KBTG ชี้ทิศทางเทคโนโลยี AI กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเปลี่ยนผ่านจากยุค Generative AI ที่เน้นการสร้างสรรค์เนื้อหา ไปสู่ยุค “AI Agent” ที่สามารถรับคำสั่งและลงมือทำงานที่ซับซ้อนได้อัตโนมัติ ชี้บทบาท AI จะเปลี่ยนจาก “ผู้ช่วย” (Co-pilot) เป็น “เพื่อนร่วมงาน” (Co-worker) เต็มรูปแบบ พร้อมเตือนบุคลากรและองค์กรที่ไม่ปรับตัว อาจถูกแทนที่โดยผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director, KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP (KBTG) กล่าวว่า วิวัฒนาการของ AI เกิดขึ้นในอัตราเร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยระบุว่า AI Agent คือคลื่นลูกต่อไปที่ทรงพลังและจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานในทุกอุตสาหกรรม
จาก ‘สมอง’ สู่ ‘เพื่อนร่วมงาน’ วิวัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง
ดร.ทัดพงศ์ ได้ปูพื้นให้เห็นว่า AI ในอดีตเริ่มต้นจาก Decision AI ที่ใช้สถิติเพื่อช่วยตัดสินใจ พัฒนามาสู่ Perception AI ที่เปรียบเสมือนการมี “ตาและหู” ทำให้ AI ประมวลผลภาพและเสียงได้ และล่าสุดคือยุคของ Generative AI (GenAI) ที่ทำให้ AI “มีปาก” สามารถสื่อสารและสร้างสรรค์คอนเทนต์โต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“วิวัฒนาการกำลังเร็วขึ้นเรื่อยๆ จากที่ใช้เวลา 50 ปี กว่าจะเกิด Neural Network, ไม่ถึง 20 ปีสำหรับ GenAI และเพียง 1-2 ปีล่าสุดสำหรับยุคของ AI Agent” ดร. ทัดพงศ์กล่าว
“หาก GenAI คือ Co-pilot ที่คอยช่วยเหลือเราในงานเล็ก ๆ น้อย ๆ AI Agent ก็เปรียบเสมือน Co-worker หรือเพื่อนร่วมงานดิจิทัลที่เราสามารถมอบหมายงานที่ซับซ้อนให้ทำได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วเราค่อยมารับหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบ (Reviewer) ในตอนท้าย”
กรณีศึกษา: เมื่อ AI Agent เขียนโค้ดและขายบ้าน
ดร.ทัดพงศ์ ได้ยกตัวอย่างการใช้งาน GenAI ในวงการธนาคาร เช่น การนำมาช่วยตกแต่งรูปภาพทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จากเดิมที่ต้องใช้ทีมงานเข้าไปตกแต่งและถ่ายรูปใหม่ซึ่งใช้เวลาเป็นวัน ตอนนี้ GenAI สามารถสร้างภาพห้องที่ตกแต่งเสร็จในสไตล์ต่าง ๆ ได้ในเวลาไม่กี่นาที
และเมื่อก้าวสู่ยุค AI Agent ความสามารถก็ยิ่งสูงขึ้น โดย KBTG ได้พัฒนา Coding Agent สำหรับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่ง Agent นี้สามารถรับโจทย์ ทำความเข้าใจสถาปัตยกรรมและโค้ดเดิมของบริษัท เขียนโค้ดใหม่ ทำการทดสอบ และส่งมอบงานได้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาทำงานในบางขั้นตอนจากครึ่งวันเหลือเพียง 10 นาที
มองไปข้างหน้า: Physical AI และ AGI
สำหรับอนาคตอันใกล้ เทรนด์ต่อไปคือการที่ AI Agent จะไม่ได้อยู่แค่ในโลกดิจิทัล แต่จะหลอมรวมกับ Edge Computing และ Sensor Network เพื่อกลายเป็น Physical AI ที่สามารถทำงานในโลกกายภาพได้จริง เช่น การทำเกษตรกรรมอัจฉริยะ หรือควบคุมเครื่องจักรในการก่อสร้าง
ส่วนปลายทางสุดของวิวัฒนาการที่หลายคนพูดถึงคือ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งเป็น AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์โดยสมบูรณ์ ดร. ทัดพงศ์ อธิบายความแตกต่างว่า “AI Agent ปัจจุบันเก่งเฉพาะทาง แต่ AGI จะมีสามัญสำนึกและประยุกต์ความรู้ข้ามศาสตร์ได้ เช่น ถ้ามนุษย์ขี่จักรยานเป็น ก็จะพอขี่มอเตอร์ไซค์เป็นด้วย แต่ Agent ปัจจุบันที่ขี่จักรยานเป็น จะขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นเลย AGI คือการไปให้ถึงจุดนั้น ซึ่งยังเป็นเรื่องของอนาคต”
ผลกระทบและแนวทางการปรับตัว
ประเด็นสำคัญที่สุดคือผลกระทบต่อการจ้างงาน โดย ดร.ทัดพงศ์ย้ำว่า “AI ไม่ได้มาแทนที่คน แต่จะมาแทนที่ ‘งาน’ (Tasks)”ภายใน 5 ปี ทักษะของมนุษย์กว่า 50% อาจถูกแทนที่ได้ โดยเฉพาะงานที่ทำซ้ำๆ เช่น การตลาด หรือการเขียนโค้ด
ทางรอดคือการปรับตัว โดยบุคลากรต้องวิเคราะห์ว่าทักษะส่วนไหนที่ AI แทนที่ไม่ได้ (เช่น Soft Skills ความเห็นอกเห็นใจ) และพัฒนาจุดแข็งนั้นให้มากขึ้น ส่วนงานที่ AI ทำได้ดี ควรเรียนรู้ที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ตนเอง
สำหรับองค์กร ดร.ทัดพงศ์ได้เสนอแนวทาง 5 ขั้นตอนสู่การเป็น “AI-First Organization” ที่ KBTG ใช้เป็นพิมพ์เขียว ได้แก่:
- กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision): ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะใช้ AI เพื่ออะไร โดย KBTG ยึดหลัก “Human-First” คือใช้ AI เพื่อให้คนได้ประโยชน์สูงสุด
- วางกลยุทธ์ (Strategy): สำรวจว่า AI จะเข้ามาช่วยในส่วนไหนของธุรกิจได้บ้าง ตั้งแต่การตลาด บริการลูกค้า ไปจนถึงการดำเนินงานภายใน
- สร้างแพลตฟอร์ม (Platform): เลือกใช้หรือสร้างแพลตฟอร์ม AI ที่เหมาะสมกับองค์กร
- สร้างความร่วมมือ (Collaboration): ให้ฝ่ายต่างๆ เช่น Business, IT, Cyber Security ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
- วัดผลและติดตาม (Track Success): ตั้ง KPI หรือ OKR เพื่อวัดผลความสำเร็จของการนำ AI มาใช้อย่างสม่ำเสมอ
การมาถึงของยุค AI Agent ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง และผู้ที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ในโลกยุคใหม่ คือคนและองค์กรที่เปิดรับและปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีนี้ได้อย่างทันท่วงที
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘คนใช้ AI ไม่เป็นจะถูกแทนที่’ แนะธุรกิจใช้เป็น ‘สมองที่สอง’ เพิ่มประสิทธิภาพ
ธุรกิจไทยในสนามรบ AI: Demand คือหัวใจนำสู่ความสำเร็จ