และแล้วจินตนาการและทฤษฎีบนแผ่นกระดาษที่ฝันจะสร้างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้คิดวิเคราะห์ สื่อสารและโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติเดียวกับมนุษย์ ได้ออกมาโลดแล่นในโลกแห่งความเป็นจริง ภายหลังความสำเร็จในการพัฒนาโมเดลภาษาขชนาดใหญ่ LLM (Large Language Model) และสุดยอดเทคโนโลยีการประมวลผลอย่าง Super Computing
น้ำตาล-พัชรินทร์ อารีย์วงศ์ Principal AI Product & Partnership KBTG หนึ่งในคนไทยผู้มีใจรักด้านภาษาศาสตร์ซึ่งผันตัวเองเข้าสู่วงการเทคโนโลยี อดีตผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาระบบการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language UnderstandingProcessing: NLP) ซึ่งต่อยอดมาเป็น LLM ในปัจจุบัน รวมถึงแอปพลิเคชันภาษาไทยที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกอย่าง Google ก่อนกลับประเทศไทยตามเสียงเรียกร้องของหัวใจที่อยากอยู่ใกล้ครอบครัวและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศ
นักภาษาศาสตร์ในเทคคอมปานี Google
ความสนใจด้านภาษาที่เริ่มต้นจากความชื่นชอบเสียงเพลงและอยากเข้าใจความหมายของเพลง จึงตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ จึงศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เอกภาษาอังกฤษ โทภาษาญี่ปุ่น และระดับปริญญาโท คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอกการแปลและการล่าม ทำงานสายสื่อมวลชนโดยเป็นผู้เตรียมและอ่านข่าวภาษาอังกฤษให้กับ Radio Thailand News ราว 1 ปี รวมถึงทำงานในตำแหน่งรองผู้จัดการ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ FCCT อีก 1 ปี เสมือนเป็นใบเบิกทางสู่การทำงานในต่างประเทศ โดยใช้จุดแข็งด้านภาษาไทยและภาษาอังกฤษเข้าสู้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลในจังหวะที่ Google ต้องการคนไทยไปทำงานด้วยพอดี จึงได้เริ่มต้นทำงานกับ Google ตั้งแต่ปี 2550-2566 รวมเวลายาวนานกว่า 16 ปี
“เหตุผลที่อยู่นานเพราะ Google มีวัฒนธรรมองค์กรอย่างหนึ่ง เรียกว่า Internal Mobility ที่เปิดกว้างให้พนักงานภายในสามารถย้ายแผนก ย้ายทีมทำงาน หรือย้ายประเทศได้ โดยไม่ปิดกั้นว่า ต้องเรียนจบตรงสายงาน ขอเพียงสัมภาษณ์ผ่านเหมือนกับผู้สมัครจากภายนอกก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เลย”
การทำงานเริ่มต้นจากตำแหน่งงานบริการลูกค้า ประจำสำนักงาน Google ประเทศสิงคโปร์ ดูแลผลิตภัณฑ์ Google Adwords หรือ Google Ads ในปัจจุบัน หน้าที่หลัก คือ การขายโฆษณาบน Google Search ร่วมกับเพื่อนคนไทยอีก 1 คน แต่ในยุคนั้น online advertising เป็นเรื่องที่ใหม่มาก คนยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และทำไมธุรกิจของเราต้องมีเว็บไซต์ งานส่วนใหญ่จึงเป็นการทำโรดโชว์ตระเวณไปที่ต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ความรู้ เจรจาพูดคุยกับธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อให้ลองมาลงโฆษณากับ Google นอกจากนี้ ยังได้เป็นคนไทยคนแรกของทีม Google AdSense ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้กับเจ้าของเว็บไซต์ที่นำโฆษณาของ Google ไปวาง มีหน้าที่จัดตั้งทีมสำหรับประเทศไทยและนำผลิตภัณฑ์ตัวนี้เข้ามาให้คนไทยได้ใช้กัน
