คงไม่ปฏิเสธว่า ระบบขนส่งคมนาคมและยานยนต์เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน และสร้างผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ แม้มีความพยายามในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถโดยสารสาธารณะหรือรถขนส่งด้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับปริมาณรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในปัจจุบัน
แนวคิดการดัดแปลงรถยนต์แบบ ICE ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเป็นความพยายามหนึ่งในการตอบโจทย์กระแสรักษ์โลก ซึ่งสตาร์อัพอย่าง บริษัท ออลล์อีวี จำกัด (ALLEV) เลือกแนวทางนี้ในการเริ่มต้นธุรกิจ ด้วยการพัฒนานวัตกรรมชุดแบตเตอรี่ มอเตอร์ และกระบวนการดัดแปลงรถยนต์บรรทุกจากเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นไฟฟ้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาของผู้ประกอบการขนส่งในเรื่องการลดต้นทุนพลังงานจากการใช้เชื้อเพลิงที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป การรีไซเคิลเครื่องยนต์ดีเซลเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ รวมถึงช่วยธุรกิจขนส่งในการลดผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ
สั่งสมประสบการณ์ยานยนต์ไฟฟ้า
แสงกล้า เครือวัลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ของ ALLEV กล่าวว่า อันที่จริงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งหากมองย้อนกลับไปเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ภายหลังจบการศึกษาปริญญาตรีภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล กลุ่มวิชาชีพวิศวกรรมยานยนต์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้รับทุนไอเฟล (Eiffel Scholarship) ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ที่สถาบัน ENSAM ประเทศฝรั่งเศส เขาได้มีโอกาสทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์เปอโยต์ (Peugeot) ในโครงการพัฒนาระบบยานยนต์ไฮบริด ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าผสมกับพลังงานน้ำมัน
ในระหว่างการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่สถาบัน Ecole Centrale de Lille ก็ได้ร่วมงานในโครงการพัฒนารถจักรดีเซลไฟฟ้าของอัลสตอม (Alsthom) และการรถไฟของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการออกแบบระบบขับเคลื่อนรถไฟ อุปกรณ์มอเตอร์ อุปกรณ์ควบคุมการทำงาน (controller) ให้เกิดประสิทธิภาพ กินพลังงานน้อย นำไปผลิตได้ง่าย และมีราคาถูก หลังจากเรียนจบยังได้ทำงานด้านการออกแบบระบบควบคุมรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดในบริษัทที่ปรึกษาให้กับผู้ผลิตรถยนต์ราว 3 ปี
“เมื่อตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเพราะใจอยากเปิดธุรกิจ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอะไร พอรู้ว่าทางเนคเทค สวทช. มีงานวิจัยเกี่ยวกับมอเตอร์ จึงติดต่อไปเพราะต้องการงานวิจัยมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด บังเอิญว่าทางเนคเทคมีโครงการที่รับงานมาจากโรงงานผลิตมอเตอร์แห่งหนึ่ง ซึ่งต้องการบุคลากรที่มีความรู้แบบตนเอง จึงตกลงรับงานโครงการซึ่งจะจบภายในเวลา 1 ปี แต่สุดท้ายกลับได้อยู่ทำงานต่อเนื่องกับเนคเทคเป็นเวลา 5 ปี”
