร 3 ศพ ก่อนเกิดเหตุที่โรงเรียนเพียง 1 วัน หลังเหตุโรงเรียนเขาได้รับการปล่อยตัวเพราะไม่มีหลักฐานใดชี้ว่าเขาเป็นคนทำเมื่อ 17 เดือนก่อน แม้ว่าเขาจะเล่าเหตุการณ์ได้ละเอียดเกือบหมด เอมอสเชื่อว่าเซบาสเตียนไม่ได้ยิงเองแต่ร่วมมือกับคู่หูในการวางแผน แต่เซบาสเตียนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 

เหตุกราดยิง ทำให้ Bogart เจ้าหน้าที่ FBI เห็นถึงความสามารถของเอมอส และประกบตัวเขาเพราะคนร้ายทิ้งข้อความเป็นนัยไว้หลายที่ว่าเอมอสเป็นต้นเหตุของเรื่องเหล่านี้ ข้อความเหล่านี้ทำให้พวกเขาต้องกลับไปที่สถาบันวิจัยทางสมองในชิคาโกที่เอมอสเคยไปอยู่หลังจากได้รับอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พร้อมกับผู้มีความสามารถพิเศษคล้ายๆเขา ซึ่งมีทั้งคนที่มีมันตั้งแต่เกิดหรือเพิ่งมี 

เขาค้นพบว่าหนึ่งในคนไข้คือผู้ลงมือ เพียงแค่โกรธที่เขาจะผันตัวเองจากนักฟุตบอล

ไปเป็นตำรวจ เนื่องจาก เธอ/เขา ประสบเหตุรุนแรงที่ตำรวจเป็นคนก่อ แต่เธอ/เขาเพิ่งมาลงมือหลังพบกับเซบาสเตียน ผู้ก่อตั้งเวบไซต์รวบรวมเหตุร้ายที่ก่อขึ้นโดยตำรวจและคดียังปิดไม่ลง 

หนังสือช่วงแรกๆ อาจจะน่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่ชอบรายละเอียด เพราะมีการอธิบายพฤติกรรมและความทรมาณทางใจและกายของเอมอสแบบซ้ำๆ มีการพรรณาลักษณะของสถานที่และคนแบบละเอียด พื้นที่นี้ด้านในเป็นอะไร ด้านข้างเป็นอย่างไร คนนี้สีหน้าเป็นแบบไหน สีตา ท่าทาง จนถึงรายละเอียดของเสื้อผ้า แบบละเอียดมากๆ จนถึงครึ่งเรื่องถึงได้เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เอมอสพบเจอทุกวัน เขาไม่ได้ตั้งใจจะมองอะไรแบบเจาะทะลุ แต่มันคือสิ่งที่ติดตัวเขาที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน ซึ่งมันน่าจะมากเกินไปสำหรับหลายๆคน

ในขณะที่เขาใช้สิ่งนี้เพื่อปกป้องคนอื่น ผู้มีความสามารถพิเศษแบบเดียวกันอีกคนกลับใช้มันเพื่อทำร้ายผู้อื่น

หลังปิดคดี (จบแบบไม่ค่อยสะใจนัก เพราะผู้ร้ายดูจะจากไปง่ายไปหน่อย เทียบกับความผิดที่ทำ) FBI ได้รับเอมอส

เข้าทำงานในหน่วยสืบสวนคดียาก ๆ 

เอมอสเป็นตัวเอกต่อมาในหนังสืออีก 6 เล่มต่อมาของซีรีส์นี้ ในฐานะเจ้าหน้าที่ FBI หลังการตีพิมพ์ของ Memory Man ในปี 2015 น่าสนใจมากว่า Baldacci จะใช้มุขนี้ยังไงในคดีอื่น ๆ ของเล่มต่อ ๆ ไป ต้องติดตาม

รีวิวเล่มอื่น ๆ

Close to Death – ใกล้ความตาย [Book Review]

Dishonestly Yours เป็นของคุณอย่างไม่จริงใจ [Book Review]

The Storied Life of A.J. Fikry [Book Review]

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน