ในยุคที่ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยความเร่งรีบและถูกจำกัดด้วยพื้นที่ การได้หลีกหนีไปพบกับพื้นที่สีเขียวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและเติมพลังชีวิต กลายเป็นสิ่งที่คนเมืองโหยหามากขึ้นทุกวัน SAMA Garden (สมา การ์เด้น) ที่นิยามตัวเองว่าเป็น “Green Lifestyle Centre” แห่งใหม่ บนพื้นที่กว่า 11,000 ตร.ม. ที่ไบเทคบุรี ย่านบางนา กำลังจะเข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าว ด้วยแนวคิด “การใช้ชีวิตสีเขียวไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือไลฟ์สไตล์” โดยเตรียมเปิดให้บริการ 22 พฤษภาคมนี้
จุดเริ่มต้นจากโควิด: เมื่อคนเมืองโหยหาธรรมชาติ
SAMA Garden เป็นโครงการใหม่ล่าสุดของ BITEC BURI (ไบเทคบุรี) ภายใต้การบริหารงานโดย ปิติภัทร บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภิรัชบุรี กรุ๊ป ซึ่งเล็งเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนโหยหาธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวที่สามารถสัมผัสได้จริง
“จริง ๆ แล้วช่วงโควิด รู้สึกว่าชีวิตดำเนินไปอย่างช้ามาก จากวันที่ต้องอยู่แต่ในห้อง ชีวิตล้วนอยู่แต่ในโลกออนไลน์ จนต้องแสวงหาจุดที่ผ่อนคลาย” ปิติภัทรเล่าถึงจุดเริ่มต้นของโครงการ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ภิรัชบุรี กรุ๊ป จึงไม่ได้มองการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบเดิม ๆ แต่มองไปถึงการสร้าง “โซลูชันสำหรับการใช้ชีวิต” (Life Solutions) ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของผู้คนและเมือง

“จุดประสงค์ของเรา คือต้องการสร้างความยั่งยืนให้กับผู้คนและเมือง เราจึงมุ่งมั่นในการสร้างพื้นที่สีเขียวเชื่อมคนเมืองกับธรรมชาติ SAMA Garden จึงเป็นพื้นที่ที่ผู้คนจะได้เติมเต็มชีวิตได้ครบทุกมิติ ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เดินเลือกซื้อต้นไม้กลับไปปลูกที่บ้าน พาน้องหมา น้องแมวมาเดินเล่น ทานอาหารสไตล์โฮมเมด เรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิตแบบ Green Living ที่ง่าย สนุกและเข้าถึงได้บนพื้นที่เดียวที่สามารถรีชาร์จชีวิต แล้วพาพลังความสุขกลับไปต่อยอดที่บ้านได้” ปิติภัทรกล่าว
ชื่อ “SAMA Garden” มาจากคำว่า “สมาคม” สื่อถึงการเป็นศูนย์รวม ที่ซึ่งผู้คนได้มาพบปะ ผ่อนคลาย เชื่อมโยง และใช้ชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมคุณภาพ
ปรัชญา 3 เสาหลัก: คอมมูนิตี้ สิ่งแวดล้อม และโอกาส
แนวคิด “สถานที่ซึ่งการใช้ชีวิตสีเขียวไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือไลฟ์สไตล์” ถูกถักทอขึ้นจากปรัชญา 3 ประการของภิรัชบุรีกรุ๊ป คือ
ประการแรก การสร้างคอมมูนิตี้สำหรับคนรักธรรมชาติ: ให้เป็นพื้นที่ที่ผู้คนที่มีความสนใจเดียวกันได้มาพบปะ แลกเปลี่ยน และเชื่อมโยงกัน
ประการที่ 2 ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม: การดูแลโลกไม่ใช่หน้าที่ของรัฐเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถร่วมมือกันได้
ประการสุดท้าย เป็นเวทีแห่งโอกาส: SAMA Garden เป็นพื้นที่ที่สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและธุรกิจเพื่อสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน
“Sama Garden คือ Where Living Green Is No Longer a Trend, It’s a Lifestyle. การเข้ามาชม ถือว่าเป็นจุดเริ่มของการใช้ชีวิตสีเขียว เราตั้งใจทำทุกตารางเมตรให้สวยและจับต้องได้ ให้ผู้มาเยือนรู้สึกว่า เราก็อยากมีพื้นที่สีเขียวแบบนี้ที่บ้านเราเหมือนกัน จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมสร้าง ‘สวน 0 นาที’ คือไม่ต้องออกไปไหนไกล แค่หอบต้นไม้จากที่นี่กลับบ้าน ก็เห็นพื้นที่สีเขียวได้ทันที”
สำรวจ 12 โซน เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์สีเขียว

ภายใน SAMA Garden ซึ่งใช้งบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 12 โซน ที่ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลาย
- House of Plants: สวรรค์ของคนรักต้นไม้ รวบรวมพรรณไม้นานาชนิดกว่า 1,000 ชนิด ให้เลือกซื้อกลับไปสร้างสวน 0 นาที ที่บ้าน หรือเดินชมเพื่อความเพลิดเพลิน
- Lifestyle Hall: แหล่งรวมแบรนด์ไทยคุณภาพ เน้นงานคราฟต์ ดีไซน์ และความยั่งยืน ผสมผสานธรรมชาติเข้ากับการช้อปปิ้งอย่างลงตัว
- Workshop Zone: พื้นที่สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ เวิร์กชอปเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
- Outdoor Lifestyle Zone: จำหน่ายต้นไม้และเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง สำหรับผู้รักชีวิตเอาท์ดอร์