ระหว่างทำงานที่เนคเทคเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการผลิตมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ เกิดการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีมอเตอร์ครั้งใหญ่ จากการใช้มอเตอร์แบบเดิมมาเป็นมอเตอร์แม่เหล็กถาวรที่ประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ลูกค้าทางฝั่งยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เริ่มวางมาตรฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำให้โรงงานผลิตมอเตอร์ในประเทศไทยต้องปรับตัวให้ทัน
นอกจากนั้น ก็มีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์อีวีของเนคเทคบ้าง แต่เนื่องจากเวลานั้นรัฐบาลไทยยังไม่มีนโยบายสนับสนุนอย่างจริงจังทำให้โครงการไม่คืบหน้า ในที่สุดจึงตัดสินใจลาออกมาร่วมกับเพื่อนชาวเวียดนามที่เรียนปริญญาเอกด้วยกัน ตั้งบริษัท เรียล บีพีเอ็ม จำกัด (REAL BPM) รับทำงานวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มอเตอร์ไดรฟ์ อุปกรณ์ควบคุม หรือชิ้นส่วนเกี่ยวกับรถยนต์อีวี ที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้า และลูกค้าที่ทำรถยนต์อีวีดัดแปลง โดยมีงานบางชิ้นส่งไปทำงานร่วมกับเครือข่ายวิจัยพัฒนามอเตอร์และอีวีที่ฝรั่งเศส
สานฝันธุรกิจรีไซเคิลรถ ICE เป็น EV
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสร่วมงานกับ ดร.สุระ ลาภทวี อดีตอาจารย์สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ที่มีความรู้เรื่องระบบรถยนต์ต่างๆ เป็นอย่างดี และมีความเชี่ยวชาญเรื่องแบตเตอรี่เป็นพิเศษ ในการให้คำปรึกษาและออกแบบงานกับลูกค้ารายหนึ่ง จนต่อมาได้ตัดสินใจร่วมกันก่อตั้ง บริษัท ออลล์อีวี จำกัด หรือ ALLEV ที่จังหวัดสิงห์บุรี โดยมี “อนิรุทธิ์ เพ็งสุวรรณ” ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และเป็นเจ้าของเงินลงทุนแบบ Angel Investor ของบริษัท เนื่องจากมีแพสชันตรงกันในเรื่องรถไฟฟ้า และตั้งใจอยากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ซึ่งการผลิตและส่งเสริมการใช้รถยนต์อีวีเป็นโซลูชันหนึ่งที่ตอบโจทย์
“ผมได้รู้จักกับอาจารย์สุระ ตอนท่านทำงานที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หลังจากนั้นอาจารย์ลาออกและไปทำงานให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่บริษัทนี้ผมในฐานะซัพพลายเออร์ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับอาจารย์เป็นเวลาสั้นๆ ต่อมาทราบว่าอาจารย์ลาออกจากบริษัทนี้ หลายเดือนถัดมาเราได้มาปรึกษากันถึงแนวคิดจัดตั้งบริษัทออลล์อีวี และอยากให้ผมมาร่วมงานด้วย”
แสงกล้าบอกว่า ตอนนั้นพวกเขามองภาคการขนส่งเป็นภาคที่มีการบริโภคพลังงานเชื้อเพลิงค่อนข้างมาก และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการขนส่งต้องเผชิญในทุกๆ วัน นอกจากนี้ บริษัทขนส่งส่วนใหญ่มักมีรถเก่าพังจอดทิ้งไว้ในโกดัง บางคันก็กินน้ำมันมากจนไม่คุ้มใช้งาน บางคันอยากขายเป็นรถมือสองแต่ราคายังไม่ดีพอ จึงเกิดไอเดียธุรกิจนำรถขนส่งที่แทบจะกลายเป็นขยะมาผสมกับแนวคิดรถยนต์อีวีเพื่อชุบชีวิตรถเหล่านั้นให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
โมเดลธุรกิจของ ALLEV คือการเป็นผู้ให้บริการแบบ System Integrator แบ่งเป็น 3 หน่วยธุรกิจสำคัญ ได้แก่ หนึ่ง การดัดแปลงรถที่ใช้น้ำมันให้เป็นไฟฟ้า (conversion) โดยการถอดชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงออก อาทิ ตัวเครื่องยนต์ดีเซล ถังน้ำมัน ท่อไอเสีย แล้วนำชิ้นส่วนที่เป็นไฟฟ้า เช่น ชุดแบตเตอรี่ มอเตอร์ อุปกรณ์ควบคุม เครื่องบรรจุไฟ (charger) ติดตั้งแทน แล้วเขียนซอฟต์แวร์ควบคุมให้ทำงานร่วมกันอย่างปลอดภัย สอง การตกแต่งแบตเตอรี่อีวี (refurbished) ให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ สาม การนำแบตเตอรี่เก่า แบตเตอรี่หมดอายุซึ่งกักเก็บไฟไว้ได้เพียง 70-80 เปอร์เซ็นต์ มาใช้ซ้ำในแอปพลิเคชันอื่น (Second Life Application) เช่น นำไปเป็นแบตเตอรี่สำรองในโรงงาน หรือเป็นแบตเตอรี่จ่ายไฟให้กับตู้เย็นในรถขนส่ง โดยมีเป้าหมายให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว เกิดการใช้งานให้ได้มากที่สุด เป็นขยะหรือสร้างปัญหากับโลกให้น้อยที่สุด
สิ่งที่เป็นเทคโนโลยีหลักคือนวัตกรรมชุดแบตเตอรี่ที่เราออกแบบเอง โดยนำเข้าเซลล์แบตเตอรี่จากต่างประเทศ เช่น CATL หรือ EVE เนื่องจากไทยยังผลิตเองไม่ได้ เสริมด้วยการออกแบบระบบระบายความร้อน การออกแบบระบบความปลอดภัยของแบตเตอรี่ไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน UN ECE R100 ทั้งจากทางยุโรป หรือ มอก. ซึ่งอยู่ระหว่างรอการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐานอย่างเป็นทางการ
“การออกแบบแบตเตอรี่ได้เองมีข้อดีตรงที่สามารถเลือกแบตเตอรี่เซลล์ให้เหมาะกับชุดมอเตอร์ในการดึงและจ่ายกระแสไฟ ทำให้รถมีสมรรถนะการขับเคลื่อนที่ดี และชาร์จไฟได้อย่างปลอดภัย ส่วนการออกแบบระบบระบายความร้อนได้เอง ช่วยเรื่องการควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานของรถดัดแปลงแต่ละคัน ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ ปล่อยพลังงานไฟฟ้าได้ดี อัตราเร่งของรถไม่ลดลงจากปัญหาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ที่สูงขึ้น และป้องกันการระเบิดที่อาจเกิดขึ้นได้”
เป้าหมายตลาดรถกระบะและรถขนส่งขนาดใหญ่
แสงกล้ากล่าวว่า รถยนต์เก่าในประเทศไทยที่เป็นรถขนส่ง รถบรรทุก รถกระบะ (pickup) มีจำนวนประมาณ 7 ล้านคัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถกระบะ ขณะที่ยอดจำหน่ายรถกระบะทั้งแบบที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแบบเดิม และแบบอีวี หรือรถกระบะดัดแปลง ตัวเลขเฉลี่ยประมาณ 2 แสนคันต่อปี ซึ่งหากรถกระบะดัดแปลงสามารถได้ส่วนแบ่งตลาด 5-10 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก
ส่วนการคืนทุน (ROI) ของรถยนต์อีวีดัดแปลงมักไม่เกิน 2-3 ปี ดังนั้น รถเก่าที่มีอายุประมาณ 7-10 ปี จึงยังคุ้มทุนในการดัดแปลงเพื่อนำไปใช้งานต่อ ซึ่งปกติลูกค้าส่วนใหญ่จะเปลี่ยนรถเมื่อใช้งานได้ราว 6 ปี เพราะเครื่องยนต์จะกินน้ำมันมากขึ้นเมื่อใช้งานหนักเกิน 5 ปี
