Share on
×

Share

‘ข้าวปลาวาฬ’ ธุรกิจ Food Tech ที่น่าจับตา

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความอยากทาน “ข้าว” แต่ไม่สามารถทานได้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ Food Tech ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต? นี่คือเรื่องราวของ บริษัท เนรมิต ฟู้ดเทค จำกัด และผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง “ข้าวปลาวาฬ” ข้าวไร้แป้งที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีการกินของคนไทยและคนทั่วโลก

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกเบื้องหลังแนวคิด การเดินทางที่ลองผิดลองถูก และวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของสตาร์ตอัพสัญชาติไทยที่น่าจับตามองนี้ ธณกฤษ ศิพิบูลย์ Chief Product Officer บริษัท เนรมิต ฟู้ดเทค จำกัด เล่าเรื่องราวการเดินทางของ “ข้าวปลาวาฬ”​ ให้ The Story Thailand ฟัง

จุดเริ่มต้น: เมื่อความอยากกินข้าวกลายเป็น “Pain Point”

ทุกนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่มักมีจุดเริ่มต้นจากปัญหาเล็ก ๆ ที่รอการแก้ไข สำหรับ “ข้าวปลาวาฬ” ก็เช่นกัน ธณกฤษ เล่าว่า Pain Point หลักมาจากประสบการณ์ตรงของทีมผู้ก่อตั้งที่ทานคีโต (Ketogenic Diet) ซึ่งเป็นวิธีการลดน้ำหนักโดยการงดคาร์โบไฮเดรตโดยสิ้นเชิง

“อยากทานข้าวแล้วมันทานไม่ได้…ไปเจอบุกไปเจออะไรอย่างนี้แล้วฟีลลิ่งมันไม่ได้” ธณกฤษ กล่าว

ความรู้สึกโหยหาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักคู่ครัวคนไทยมานาน แต่กลับต้องงดเพราะมีคาร์โบไฮเดรตและแคลอรี่สูง ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในท้ายที่สุด กลายเป็นแรงผลักดันให้ทีม R&D และผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 5 คน ได้แก่ พีรพงศ์ จิตต์วิวัฒน์ Chief Executive Officer, อานุภาพ อินทรประพงศ์ Chief Research amd Development Officer, นายแพทย์สิทธิชัย เหลืองกิตติก้อง Medical Lead, ดร.นที เทพโภชน์ Chief Financial Officer, และ ธณกฤษ ศิพิบูลย์ Chief Product Officer หันหน้ามาคุยกันอย่างจริงจัง และมองเห็น “ช่องว่างในตลาด” ที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริง

ถอดรหัส “ข้าวปลาวาฬ”: ไม่ใช่ข้าว แต่คือไฟเบอร์ในรูปเม็ดข้าว

หลายคนอาจสงสัยว่า “ข้าวไร้แป้ง” ทำมาจากอะไร? ธณกฤษเฉลยว่า “ข้าวปลาวาฬ” ไม่ใช่ข้าว แต่เป็นนวัตกรรมการนำ “ไฟเบอร์” มาขึ้นรูปให้มีลักษณะทางกายภาพเหมือนเม็ดข้าวสวยที่พร้อมทาน 

ผลิตภัณฑ์ตัวแรกทำมาจากไฟเบอร์ของสาหร่ายสีน้ำตาล ซึ่งเป็นใยอาหารที่ร่างกายดูดซึมไม่ได้ ผสมกับน้ำ และมีการเติมโปรตีนจากปลาน้ำจืดเข้าไปประมาณ 5 กรัม (ต่อ 100 กรัม) เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้ผู้ป่วยโรคไตหรือผู้ที่ต้องควบคุมโปรตีนสามารถทานได้

เทคโนโลยีของเนรมิต ฟู้ดเทค ไม่ได้หยุดแค่สาหร่ายสีน้ำตาล แต่สามารถสกัดไฟเบอร์จากพืชผลทางการเกษตรของไทย เช่น “ฟักเขียว” มาพัฒนาเป็นข้าวเวอร์ชันใหม่ที่ให้สัมผัสคล้ายข้าวหอมมะลิ เป็นวีแกน 100% และยังช่วยสนับสนุนเกษตรกรไทยได้อีกด้วย

ที่มาของชื่อแบรนด์ “ข้าวปลาวาฬ” มาจากแนวคิดที่ว่า “ปลาวาฬไม่ใช่ปลา แต่มีลักษณะคล้ายปลา” เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ของพวกเขาที่ “ไม่ใช่ข้าว แต่มีลักษณะคล้ายข้าว” เป็นการสื่อสารที่ชาญฉลาดและจดจำง่าย

การเดินทาง 3 ปี: จาก “เฟรนช์ฟรายส์” สู่ “ข้าวพร้อมทาน”

