ทุกวันนี้ นอกจากการพัฒนาด้านการเมืองการปกครอง สภาพเเวดล้อมแล้ว ความเป็นอยู่ของประชาชนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เทคโนโลยีดาวเทียมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างมาก โดยมีบทบาทสำคัญหลายด้านคือ การเพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสาร การสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อีกหนึ่งมิติ
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาด้านดาวเทียม และเทคโนโลยีอวกาศอย่างต่อเนื่อง บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ Thaicom ถือเป็นผู้บุกเบิกและนำเทคโนโลยีดาวเทียมเข้ามาใช้ในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
ไทยคม ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2534 และต่อมากลายเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมการสื่อสารผ่านดาวเทียม เนื่องจากมีบริการที่หลากหลาย เช่น การเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม บรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม โซลูชันสำหรับการแพร่ภาพกระจายเสียง และการสื่อสารโทรคมนาคม โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น รัฐบาล การเดินเรือ การบิน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ปริสุทธิ์ ชินอมรพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ผู้แทนบริษัท ไทยคม จำกัด อธิบายถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดาวเทียมในยุคดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศไทยไว้ว่า ไทยคมได้สร้างพันธมิตรกับผู้ให้บริการดาวเทียมและผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อเสริมความสามารถในการให้บริการและขยายตลาด รวมถึงการเพิ่มความสามารถทางเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมสังคมและสนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมมากขึ้น
แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศในอนาคต เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ
การที่ “ไทยคม” เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการสื่อสารผ่านดาวเทียม ทำให้องค์กรมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมอวกาศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างนวัตกรรมให้ทันสมัย การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับผู้คนและประเทศชาติ รวมไปถึงการเติบโตให้เท่าทันกับนานาประเทศ ซึ่งอาจทำในรูปแบบของการศึกษาและวิจัยเทคโนโลยี หรืออาศัยความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ปริสุทธิ์ กล่าวถึงความมุ่งมั่นที่จะนำพา ไทยคมให้กลายเป็น “The Leading Regional Space Tech Company” หรือ “บริษัทเทคโนโลยีอวกาศชั้นนำในภูมิภาค” โดยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการดำเนินการที่ไทยคมทำสำเร็จแล้วและวางแผนจะทำเพิ่มเติมในอนาคต เน้นไปที่ 6 มิติหลักที่จะเป็นส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทยเดินหน้าไปทัดเทียมต่างประเทศได้มากขึ้น ได้แก่
- World’s First DTH in Asia-Pacific : ไทยคมเป็นผู้ให้บริการ Direct-to-Home (DTH) คือ การปล่อยดาวเทียมไทยคม 1 ซึ่งเป็นระบบ DTH ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การให้บริการ DTH ผ่านดาวเทียมไทยคม 1 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ดาวเทียมได้โดยตรงที่บ้านโดยไม่ต้องผ่านผู้ให้บริการเคเบิลทีวี
- Earth Observation & Geospatial Intelligence : เพิ่มการสังเกตการณ์โลกและการใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศ มีประโยชน์ในเชิงการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ของแต่ละสถานที่ เช่น การใช้สังเกตผลลัพธ์ทางการเกษตรของบางพื้นที่ เป็นต้น
- IoT with Low Earth Orbit (LEO) Satellites : การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ด้วยดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ซึ่งเหมาะสำหรับการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม การสังเกตการณ์โลก การเก็บข้อมูลภูมิศาสตร์ และการติดตามวัตถุต่าง ๆ
- The Next Generation Broadband Satellites (GEO & LEO) : การพัฒนาดาวเทียมบรอดแบนด์รุ่นใหม่ทั้งในวงโคจร GEO และ LEO เพื่อปรับการบริการให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ไทยคมใช้วงโคจร GEO เป็นหลักในการให้บริการสื่อสารและการแพร่ภาพ ส่วนวงโคจร LEO จะมีการพัฒนาและสำรวจเพิ่มเติมเพื่อรองรับการใช้งานใหม่ ๆ และการขยายการให้บริการในอนาคต
- Satellite-to-Phone : สร้างการเชื่อมต่อสัญญาณจากดาวเทียมสู่โทรศัพท์มือถือ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารได้ในพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร เช่น พื้นที่ห่างไกล ป่าเขา หรือเกาะที่ห่างไกล
- Small Satellite Constellations and Spaceport : พัฒนากลุ่มดาวเทียมขนาดเล็กและท่าอวกาศยาน สำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและการสื่อสาร โดยช่วยเพิ่มความครอบคลุมและประสิทธิภาพในการสื่อสาร
มุมมองการใช้ประโยชน์ดาวเทียมในด้านต่าง ๆ
ดาวเทียมมีประโยชน์อย่างมากกับประเทศและระดับโลก การใช้ประโยชน์จากดาวเทียมช่วยให้การดำเนินงานในด้านต่าง ๆ มีประสิทธิภาพทำให้การดำเนินงานมีเสถียรภาพและความยั่งยืนในการพัฒนาประเทศในระยะยาว ดังนี้