ผู้อยู่เบื้องหลัง Google ภาษาไทย
จังหวะเปลี่ยนงานเกิดขึ้นตอนที่มีคนติดต่อหานักภาษาศาสตร์ด้านภาษาไทยให้กับทีม Localization เพื่อปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ Google ทั้งหมดให้เป็นภาษาไทย จึงสบโอกาสได้ย้ายมาอยู่ทีมใหม่ที่ต้องรับผิดชอบด้านงานแปล การตรวจทานภาษา งานเทคนิคหลังบ้าน เช่น การปรับปรุงรูปลักษณ์และให้ความรู้สึกอยากใช้งาน (Look and Feel)
และอาจเพราะกลุ่มของเธอคือคนไทยกลุ่มแรก ๆ ที่ทำงานที่ Google จึงได้รับมอบหมายงานที่เกี่ยวข้องกับภาษาไทยหรือประเทศไทยอยู่เสมอ เช่น การปรับปรุงการใช้งานภาษาไทยและแสดงผลภาษาไทยอย่าง Google Search ให้ดีขึ้น แก้ปัญหาเรื่องตำแหน่งวรรณยุกต์ที่สลับกัน การตัดคำไม่ได้หรือทำให้เข้าใจผิด เช่น คำว่า ตา-กลม หรือ ตาก-ลม รวมไปถึงการแก้ไขสแปมเวลาใช้งานภาษาไทยให้น้อยลง การปรับปรุง Google Translate ให้แปลได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น ไปจนถึง การออกแบบ Google Doodle ให้กับประเทศไทย การควบคุมฟังก์ชันส่วนติดต่อกับผู้ใช้งาน (User Interface : UI) และการทดสอบฟังก์ชันภาษาไทยก่อนเปิดตัวออกสู่ตลาด ทำให้เข้าใกล้งานเชิงเทคนิคมากขึ้น
การทำงานในทีม Localization ยาวนานถึง 6 ปี แม้จะมีผลงานการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด 5-6 ผลิตภัณฑ์ และได้กลับบ้านที่เมืองไทยบ่อย แต่ยังอยากมองหาความท้าทายใหม่ ๆ จึงตัดสินใจย้ายสมัครไปทำงานที่ Google ประเทศญี่ปุ่น ในฐานะ Community Manager ที่มีหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้งานทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและทีมงานวิศวกรของ Google เพื่อดูแล แก้ปัญหา และแนะนำอัปเดตใจผลิตภัณฑ์สำคัญ ๆ เช่น Google Search, Google Maps, Chrome, Gmail และ Android
ในระหว่างที่อยู่ญี่ปุ่น ทีม Natural Langauge Understanding ของ Google Research กำลังมองหา Program Manager ที่มีแบกกราวด์ด้านภาษาศาสตร์ จึงได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมใหม่นี้ ก่อนจะถูกขอร้องให้ย้ายไปสำนักงานใหญ่ Google ที่แคลิฟอร์เนีย เนื่องจากที่นั่นเป็นเฮดควอเตอร์ การประชุมและคนที่ทำงานใกล้ชิดกันตลอดเวลาจะอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่”
คนไทยหนึ่งเดียวในทีม NLP
ในฐานะ Program Manager มีหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ทำโจทย์ที่ได้รับมอบหมายให้เกิดเป็นผลงานที่จับต้องได้ตามเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม รวมถึงเป็นคนไทยหนึ่งเดียวที่ได้ร่วมทีมพัฒนาระบบประมวลผลภาษาธรรมชาติ NLP ให้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น Google Assistant และ Gemini ซึ่งเป็นงานในความรับผิดชอบสุดท้ายก่อนลาออกจาก Google
“หัวใจสำคัญที่จะทำให้โมเดลภาษาทำงานได้ดี คือข้อมูลที่เราป้อนเข้าไปสอน และด้วยความเป็นนักภาษาศาสตร์ ทำให้เราใส่ใจในคุณภาพของข้อมูล เพื่อให้โมเดลออกมาดี”
การทำงานด้านการจัดการข้อมูล (Data Operation) และการประมวลผลข้อมูล (Data Processing) ให้กับโมเดลเอไอต่าง ๆ จึงเป็นงานที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ พัชรินทร์ กล่าวว่า เพราะข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของระบบเอไอมาตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่ยุค data-driven พัฒนามาเป็นแมชชีนเลิร์นนิ่ง จนถึงโมเดลภาษาขนาดใหญ่ LLM ส่วนการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพต้องต้องอาศัยกระบวนการคิดและออกแบบ ตั้งแต่การค้นหาข้อมูลที่ดี ความเข้าใจประเภทของข้อมูลเพื่อการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ตลอดไป การประเมินคุณภาพของข้อมูล การพัฒนาให้กระบวนการจัดการข้อมูลนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ หรือขยายสเกลการใช้งานได้กับทุกเทคโนโลยีทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์ทุกครั้งไป
“การจบอักษรศาสตร์ทำให้เราได้เปรียบตรงที่สามารถมองเห็นแพทเทิร์นของปัญหา และหาวิธีแก้ไขชุดข้อมูลที่มีปัญหา โดยอาศัยหลักด้านภาษาศาสตร์ในการจำแนกรูปแบบภาษา โครงสร้างประโยค และแยกแยะได้ว่า กลุ่มข้อมูลที่มีปัญหาและดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว”
จุดพลิกผันกลับไทย
กว่า 16 ปีที่ของการทำงานที่ Google นานพอที่ทำให้ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาปรับปรุงทุกผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้งานอยู่ในปัจจุบัน หากให้หยิบยกผลงานที่ภูมิใจที่สุด ก็คงจะเป็นงานที่ทำให้กับ Google Asssistant ที่รักมากเพราะทำงานใกล้ชิดมาตลอด 6 ปี
“Google Assistant” คือผู้ช่วยส่วนตัวที่จะอยู่กับคุณในหลาย ๆ ที่ เช่น โทรศัพท์ รถ บ้าน โทรทัศน์ เรียกใช้งานด้วยการสั่งว่า “OK Google” แล้วจะสามารถช่วยทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น การเปิด-ปิดไฟ การเปิด-ปิดเพลง จดโน้ต ตั้งนาฬิกาปลุก แจ้งเตือน และอื่น ๆ กว่า 40 ภาษาทั่วโลก
เมื่องานที่ถนัดและโปรดปรานที่สุด คือ งานด้าน NLP อีกทั้งกระแส LLM กำลังเติบโตขึ้น หากกลับมาประเทศไทยจึงอยากทำงานในวงการนี้ต่อไป แต่การทำงานในต่างประเทศมานาน ทำให้ไม่แน่ใจว่า จะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรไทยได้หรือไม่ เพราะไม่เคยทำงานในองค์กรไทยมาก่อน นอกจากนี้ บริบทการสื่อสารด้วยภาษาไทยค่อนข้างยากกว่าภาษาอังกฤษที่มีความตรงไปตรงมา ชัดเจน และเข้าใจง่ายกว่า โดยเฉพาะการอธิบายความเกี่ยวกับเทคโนโลยี
“เราค่อนข้างมั่นใจในความเป็น Generalist ของตัวเอง ขอเพียงให้มีเวลาได้เรียนรู้ จะสามารถพัฒนาทักษะและทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ การปรับตัวได้ดีกับทุกเรื่อง เชื่อว่าเราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี และมีความเป็นทีมเวิร์กสูง ยืนยันได้จากรางวัล Miss Googley 5 ปีซ้อน น่าจะสามารถผลักดันให้งานใด ๆ สำเร็จได้ ”