“ในเชิงเทคโนโลยีเราสามารถดัดแปลงรถเก่าได้ทุกคันยกเว้นรถเก่าเกินกว่าจะเอามาวิ่งได้เช่นตัวถังผุแชสซีผุหรือรถที่ใช้งานมานานเกินกว่า 15 ปีทั้งลูกค้าหลายรายยังบอกอีกว่าหากสามารถดัดแปลงรถคันเก่าซึ่งมีโครงสร้างตัวถังรถที่ดีกว่ามีสมรรถนะการขับขี่และการทรงตัวที่ดีกว่าให้เป็นรถยนต์อีวีได้น่าจะดีกว่าการซื้อรถอีวีใหม่บางแบรนด์ที่สมรรถนะการขับขี่ไม่ค่อยดียกเว้นว่าจะมีลูกค้ายอมจ่ายเงินซื้อรถกระบะอีวีจากบริษัทผู้ผลิตในราคาที่แพงกว่ารถกระบะที่ใช้น้ำมันเกือบสองเท่าตรงนี้จึงเป็นช่องว่างทางการตลาดในการทำธุรกิจของเรา”
ธุรกิจ ALLEV เน้นการดัดแปลงรถกระบะ รถบรรทุกสิบล้อ หรือรถหัวลาก โดยให้ความสำคัญสูงกับตำแหน่งติดตั้งแบตเตอรี่ที่ปลอดภัย โดยการติดตั้งไว้ใต้ท้องรถในตำแหน่งเดียวกับรถยนต์อีวีที่ผลิตในปัจจุบัน เนื่องจากโครงสร้างรอบตัวรถสามารถป้องกันการชนกระแทกจากด้านข้าง มีแชสซี (chassis) ป้องกันการชนกระแทกจากใต้ท้องรถ เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่พัง ไหม้ หรือระเบิด ยิ่งเป็นรถขนาดใหญ่ ยิ่งสามารถเลือกพื้นที่ติดตั้งได้มาก
สำหรับกลไกการทำงานของเครื่องยนต์สามารถปรับเปลี่ยนได้หมด ตั้งแต่การเปลี่ยนเบรคลมในรถขนาดใหญ่ซึ่งใช้น้ำมันมาเป็นการใช้ไฟฟ้า คอมเพรสเซอร์แอร์ในห้องโดยสารซึ่งใช้ไฟฟ้าแทน เป็นต้น
“เราเลือกที่จะไม่ดัดแปลงรถยนต์นั่ง 4 ประตูรุ่นเก่าที่ใช้น้ำมันเพราะปัญหาเรื่องพื้นที่ติดตั้งแบตเตอรี่น้อยทำให้ต้องเลือกติดตั้งที่กระโปรงหน้ารถหรือหลังรถหากมีการชนเกิดขึ้นถ้าไม่ระเบิดก็เกิดไฟไหม้ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเห็น”
นอกจากนี้ยังมีจุดอ่อนเมื่อเทียบกับรถบรรทุกที่ใช้น้ำมัน หรือรถที่ผลิตเป็นรถอีวีตั้งแต่ต้น คือ ข้อแรก สมดุลของน้ำหนักตัวรถเมื่อติดตั้งแบตเตอรี่ (weight balance) หากเป็นรถเล็กอาจมีน้ำหนักถ่วงไปด้านหน้าหรือหลังรถ ทำให้บังคับควบคุมรถได้ไม่ดีเหมือนเดิม ขณะที่รถกระบะหรือรถใหญ่สามารถทำน้ำหนักให้สมดุลจนบังคับควบคุมได้ระดับหนึ่ง
ข้อสอง ปัญหาน้ำหนักของแบตเตอรี่ที่ทำให้รถขนส่งขนาดใหญ่ เช่น รถสิบล้อหรือรถหัวลากไม่สามารถบรรทุกสินค้าด้วยน้ำหนักเท่าเดิมได้
ข้อสุดท้าย เป็นปัญหาพื้นฐานที่เกิดกับรถยนต์อีวีทั่วไป ได้แก่ เวลาในการชาร์จไฟฟ้าที่นานกว่าการเติมน้ำมัน ระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการด้านอื่นเข้ามาช่วย เช่น การปรับเส้นทางเดินรถ
“ALLEV พยายามดัดแปลงรถให้ดีที่สุดเท่าที่แพลตฟอร์มจะสามารถทำได้ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของรถลักษณะของตัวรถและขนาดพื้นที่ในการติดตั้งแบตเตอรี่แต่ในเรื่องของความปลอดภัยถือว่าเท่ากันเพราะได้ดำเนินการตรงตามมาตรฐานของทุกหน่วยงานหรือองค์กรที่มีรวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งานที่กำหนดโดยกรมการขนส่งทางบกโดยสามารถนำรถที่ดัดแปลงแล้วไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงการใช้เชื้อเพลิงได้”
