เส้นทางสตาร์ตอัพของ วิศรุต ชาลี จากโปรเจกต์ในรั้วมหาวิทยาลัย สู่ธุรกิจที่สร้าง Impact ให้สิ่งแวดล้อมและชุมชน ด้วยนวัตกรรมพลาสติกมีกลิ่นหอมจากธรรมชาติ พร้อมภารกิจที่ใหญ่กว่าธุรกิจ คือการแก้ปัญหาวิกฤติขยะให้หมดไปอย่างยั่งยืน
ท่ามกลางวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งปัญหาขยะพลาสติกที่กว่า 75% ในประเทศไทยไม่ถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และปัญหามลพิษ PM2.5 ที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำถามสำคัญที่ว่า “เราจะเปลี่ยนปัญหาเหล่านี้ให้เป็นโอกาสได้อย่างไร”
จากคำถามนี้เอง ได้นำไปสู่การก่อตั้ง REWASTEC สตาร์ตอัพสัญชาติไทยที่กำลังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญ ด้วยการพัฒนานวัตกรรม “เม็ดพลาสติกและเส้นหวายเทียม” ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากการผสมผสานระหว่างขยะพลาสติกจากครัวเรือนและขยะกากทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ชานอ้อย และใบไผ่ เพื่อเปลี่ยนขยะที่ดูไร้ค่าให้กลายเป็นวัตถุดิบตั้งต้นมูลค่าสูง สำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ บรรจุภัณฑ์ และชิ้นส่วนในซัพพลายเชน
เรื่องราวของ REWASTEC เริ่มต้นขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดย วิศรุต ชาลี CEO & Co-Founder ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมพอลิเมอร์ เขาเล็งเห็นถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นพร้อมกันสองด้าน จึงเกิดไอเดียที่จะนำความรู้ด้านพลาสติกที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา
วิศรุตเล่าว่า “เราเริ่มจากไอเดียและแพชชั่นล้วน ๆ ไม่ได้มีโรงงานเป็นของตัวเอง แต่เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมจริง ๆ” จากความมุ่งมั่นนั้น เขาและทีมได้ผลักดันโปรเจกต์ผ่านการแข่งขันในเวทีต่าง ๆ จนได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐอย่าง NIA และ GISTDA ซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงสำคัญที่ช่วยให้แนวคิดจากห้องทดลองสามารถเติบโตและขยายสเกลสู่ธุรกิจจริงได้
สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ REWASTEC มีความโดดเด่นและกลายเป็น “Unfair Advantage” ในตลาด คือคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติโดยตรง เม็ดพลาสติกที่ได้จะมีสีและกลิ่นเฉพาะตัว เช่น พลาสติกที่ผสมฟางข้าวจะให้สีทองและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนฟางข้าว ขณะที่ส่วนผสมจากใบไผ่จะให้สีเขียวธรรมชาติ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความแตกต่าง แต่ยังช่วยสร้างเรื่องราวให้กับผลิตภัณฑ์ปลายทางได้เป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น เส้นใยเซลลูโลสที่อยู่ในเศษพืชยังช่วยเสริมความแข็งแรงและคุณสมบัติพิเศษให้กับเนื้อพลาสติก เช่น การทนความร้อนที่ดีขึ้นจากใบไผ่ โดยไม่ต้องเติมสารเคมีเพิ่มเติม ที่สำคัญ กระบวนการนี้ยังเปรียบเสมือนการ “ดักจับคาร์บอน” (Carbon Capture) รูปแบบหนึ่ง เพราะเป็นการนำคาร์บอนจากเศษพืชที่อาจถูกเผาทิ้ง มาเก็บกักไว้ในโครงสร้างของผลิตภัณฑ์พลาสติกแทน
โมเดลธุรกิจของ REWASTEC ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) อย่างเป็นรูปธรรม บริษัทดำเนินธุรกิจแบบ One-stop Service ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาสูตร ไปจนถึงการผลิตที่มีโรงฉีดขึ้นรูปเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกันก็สร้างกลไกที่ช่วยเหลือชุมชน โดยการรับซื้อขยะพลาสติกและเศษวัสดุการเกษตรโดยตรงจากครัวเรือนและเกษตรกร เพื่อเปลี่ยนภาระให้เป็นรายได้
นอกจากนี้ ที่จังหวัดศรีสะเกษซึ่งเป็นบ้านเกิดของวิศรุต เขายังได้นำเส้นหวายเทียมที่บริษัทผลิต ไปสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนที่ขาดรายได้ ให้พวกเขานำไปถักทอเป็นเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นการกระจายรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากไปพร้อมกัน
ปัจจุบัน REWASTEC กำลังอยู่ในช่วงของการขยายธุรกิจ (Scaling Stage) โดยมีกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลอยู่ที่ประมาณ 10,000 ตันต่อวัน และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และบรรจุภัณฑ์ สำหรับก้าวต่อไป บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสูตรใหม่ ๆ และจดสิทธิบัตรเพิ่มเติม เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารและแสดงให้ผู้บริโภคเห็นถึงศักยภาพของวัสดุรีไซเคิล ว่าสามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยงามและใช้งานได้จริง
ท้ายที่สุดแล้ว วิศรุตได้สะท้อนถึงปรัชญาที่เป็นหัวใจสำคัญของบริษัทว่า “เป้าหมายสูงสุดของเรา คือการแก้ปัญหาขยะที่ต้นทาง เราอยากเห็นทุกคนปรับพฤติกรรม ลดการสร้างขยะ ถ้าวันหนึ่งขยะลดลงจนเราไม่มีวัตถุดิบผลิต เราก็ยินดี เพราะนั่นหมายความว่าเราได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว”
เรื่องราวของ REWASTEC นั้นเป็นมากกว่าธุรกิจ แต่คือเครื่องพิสูจน์ว่านวัตกรรมที่เกิดจากความมุ่งมั่น สามารถเปลี่ยนสิ่งที่ทุกคนมองข้ามให้กลายเป็นโอกาสที่ยั่งยืนสำหรับโลก สังคม และเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
PetGeneX นวัตกรรมธนาคารสเต็มเซลล์สัตว์เลี้ยงจากเลือด
จากทุ่งนาสู่แฟชั่น: “มณีผาสุข” ชุบชีวิตฟางข้าว ลดฝุ่นพิษ สู่หนังเทียมรักษ์โลก