- Kids Zone: สินค้าสำหรับเด็ก เสริมสร้างพัฒนาการและปลูกฝังความรักธรรมชาติให้เยาวชน
- Library Zone: มุมหนังสือ ของที่ระลึก และสินค้าสุดครีเอทีฟจากธรรมชาติ พร้อมบรรยากาศสงบสำหรับการอ่าน
- Pets Zone: สินค้าครบครันสำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรัก
- Garden Gadgets Zone: เครื่องมือและอุปกรณ์ดูแลต้นไม้คุณภาพ ทั้งจากในและต่างประเทศ
- SOS: Plants Service Counter: บริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ช่วยวินิจฉัยและแนะนำการดูแลต้นไม้
- GAYA Restaurant & Bar: ร้านอาหารฟิวชั่นที่ใส่ใจสุขภาพกายและใจ
- GAYA Tea Room: คาเฟ่ในเรือนกระจก บริการชา กาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ
- Event Space: พื้นที่จัดงานใจกลางธรรมชาติ รองรับหลากหลายกิจกรรม ตั้งแต่งานแต่งงาน ปาร์ตี้ ไปจนถึงอีเวนต์องค์กร
GAYA ปรุงรสชาติจาก ‘5 ผืนป่า’
หนึ่งในไฮไลต์ของ SAMA Garden คือร้านอาหาร GAYA ที่นำโดยเชฟบูรพา กระแสร์ภาค ผู้รังสรรค์เมนูภายใต้แนวคิด “อาหารจาก 5 ผืนป่า” ซึ่งสะท้อนความหลากหลายของธรรมชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“ร้านอาหารแห่งนี้เน้นใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ช่วยเหลือเกษตรกรท้องถิ่น และมีคอนเซ็ปต์อาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผมชื่นชอบ ด้วยรสชาติที่แตกต่าง มีความหนักแน่นของรส ของกลิ่น และเครื่องเทศ” เชฟบู เล่าให้ The Story Thailand ฟัง
แม้จะนำเสนออาหารจากหลากหลายวัฒนธรรม แต่วัตถุดิบหลักยังคงเน้นที่ผลผลิตในประเทศไทย
แนวคิด ‘ป่าทั้ง 5’ ที่เป็นมากกว่าเมนู
เอกลักษณ์ของร้าน GAYA คือการจัดเมนูตามแหล่งที่มาของวัตถุดิบจาก “ป่าทั้ง 5” คือ
- ป่าชายหาด (Beach Forest): นำเสนอวัตถุดิบหลักจากทะเลและชายฝั่ง เช่น มะพร้าว กะทิ และอาหารทะเลสดใหม่
- ป่าดิบเขา (Evergreen Hill Forest): คัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลจากป่าที่ราบสูง เช่น เห็ดป่า ยอดเฟิร์น หรือผักกูด
- ป่าชายเลน (Mangrove Forest): ใช้วัตถุดิบจากป่าน้ำกร่อย เช่น ใบชะคราม กุ้ง หอย ปู ปลาจากชาวประมงท้องถิ่น
- ป่าฝนเขตร้อน (Tropical Rainforest): ใช้ผลไม้เมืองร้อนที่ให้ความสดชื่น เช่น มะม่วงมหาชนก ขนุน หรือลิ้นจี่
- ป่าสะวันนา (Savanna Forest): เน้นอาหารโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เนื้อวัวจากโคราช นครราชสีมา ซึ่งเป็นเนื้อจากเกษตรกรไทยคุณภาพระดับโลก ปรุงด้วยเทคนิคการรมควันที่ได้แรงบันดาลใจจากทุ่งหญ้า
“เราไม่แบ่งเมนูเป็นหมวดอาหารเรียกน้ำย่อยหรือจานหลัก แต่ใช้ป่าทั้ง 5 เป็นตัวกำหนดเมนู เมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุด” เชฟบูกล่าว พร้อมยกตัวอย่างเมนูซิกเนเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น สลัดไก่สไตล์อินโดนีเซีย, เมี่ยงคำสลัด จากป่าดิบเขาที่ใช้ใบชาหมักจากภาคเหนือ, ซุปกะทิเนื้อตุ๋นสไตล์จาการ์ตา หรือ ผัดไทยเส้นใบมะรุม ที่ทางร้านทำเส้นเอง
รสชาติที่สมดุลและการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจากป่า
GAYA ไม่ได้เน้นอาหารเพื่อสุขภาพแบบสุดโต่ง แต่เน้นความสมดุลระหว่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และผัก เพื่อให้ทุกจานทั้งอร่อยและดีต่อร่างกาย
“หยินและหยางในอาหารคือสิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขทั้งกายและใจ” เชฟบูกล่าว
ร้าน GAYA เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลองทานอาหารที่ใช้สมุนไพรพื้นบ้าน ผู้ที่ต้องการชิมอาหารสไตล์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความเข้มข้นทางรสชาติและกลิ่นเครื่องเทศ รวมถึงผู้ที่มองหาความแปลกใหม่จากอาหารอินโดนีเซีย มาเลเซียที่นำมาปรับให้ทานง่ายขึ้น แต่ยังคงรสชาติดั้งเดิม
นอกเหนือจากรสชาติอาหารแล้ว การตกแต่งร้าน หน้าตาและการจัดจานของอาหารก็จะสอดคล้องกับธีมป่า เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้นั่งทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศโดยรวมของ SAMA Garden ที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ
การเดินทางมา SAMA Garden ด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถชั้นใต้ดิน อาคารไบเทคบุรี หรือรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีบางนา (ทางออก 1) และเดินตามทางเชื่อมเข้าสู่ SAMA Garden
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง: จากผู้บุกเบิก สู่ผู้นำยุคแห่งการเติบโตของพลังงานลมไทย
จระเข้ กางวิสัยทัศน์ปี 68 เดินหน้าสู่ Net Zero พลิกโฉมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