ในห้วงเวลาที่การเดินทางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แพลตฟอร์มที่เคยเป็นเพียงสะพานเชื่อมผู้คนกับจุดหมายปลายทาง กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ที่เจาะลึกกว่าเดิม AirAsia MOVE แอปพลิเคชันจองการเดินทางชั้นนำของภูมิภาคภายใต้เครือ Capital A ไม่เพียงแค่รวบรวมข้อมูล แต่ยังถอดรหัสพฤติกรรมอันซับซ้อนของนักเดินทาง เผยให้เห็นเส้นทางใหม่ที่กำลังสร้างอนาคตการท่องเที่ยวไทยและภูมิภาคอาเซียนในปี 2025 ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น “ปีแห่งประเทศไทย” ที่จะพานักเดินทางไปไกลกว่าเดิมในราคาที่เข้าถึงได้ ภายใต้พันธกิจ “Travel More for Less” ที่สะท้อนผ่านลวดลายบนปีกเครื่องบินอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการออกเดินทาง
คนไทยฮิตเที่ยวในประเทศ-เมืองรอง
ข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึกที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม AirAsia MOVE ชี้ให้เห็นถึงเทรนด์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจในปี 2025 คือ
- ท่องเที่ยวในประเทศยังครองแชมป์: การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงเป็นที่นิยมอย่างสูง คิดเป็นเกือบ 80% ของการจองทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มหันมาให้ความสนใจกับ “เมืองรอง” อย่างเชียงราย ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานีเพิ่มมากขึ้น สะท้อนกระแสการแสวงหาความเป็นท้องถิ่นแท้ ๆ (Local Authenticity) และประสบการณ์ที่แปลกใหม่ นอกเส้นทางยอดนิยม
- พฤติกรรมการวางแผนที่ยืดหยุ่น (Flexi Planning): คนไทยวางแผนเที่ยวล่วงหน้ามากขึ้น โดย 26.52% ของการจองถูกทำล่วงหน้ากว่า 1 เดือน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มี 18.04% เป็นการจองแบบเร่งด่วนภายใน 4-7 วันก่อนออกเดินทาง สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวกำลังมองหาการเดินทางที่เปิดกว้าง ให้ความยืดหยุ่นและการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่
- Mini Trips และ Staycations กำลังมาแรง: การพักผ่อนระยะสั้นกลายเป็นเรื่องปกติใหม่สำหรับกลุ่มคนทำงานในเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ยอดจองที่พักรูปแบบ Staycation เพิ่มขึ้นถึง 15.9% จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทริปสั้น ๆ คือ จังหวัดที่มีสนามบินขนาดเล็กและเข้าถึงง่าย เช่น ประจวบคีรีขันธ์ อุดรธานี และเชียงราย รูปแบบการเดินทางแบบ “2 วัน 1 คืน” ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
- ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้น ๆ: การเดินทางระหว่างประเทศกำลังฟื้นตัวหรือคิดเป็น 20.11% ของการจองทั้งหมด จุดหมายปลายทางยอดนิยมคือ มาเลเซีย จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย โดยเมืองหลักที่ถูกจองมากที่สุด คือ โตเกียว โอซาก้า โฮจิมินห์ และกัวลาลัมเปอร์ สะท้อนว่านักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงต้องการประสบการณ์การเดินทางระหว่างประเทศ แต่ให้ความสำคัญกับระยะทางที่ใกล้ ความสะดวกสบาย และความคุ้มค่า โดยกลุ่มอายุ 25-39 ปี ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมด้วยพฤติกรรมที่วางแผนล่วงหน้าและมีความเป็นระบบมากขึ้น
- นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย เน้นคุณภาพมากกว่าราคา: ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวระยะใกล้ โดยเฉพาะจากมาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน ส่วนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มักวางแผนล่วงหน้า 1-2 เดือน และนิยมเข้าพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวมากกว่า 60% แม้จะพักเฉลี่ยเพียง 1-2 คืนก็ตาม ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าปริมาณหรือราคาถูกเพียงอย่างเดียว