เสริมทีมเทคโนโลยี KBTG
การก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ KBTG มาจากการที่บริษัทนี้มี ex-googlers อยู่แล้วถึงสองคน ได้แก่ กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล และดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล ทำให้รู้สึกมั่นใจว่าน่าจะมีสไตล์การทำงานที่ใกล้เคียงกัน และได้รับการซัพพอร์ตอย่างดีในระหว่างที่ปรับตัวเข้ากับการทำงานในบริษัทใหม่
“ดีใจที่มีบริษัทไทยเห็นความสำคัญเรื่องเทคโนโลยี และหาที่ทางรองรับคนไทยที่ทำงานในต่างประเทศให้ได้กลับบ้าน ได้ทำงานสนุก ๆ มีโอกาสได้เรียนรู้และเติบโต”
พัชรินทร์กล่าวถึงงานในความรับผิดชอบว่า เป็นการร่วมวางกลยุทธ์โดยภาพรวมในการสร้างเทคโนโลยีพื้นฐาน (Fundamental Technology) เพื่อตอบโจทย์การทำงานธนาคารทั้งอุปสงค์และอุปทาน มิติด้านอุปสงค์ คือ ทำให้เทคโนโลยีพื้นฐาน เช่น เอไอสามารถต่อยอดไปเป็นยูสเคสต่าง ๆ ได้ตรงกับสิ่งที่ธนาคารต้องการ มีความเป็นไปได้หรือเป็นประโยชน์ที่จะพัฒนาต่อไปเป็นผลิตภัณฑ์บริการ หรือสมควรต้องทำสิ่งใดเพิ่มเติม สำหรับมิติด้านอุปทาน คือ การแก้ไขปรับปรุงงานหลังบ้าน การรักษาสมดุลระหว่างความคาดหวังในการนำมาใช้ในกิจการของธนาคารอย่างรวดเร็ว กับการบริหารจัดการเทคโนโลยีที่มารองรับให้เสถียรพอ
ขณะที่งานอีกด้านหนึ่ง คือ ทำให้งานของ KBTG Labs เติบโตต่อไปได้ ซึ่งหมายถึงวางกลยุทธ์ ทิศทาง และแผนดำเนินงาน การผลักดันโปรเจกต์ให้สำเร็จ รวมถึงความร่วมมือในการทำงานกับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ
“โดยส่วนตัวอยากนำประสบการณ์และสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในงาน และพร้อมให้คำแนะนำปรึกษาน้อง ๆ ในทีมได้ทุก ๆ เรื่อง โชคดีว่า วัฒนธรรมการทำงานในทีมวิจัยของ Google และ KBTG มีความคล้ายกันสูง ตรงที่ให้อิสระในการทำงานระดับหนึ่ง ให้โอกาสนักวิจัยได้คิดและเสนอไอเดียถึงผู้บริหารแบบ Bottom up การพูดคุยปรับเปลี่ยนกันได้อย่างตรงไปตรงมา”
THaLLE (ทะเล) LLM ไทยด้านการเงินจิ๋วแต่แจ๋ว
THaLLE เป็นสิ่งที่ KBTG Labs ให้ความสนใจอยู่แล้ว ส่วนตนเองเข้ามามีส่วนช่วยทำให้กระบวนการพัฒนาและการออกสู่ตลาดเร็วขึ้น เริ่มจากมองหาโมเดล LLM ด้านการเงินที่มีในท้องตลาดมาทดสอบ ทำให้ไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ จากนั้นเพิ่มเติมข้อมูลและภาษการเงินที่ควรรู้ลงไป โดยยึดแนวทางการพัฒนาโมเดลให้มีขนาดกะทัดรัด มีข้อมูลไม่เกิน 7 พันล้านพารามิเตอร์ ปรับปรุงเรื่องความรวดเร็วแม่นยำ เพิ่มความเข้าใจภาษาการเงินและศำศัพท์การเงินที่เป็นภาษาไทย ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนให้ดียิ่งกว่าเดิม
– เปิดตัว THaLLE by KBTG โมเดล LLM อัจฉริยะด้านการเงิน