เขาให้ข้อมูลเสริมว่า ธุรกิจการดัดแปลงรถขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศว่าเอื้อให้ทำหรือไม่ ซึ่งกฎหมายไทยอนุญาตให้ทำได้ ส่วนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมีทั้งที่บังคับให้ทำ และจะทำหรือไม่ก็ได้ ความปลอดภัยที่กฎหมายบังคับคือต้องมีวิศวกรไฟฟ้าและวิศวกรเครื่องกลในการตรวจสอบสภาพรถ ตรวจสอบการออกแบบว่ามีความปลอดภัยทางไฟฟ้า มีความปลอดภัยต่อคนหรือไม่ และลงชื่อรับรอง
“ส่วนที่ไม่บังคับให้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของวิศวกรผู้ตรวจสอบเองซึ่งดูเหมือนทางสวทช.จะมีการเสนอมาตรฐานการตรวจสอบแบบใหม่ให้ทางกรมการขนส่งทางบกไปพิจารณาเพิ่มเติม”
หนึ่งในโครงการ Greenhouse Accelerator ของ PEPSICO
แม้ธุรกิจของ ALLEV จะเปิดดำเนินการมากว่า 2 ปี แต่ยังถือเป็นสตาร์ตอัพในระยะเริ่มต้น (early stage) จึงเป็นหนึ่งในสองของสตาร์ตอัพไทยที่ได้รับเลือกให้เข้าโครงการ Greenhouse Accelerator ของ PEPSICO ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกันในเรื่องการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และการลดของเสียเหลือทิ้ง
“ไอเดียธุรกิจเดิมของผมก่อนเข้ามาร่วมโครงการนี้คือการพัฒนาชุดแบตเตอรี่ติดตั้งให้ลูกค้าที่มีรถเก่าและอยากเปลี่ยนเป็นรถยนต์อีวีโดยไม่ต้องซื้อใหม่หรือไม่ก็ทำธุรกิจแบบ subscription model คือเอารถเก่ามาดัดแปลงเป็นรถยนต์อีวีแล้วให้ลูกค้าเช่า”
เขาบอกว่า การได้พบกับผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ และทีมโลจิสติกส์ของ PEPSICO ทำให้ได้ลงลึกในโมเดลธุรกิจ การศึกษาต้นทุนธุรกิจ และการสำรวจตลาดอย่างจริงจัง ทำให้ทราบว่าการทำธุรกิจให้เช่ารถยนต์อีวี ควรหาพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์จะทำให้ธุรกิจไปได้ดีกว่าในช่วงเริ่มต้น อีกทั้งการมีสินทรัพย์ในบริษัทที่ไม่ได้มีเงินทุนมากนักอาจไม่เหมาะสม ส่วนการทำธุรกิจรถยนต์อีวีดัดแปลง ต้องเปรียบเทียบต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) และความคุ้มค่าทั้งกับรถยนต์เก่าที่ใช้น้ำมันและรถยนต์อีวีที่เป็นรถใหม่
ตัวอย่างเช่น รถยนต์ใน Fleet โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งาน 5-10 ปี เมื่อถึงรอบจะมีการพิจารณาจัดซื้อรถใหม่แล้วแต่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือรถยนต์อีวี ซึ่งต้องมีการเปรียบเทียบทั้งราคารถ ค่าเชื้อเพลิง ค่าประกัน และอื่นๆ รวมเรียกเป็นต้นทุน TCO โดยรถยนต์อีวีจะมีค่า TCO ที่ชนะรถที่ใช้น้ำมันอยู่แล้ว ขณะเดียวกันค่า TCO ของรถดัดแปลงถือว่าถูกกว่ารถอีวีใหม่ราว 20-30 เปอร์เซ็นต์ เทียบจากประสิทธิภาพในงานขนส่งปกติ ซึ่งวิ่งด้วยระยะทาง 300 กิโลเมตรต่อวัน เป็นระยะเวลา 5 ปี และด้วยแบตเตอรี่ที่มีอายุใช้งานประมาณ 5-6 ปี ซึ่งการพูดคุยกับกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นลูกค้า หรือกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ต่างเห็นว่าการลงทุนเริ่มต้นสำหรับรถยนต์อีวีใหม่ค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่า TCO ในภาพรวมจะถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็ตาม แต่เมื่อมีรถยนต์อีวีดัดแปลงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น