กว่าจะมาเป็น “ข้าวปลาวาฬ” ที่สมบูรณ์ในวันนี้ ทีมงานใช้เวลาเกือบ 3 ปีในการวิจัยและพัฒนา โดยเริ่มต้นจากการทดลองทำ “เฟรนช์ฟรายส์ไร้แป้ง” แต่พบว่าตลาดยังไม่ตอบโจทย์และสินค้ายังไม่สะดวกต่อผู้บริโภค จึงปรับทิศทางมาสู่ “ข้าว” ซึ่งเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวคนไทยมากกว่า

ในช่วงแรกของการพัฒนาตัวต้นแบบ (POC: Proof of Concept) ก็พบปัญหาทั้งเรื่องกลิ่นและสัมผัส แต่แทนที่จะแก้ไขกันเองในห้องแล็บ ทีมเลือกที่จะทดลองขายจริงในกลุ่มลูกค้าคีโต เพื่อเก็บฟีดแบคที่ตรงไปตรงมาที่สุด และใช้วิธีเคลมเงินคืนทันที หากลูกค้าไม่พอใจ ซึ่งสร้างความไว้วางใจและทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมาพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว

จากข้าวที่ต้องแช่แข็ง สู่การพัฒนาเป็น “ข้าวพร้อมทาน” (Ready-to-eat) ในซอง ที่สามารถเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้นาน 3-6 เดือน และในอนาคตจะสามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้นานถึง 1 ปี เพียงแค่ฉีกซองก็ทานได้ทันที หรืออุ่นเพียง 30 วินาทีเพื่อทานร้อน ๆ

เจาะตลาดและอนาคต: Niche Market สู่ Global Vision

ปัจจุบัน “ข้าวปลาวาฬ” วางตำแหน่งตัวเองในตลาดพรีเมียม ที่ราคา 89 บาท/100 กรัม โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้รักสุขภาพที่มีกำลังซื้อ ผู้ที่มองหาทางเลือกใหม่ ๆ และให้ความสำคัญกับคุณค่าทางใจที่ได้ทานข้าวอย่างสบายใจ และกลุ่มผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลไม่ขึ้นหลังทาน หรือผู้ที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรต ซึ่ง “ข้าวปลาวาฬ” เข้าไปเป็นทางเลือกที่สำคัญให้พวกเขา

สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดและการเข้าถึงผู้บริโภค เนรมิต ฟู้ดเทค ใช้หลากหลายช่องทางเพื่อสร้างการรับรู้และจัดจำหน่าย เป็นช่องทางออนไลน์ซึ่งถือเป็นช่องทางหลักในปัจจุบัน โดยครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม E-commerce และโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ช่องทาง B2B (Business-to-Business) ที่เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรโดยร่วมมือกับบริษัท โซเด็กซ์โซ่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับโรงพยาบาลชั้นนำสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ รวมถึงเข้าไปอยู่ในเมนูของร้านอาหารเพื่อสุขภาพและเชฟชื่อดังที่มองหาวัตถุดิบทางเลือกใหม่ ๆ และช่องทางค้าปลีก (Hypermarket) ที่กำลังขยายเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่ Villa Market และ ริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ต (เชียงใหม่) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการทำให้สินค้าเข้าถึงง่ายขึ้น

แม้จะเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปได้ไม่ถึงปี แต่ยอดขายก็เติบโตอย่างน่าพอใจที่ประมาณ 3-4 แสนบาทต่อเดือน และกำลังขยายกำลังการผลิตสู่หลักหมื่นซอง โดยได้พาร์ทเนอร์โรงงานผลิตที่แข็งแกร่งอย่าง “วนัสนันท์” (ในเครือโอ้กะจู๋) มาช่วยดูแลมาตรฐานการผลิต

สำหรับก้าวต่อไป เนรมิต ฟู้ดเทค ไม่ได้หยุดแค่ข้าว แต่เตรียมปล่อย “เส้นหมี่วาฬ” ในราคา 119 บาท/150 กรัมในไตรมาส 3 ของปีนี้ และมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รอคิวอยู่อีกมาก

ในตลาดต่างประเทศ พวกเขามองไกลไปถึงการ “ขายสิทธิบัตร (Patent)” และเทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้แบรนด์ไทยได้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สร้างนวัตกรรม Food Tech ระดับโลก ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่น่าชื่นชม

“เราอยากขายความเป็น S-Curve ความเป็นไทยมากกว่า ว่าบริษัทไทยผลิต FoodTech แบบนี้นะ” ธณกฤษ กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องราวของ “ข้าวปลาวาฬ” เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า สตาร์ตอัพไทยมีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้ชาติใดในโลก จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย Passion ได้กลายเป็นธุรกิจที่พร้อมจะ “เนรมิต” อนาคตของวงการอาหารได้อย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เปิดตัว ACC Program รุ่นที่ 2 เดินหน้าสร้าง Tech Talent ด้านดิจิทัลและ AI

เยาวชนไทยโชว์ผลงาน ‘Happy Gloves’ จับมือ UNIQLO ผลิต-ส่งมอบถุงมือแก่เด็กพิการทางสมอง

×

Share

ผู้เขียน