THaLLE จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของโมเดล LLM ภาษาไทยด้านการเงินที่ใช้งานได้จริง โดยในอนาคตจะมีเวอร์ชันใหม่ ๆ ที่ดีขึ้นออกมาเหมือนกับ ChatGPT รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถด้านอื่น ๆ ในมุมของแอปพลิเคชันหรือการนำไปใช้ เช่น ความสามารถในการอ่านงบการเงิน เพราะงานที่ทำจะมีความหมาย เมื่อเกิดผลกระทบที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานธนาคาร ลูกค้าธนาคาร หรือผู้ใช้งานทั่วไป
หากโดยกลยุทธ์จะไม่มุ่งการพัฒนาเพื่อแข่งขันกับโมเดล LLM ขนาดใหญ่ เช่น OpenAI, Gemini หรือ ChatGPT-4 ซึ่งตัวล่าสุดที่มีข้อมูลถึง 1.8 ล้านล้านพารามิเตอร์ เพราะต้องลงทุนสูง อีกทั้งแนวโน้มในอนาคตเน้นการพัฒนาโมเดล LLM ที่มีขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพดี ไม่กินพลังการประมวลผลมาก และเจาะจงการนำไปใช้งานด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน อย่าง THaLLE ที่เน้นกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งธนาคารได้ใช้แน่นอน ทั้งยังตอบโจทย์ด้านการเงินยังที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทั่วไปอีกด้วย
จากใจคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่แบบเกาะขอบสนามจากซิลิคอนวัลเลย์ พัชรินทร์ กล่าวว่า การเกิดขึ้นของ Generative AI เป็นเรื่องมหัคจรรย์และเร็วกว่าที่คิดไว้มาก จากสิ่งที่เป็นเพียงทฤษฎีบนตำราเรียนเมื่อหลายสิบปีก่อนสู่การพัฒนา NLP เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของเอไอที่ทำงานตามเงื่อนไข (Rule-based) มาเป็นการทำงานโดยใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อน และภายในระยะเวลาไม่นาน สามารถพัฒนามาเป็น LLM ซึ่งสามารถเรียนรู้ข้อมูลปริมาณมหาศาลจนมีความสามารถมากมาย
LLM จึงเป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังมาก เพราะการที่มนุษย์สามารถปฏิสัมพันธ์กับเทคโนโลยีด้วยภาษาธรรมชาติของมนุษย์เอง ทำให้ความเป็นไปได้ไม่มีขอบเขต (Endless Possibility) เปิดกว้างให้ขับเคลื่อนและต่อยอดไปเป็นอะไรได้อีกมากมาย ซึ่ง ThaLLE เองยังต้องมีการพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นแอปพลิเคชันด้านต่าง ๆ ที่สร้างอิมแพ็คหรือตอบโจทย์ด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
“ดีใจที่ตัวเองได้มีโอกาสมาอยู่สายเทค จะด้วยโชคชะตาหรือความสามารถ หรืออะไรก็แล้วแต่ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นจุดกำเนิดของเอไอ และได้มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดไม่มากก็น้อย พวกเรากำลังอยู่ที่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุค มั่นใจว่าเอไอไม่ใช่ Hybe แค่ที่มาทำให้ตื่นเต้นระยะสั้นแล้วหายไป แต่มันจะมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ และจะอยู่กับเราทุกคนไปอีกยาวนาน”
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
“สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ” แม่ทัพ “SiS” – IT distributor ไทย ที่ครองแชมป์ได้ยาวนาน 30 ปี
‘แคทลียา ท้วมประถม’ แห่ง The Idea Essential เจ้าของไอเดียงานศพยุคออนไลน์ “อาลัยLink”
ถอดรหัส “ภควัฒก์ มณีแจ่มใส” ผู้บุกเบิก “KBTG เวียดนาม” ด้วยวัย 28 ปี