นักท่องเที่ยวไทยฉลาดใช้จ่าย: คุ้มค่าสำคัญกว่าราคาถูก
นักท่องเที่ยวชาวไทยมีแนวโน้มใช้จ่ายอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น โดยค่าเฉลี่ยตั๋วเครื่องบินภายในประเทศอยู่ที่ 2,523.48 บาท ขณะที่เที่ยวบินระหว่างประเทศอยู่ที่ 4,130.58 บาท ส่วนอัตราค่าที่พักเฉลี่ยอยู่ที่ 3,864.41 บาทในประเทศ และ 3,409.66 บาทในต่างประเทศ โรงแรมที่มีการจองมากที่สุดคือระดับ 4 ดาว (36.7%) รองลงมาคือ 3 ดาว (29.9%) และ 5 ดาว (15.4%) สะท้อนความสนใจของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว
เทรนด์การท่องเที่ยว 2025 ที่น่าจับตามอง
จากข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ AirAsia MOVE ได้สรุปเทรนด์สำคัญที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรจับตาในปี 2025 คือ
- การท่องเที่ยวเชิงเป้าหมาย(Purposeful Travel) เช่น ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรีทรีตด้านจิตใจ
- ความต้องการโซลูชันการจองแบบครบวงจรผ่านแอปเดียว(All-in-one Booking Solutions)
- บริการหลังการจองที่ทันสมัย เช่น การแจ้งเตือนเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ การยกเลิกแบบยืดหยุ่น และการผ่อนชำระ 0%
- การรีวิวที่เชื่อถือได้ และคำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้กับผู้ใช้
นาเดีย โอมาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท AirAsia MOVE กล่าวว่า ข้อมูลเชิงลึกข้างต้น ไม่ได้เป็นเพียงพฤติกรรมของนักเดินทางเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่เรามุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ยืดหยุ่น คุ้มค่า และตอบโจทย์นักเดินทางอย่างแท้จริง
ยอดจองพุ่งหลังรีแบรนด์
AirAsia MOVE เป็นผู้ให้บริการด้านการเดินทางท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent หรือ OTA) ที่ครบวงจร ที่ไม่เพียงแต่ให้บริการจองเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบวางแผนการเดินทางแบบครบวงจร รวมทั้งเที่ยวบิน โรงแรม รถรับส่งสนามบิน การช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี และบริการเสริมครบจบในแอปเดียว
นับตั้งแต่การรีแบรนด์จาก AirAsia Superapp มาเป็น MOVE อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 แพลตฟอร์มดังกล่าวได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในฐานะ OTA โดยยอดจองเที่ยวบินที่ไม่ใช่ของแอร์เอเชียเพิ่มขึ้นถึง 64% ขณะที่ยอดจองโรงแรมก็เติบโตขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
หลังจากประสบความสำเร็จในการรีแบรนด์แอปและสร้างฐานผู้ใช้ในตลาดมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ AirAsia MOVE ประกาศให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งประเทศไทย” โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนและขยายฐานผู้ใช้จากปัจจุบันที่มีผู้ใช้งานในไทยมากกว่า 8 ล้านคน พร้อมข้อเสนอและโปรโมชั่นที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางชาวไทยโดยเฉพาะ
AirAsia MOVE ยังได้ออกแท็กไลน์ใหม่ “Travel More for Less – เดินทางมากขึ้น ในราคาที่คุ้มค่า”’ ซึ่งเป็นคำเชิญชวนจาก MOVE ถึงนักเดินทางในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาค
“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่คึกคักสำหรับนักเดินทางมาโดยตลอด เราจึงให้ความสำคัญกับตลาดนี้อย่างมาก จึงเลือกเปิดตัวก้าวใหม่ของ MOVE ที่ประเทศไทย MOVE ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่มันคือการเปลี่ยนแนวคิด เพราะนักเดินทางยุคใหม่ต้องการมากกว่าแค่ตั๋วเครื่องบิน พวกเขาต้องการความยืดหยุ่น ความเรียบง่าย และความคุ้มค่า และนั่นคือสิ่งที่ MOVE ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ ‘เดินทางได้มากขึ้น ในราคาน้อยลง’ อย่างแท้จริง” นาเดียกล่าว
นอกจากนี้ MOVE ยังเดินหน้ายกระดับประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ผ่านฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การเดินทาง อาทิ การจองเที่ยวบินที่สะดวกยิ่งขึ้น การสนทนาผ่านแชตบอทที่แม่นยำขึ้น ระบบเข้าสู่ระบบด้วยไบโอเมตริกซ์ (Passkey) รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ อาทิ Easy Cancel และ ValuePack สำหรับการเดินทางในภูมิภาค
“เราต้องการให้ทุกคนได้เดินทางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในไทยสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเดินทางในประเทศ คนที่เคยเดินทางในประเทศแล้วก็กระตุ้นให้ลองเดินทางไปต่างประเทศในเอเชีย และสำหรับผู้ที่เคยเดินทางในเอเชียแล้ว แนะนำให้ลองเดินทางไปยังยุโรปหรือตะวันออกกลาง”
แพลตฟอร์มเพื่อนักเดินทางงบประมาณจำกัด
นาเดียกล่าวว่า AirAsia MOVE เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มนักเดินทางที่ใส่ใจงบประมาณ (Budget Travellers) ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม Frequent Flyers โดยกลุ่ม Budget Travellers มักจะวางแผนและเก็บเงินสำหรับการเดินทางเพียง 1 ครั้งต่อปี และต้องการความคุ้มค่าสูงสุดจากการใช้จ่าย AirAsia MOVE จึงมุ่งมั่นที่จะทำให้การเดินทางเข้าถึงได้สำหรับคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นกลาง นักเรียน นักศึกษา แม้แต่ผู้เกษียณอายุที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ
นักเดินทางจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเมื่อจองผ่าน MOVE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจองอย่างเป็นทางการของสายการบินแอร์เอเชีย อาทิ การจองเที่ยวบินแอร์เอเชียแบบเรียลไทม์ รับส่วนลดค่าบริการเสริม อาทิ การจองน้ำหนักสัมภาระและอาหารบนเครื่องในราคาถูกลงสูงสุดถึง 15% ส่วนลดค่าจองโรงแรมมูลค่า 230 บาท การสะสมคะแนน AirAsia points การยกเลิกเที่ยวบินได้อย่างสะดวกผ่านฟีเจอร์ EasyCancel และไม่มีค่าธรรมเนียมการจองสำหรับเที่ยวบินแอร์เอเชีย* ที่ทำรายการจองผ่าน MOVE ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2568
สัญลักษณ์แห่งการเดินทาง
AirAsia MOVE ยังได้เปิดตัวลวดลายพิเศษบนเครื่องบิน Airbus A320 ของไทยแอร์เอเชียที่สะท้อนอัตลักษณ์ของ MOVE โดยใช้สีเขียวที่แสดงถึงความสดชื่นและธรรมชาติ
“เครื่องบินคือสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่เชื่อมโยงผู้คนและสถานที่เข้าด้วยกัน และเราต้องการให้เครื่องบินลำนี้ส่งต่อจิตวิญญาณของ MOVE ไปทั่วท้องฟ้า แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เราอยากให้นักเดินทางทุกคนที่ได้เห็นเครื่องบินลำนี้ รู้ว่าพวกเขาสามารถออกเดินทางไปยังจุดหมายใหม่ ๆ ค้นพบดีลที่คุ้มค่ากว่า และสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายขึ้นในแอปเดียว” นาเดียกล่าว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
SIG และ WWF ร่วมมือฟื้นฟูระบบนิเวศและพัฒนาชุมชนไทยอย่างยั่งยืน
คนรุ่นใหม่ไทยนิยมใช้ GenAI ทำงาน ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มเวลาจัดสมดุลชีวิต
6 ธุรกิจ SME ต้นแบบ คว้ารางวัล Bai Po Business Awards by Sasin