- การสื่อสารและการโทรคมนาคม ช่วยให้การสื่อสารที่ครอบคลุมทั่วประเทศและต่างประเทศ กล่าวคือดาวเทียมช่วยให้การสื่อสารโทรคมนาคมสามารถครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลและชนบทที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร
- การเกษตรและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทียมช่วยในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพดิน น้ำ และการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกและการจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการตรวจสอบระดับน้ำในเขื่อน การติดตามการใช้พลังงาน และการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม
- การป้องกันและการจัดการภัยพิบัติ ดาวเทียมช่วยในการประเมินความเสียหายและการวางแผนการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
- การศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับอวกาศ การใช้ดาวเทียมในการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับอวกาศช่วยให้นักเรียนและนักวิจัยได้เรียนรู้และทดลองในสภาวะที่ไม่สามารถทำได้บนพื้นดิน
- การขนส่งและการโลจิสติกส์ และการนำทาง เช่น ดาวเทียม GPS ช่วยในการนำทางและการติดตามยานพาหนะ ทำให้การขนส่งสินค้าและบริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
อนาคตของเศรษฐกิจอวกาศโลก ที่มาของความร่วมมือกับ SPACEX
อนาคตของเศรษฐกิจอวกาศโลก (Global Space Economy) คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยจะมาจากการพัฒนา หลายด้าน ได้แก่ การสื่อสารโทรคมนาคม การแพร่ภาพกระจายเสียง และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (Satellite Communication) การตรวจสอบและติดตามวัตถุต่าง ๆ ในอวกาศ เช่น ดาวเทียมและขยะอวกาศ เพื่อป้องกันการชนกันและรักษาความปลอดภัย (Space Situation Awareness) การใช้ดาวเทียมในการตรวจสอบสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และการเก็บข้อมูลภูมิสารสนเทศ (Earth Observation) การให้บริการนำทาง (GPS) และการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ที่ต้องการความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง (Navigation/IoT) การพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการในการส่งยานอวกาศขึ้นสู่วงโคจร (Access to Space) และสุดท้ายคือการสำรวจและศึกษาดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และวัตถุอื่น ๆ ในอวกาศเพื่อค้นหาข้อมูลใหม่ ๆ และโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยี (Space Exploration)
โดยทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศโลกในเกือบทุกมิติที่ประเทศไทยเองต้องเร่งดำเนินงานให้เท่าทัน ไทยคมเอง ได้เล็งเห็นความสำคัญจึงเกิดการร่วมมือกับบริษัทผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีอวกาศอย่าง SPACEX ในการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะนำมาปรับใช้กับประเทศไทยมากขึ้น ยกตัวอย่าง การพัฒนาจรวด Falcon ของ SpaceX สองรุ่นหลักอย่าง Falcon 9 จรวดที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นครั้งแรกของโลก เป็นก้าวแรกที่จะเป็นต้นแบบของการลดค่าใช้จ่ายด้านการเข้าถึงอวกาศ และรุ่น Falcon Heavy เป็นจรวดที่มีพลังมากที่สุดในโลก การพัฒนาเหล่านี้จึงเป็นการแสดงถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความสามารถในการนำจรวดกลับมาใช้ใหม่ได้ ไทยคม ตัวเเทนประเทศไทยเองได้โอกาสเข้าศึกษาดูงานและสร้างความร่วมมืออันดีกับ SPACEX หวังสร้างเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มหาศาลในอนาคต
4 ปัจจัยที่จะช่วยเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศของไทยได้ไกลกว่าเดิม
การจะเกิดการพัฒนาที่ดี ที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศของไทย ต้องอาศัยหลายปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก อาทิ 1) การลงทุนจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีทันสมัย หรือการลงทุนในโครงการนำร่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ ต่อมาคือ 2) การพัฒนาศักยภาพทักษะของบุคลากรภายในองค์กร ให้สามารถปรับใช้ความรู้ ประยุกต์ใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ 3) การเผยแพร่แหล่งความรู้เพื่อให้ผู้คนเกิดแนวทางการนำนวัตกรรมไปใช้ในวงการอวกาศเพิ่มขึ้น และสุดท้ายคือ 4) กฎหมาย ข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ต้องอำนวยให้ผู้ประกอบการทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน รายใหญ่ รายย่อย ได้เติบโตมากขึ้น
การเดินหน้าพัฒนาในครั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำพันธกิจที่ว่า “To empower people with Innovative Space Technology for a better life” หรือ “เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้คนด้วยเทคโนโลยีอวกาศที่นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” ของไทยคม ปริสุทธิ์ กล่าวปิดท้าย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Design My Life: จาก “วิศวกร” สู่ “ผู้บริหารด้าน HR ” ชีวิตที่ออกแบบได้ของ ชัชพล ยังวิริยะกุล
Sea (ประเทศไทย) จุดประกายเด็กหญิงสู่เส้นทาง STEM ผ่านโครงการ Women Made: Girl in STEM