Share on
×

Share

Whoscall x พม. เปิดตัวฟีเจอร์ ‘Voice Alert’ คุ้มครองกลุ่มเปราะบาง

ในยุคที่มิจฉาชีพออนไลน์ระบาดหนัก สร้างความเสียหายให้คนไทยเป็นมูลค่ามหาศาลกว่า 5 หมื่นล้านบาทในรอบ 5 ปี และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบางที่ตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้ผนึกกำลังกับ บริษัท โกโกลุค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall เปิดตัวเกราะป้องกันรูปแบบใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์ “Voice Alert” หรือการแจ้งเตือนด้วยเสียง ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกในประเทศไทย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและเป็นหูทิพย์ให้กับคนไทยทุกคน

มหันตภัยเงียบที่ปลายสาย: วิกฤติที่ต้องหยุดยั้ง

สถานการณ์ภัยคุกคามจากมิจฉาชีพทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากังวล ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ Whoscall ระบุว่า ในปี 2567 เพียงปีเดียว มิจฉาชีพได้หลอกลวงคนไทยสร้างความเสียหายไปแล้วกว่า 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 85% และมีการส่งข้อความสั้น (SMS) หลอกลวงกว่า 130 ล้านข้อความ ทำให้โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยสูญเสียเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถึงวันละ 880 ล้านบาท ซึ่งภัยเหล่านี้ไม่ได้สร้างเพียงความเสียหายทางการเงิน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตใจและความสัมพันธ์ในครอบครัว

อนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวในงานแถลงความร่วมมือว่า ภัยมิจฉาชีพได้กลายเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ คนพิการ และเด็ก ซึ่งมักตกเป็นเหยื่อได้ง่าย “ผู้สูงอายุมีความเปราะบาง ไม่ใช่เพราะสถานะทางการเงิน แต่อาจเป็นเพราะมีเงินเก็บมาตลอดชีวิต เมื่อเจอมิจฉาชีพก็อาจสูญเสียทั้งหมดไปในพริบตา” 

ที่ผ่านมา พม. ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับปัญหานี้มาโดยตลอด ทั้งสายด่วน 1300 และหลักสูตรอบรมการใช้สื่อออนไลน์อย่างปลอดภัย แต่การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการติดอาวุธทางเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ปัญหาท้าทายของประเทศอย่างตรงจุดและทันท่วงที

‘Voice Alert’ เกราะป้องกันที่ ‘ได้ยิน’: นวัตกรรมแรกของโลกที่เปิดตัวในไทย

หัวใจสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้คือการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Voice Alert” ที่ออกแบบมาเพื่อทลายข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีของกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะ โดยจะส่งเสียงแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยว่า “หมายเลขน่าสงสัย โปรดระวังก่อนรับสาย” ทันทีที่มีเบอร์โทรศัพท์ต้องสงสัยโทรเข้ามา ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องอ่านข้อความบนหน้าจออีกต่อไป

กชสร ไชยแจ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกโกลุค (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการทางการเห็น หรือแม้กระทั่งผู้ที่กำลังขับขี่ยานพาหนะ “ภัยมิจฉาชีพไม่ได้หลอกแค่เรื่องเงิน แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่น สร้างความกลัว และกระทบต่อจิตใจ เราจึงพัฒนาฟีเจอร์นี้ขึ้นโดยได้รับคำแนะนำจาก พม. และภูมิใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นสถานที่เปิดตัวฟีเจอร์นี้เป็นแห่งแรกของโลก”

ผู้ใช้งานสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ได้ง่าย ๆ เพียงเข้าไปที่แอปพลิเคชัน Whoscall เลือกเมนู “การป้องกัน” แล้วกดเปิดใช้งาน “การแจ้งเตือนด้วยเสียง” ซึ่งความสำเร็จเบื้องต้นของ Voice Alert นั้นน่าทึ่งอย่างยิ่ง เพราะในช่วงทดลองใช้งานเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ฟีเจอร์นี้สามารถช่วยป้องกันคนไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพได้แล้วกว่า 10 ล้านครั้ง

พลังแห่งความร่วมมือ: 2 ล้านโค้ดพรีเมียม สู่กลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ

เพื่อให้เกราะป้องกันนี้เข้าถึงประชาชนในวงกว้างที่สุด Whoscall ได้มอบสิทธิ์การใช้งาน Whoscall Premium จำนวน 2 ล้านโค้ด ให้แก่กระทรวง พม. เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางทั่วประเทศ ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของกระทรวงฯ ทั้งหน่วยงานในสังกัดส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) องค์กรสวัสดิการชุมชน รวมถึงกิจกรรมเชิงรุกอย่าง “พม.สเตชั่น” และการลงพื้นที่ในชุมชนต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและติดตั้งแอปพลิเคชันให้ถึงมือประชาชนใน 5 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ สุพรรณบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และสงขลา เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้ที่ต้องการมันมากที่สุด

ผนึกกำลังพันธมิตร: ขยายเกราะคุ้มกันสู่ทุกมิติของชีวิต

ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ภาครัฐและ Whoscall เท่านั้น แต่ยังขยายผลไปสู่ภาคเอกชนชั้นนำที่มองเห็นความสำคัญของปัญหานี้ร่วมกัน โดยมี ปรินทิพย์ อิสริยะเมธา ผู้ช่วยรองกรรมการผู้อำนวยการ สื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจ Flash ซึ่งมีผู้ใช้บริการกว่า 3 ล้านรายต่อวันและมักเผชิญกับข้อความหลอกลวงเรื่องพัสดุ เข้ามาช่วยกระจายความรู้สู่ลูกค้า 

ขณะที่ อรวรา เอื้อสุนทรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และพันธมิตร แกร็บ ประเทศไทย มองว่าฟีเจอร์ Voice Alert เป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อยอดความปลอดภัยให้แก่พาร์ทเนอร์คนขับ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทั้งจากมิจฉาชีพและอุบัติเหตุ โดยสามารถแลกรับโค้ดได้ผ่าน Grab Rewards และ Grab Benefit 

ส่วน ชลีรัตน์ ต่อจรัส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย Customer Experience and Digital Communication บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ต้องการยกระดับความปลอดภัยให้มากกว่าแค่ “รอบรั้วบ้าน” แต่ต้องครอบคลุมไปถึง “รอบตัว” ของลูกบ้านในยุคดิจิทัล โดยพร้อมให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างชุมชนที่ปลอดภัยจากภัยออนไลน์

การผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน ที่จะเปลี่ยนสังคมไทยให้กลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากกลโกงของมิจฉาชีพ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง “เกราะเสียง” ที่คอยปกป้องคนไทยทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการการดูแลมากที่สุด ให้ก้าวทันโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย

×

Share

ผู้เขียน