“การดัดแปลงรถเก่าให้เป็นรถยนต์อีวีอาจทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของราคารถอีวีใหม่โดยยังมีอายุการใช้งานที่เท่ากันเพราะใช้แบตเตอรี่ก้อนใหม่เหมือนกันแต่ประเด็นที่เป็นข้อกังวลคือความปลอดภัยและความคุ้มค่าระหว่างการนำรถเก่าไปขายเป็นรถมือสองกับการนำมาดัดแปลงที่อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆตามมาเช่นค่าซ่อมช่วงล่างของตัวรถให้กลับมาใช้งานสมบูรณ์เหมือนเดิม”
แผนธุรกิจและงานวิจัยพัฒนาในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัท ALLEV อยู่ในช่วงการพัฒนาต้นแบบรถกระบะอีวีดัดแปลง ซึ่งการเข้าโครงการ Greenhouse Accelerator นอกจากได้เงินสนับสนุนราว 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐจาก PEPSICO แล้ว ยังมีการเจรจาพูดคุยเพื่อขอให้ทางเครือข่ายของ PEPSICO ส่งผู้ใช้งานมาทดสอบประสิทธิภาพรถ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมถึงเกิดผลในเชิงการตลาดหากรถดัดแปลงที่บริษัทพัฒนาสามารถติดแบรนด์ PEPSICO
“PEPSICO มีโครงการนำร่องเกี่ยวกับรถยนต์อีวีเป็นระยะๆทั้งในสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคต่างๆหากเราทำต้นแบบได้สำเร็จในประเทศไทยด้วยเครือข่ายของ PEPSICO ที่ใหญ่และกว้างขวางจะทำให้ ALLEV มีโอกาสมากขึ้นในตลาดที่เวียดนามอินโดนีเซียออสเตรเลียหรือตลาดต่างประเทศในภูมิภาคนี้ได้อย่างแน่นอน”
สำหรับแผนการตลาดและธุรกิจได้มีการนำเสนอกับกลุ่มเป้าหมาย อาทิ บริษัทขนส่ง บริษัทธุรกิจทั่วไปที่มีรถกระบะ รถหกล้อ รถสิบล้อ ประมาณ 10-20 คัน ไว้ล่วงหน้าในระหว่างรอรถอีวีต้นแบบเสร็จสมบูรณ์ออกมาให้ทดสอบ ควบคู่ไปกับการทำแผนระดมทุนจากนักลงทุนที่เป็น Angel Investor เพิ่มเติม
“รถกระบะอีวีทั่วไปที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 40 KWh (กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง) วิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตรแต่ต้นแบบรถกระบะอีวีของเราถูกออกแบบให้ใช้แบตเตอรี่ขนาด 60 KWh วิ่งได้ 300 กิโลเมตรเหลือเพียงการเลือกว่าจะดัดแปลงรถกระบะจากค่ายโตโยต้าหรืออีซูซุซึ่งทั้ง 2 แบรนด์มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของรถกระบะทั้งหมดในประเทศไทย”
สำหรับไอเดียต่อยอดการตลาดเพิ่มเติม คือ การหาพันธมิตรร่วมธุรกิจที่เป็นอู่รถยนต์ โดยการพัฒนาและผลิตชุดดัดแปลงรถกระบะอีวีที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ มอเตอร์ อุปกรณ์ควบคุม ชาร์จเจอร์ ชุดสายไฟ เป็นต้น รวมถึงออกแบบขั้นตอนการทำงานติดตั้งให้แล้วเสร็จได้ใน 2 วัน เพื่อให้อู่รถยนต์นำชุดดัดแปลงของบริษัทไปใช้ ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าการทำเองทั้งหมด
ส่วนการทำตลาดด้านแบตเตอรี่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การพัฒนาขนาดของแบตเตอรี่ที่เป็นมาตรฐานกลางๆ สำหรับรถแต่ละประเภท โดยเป็นการนำเสนอแบตเตอรี่ขนาด 40 KWh และ 60 KWh ให้กับลูกค้า กับการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งานของลูกค้า โดยประเมินจากรูปแบบการใช้งาน เส้นทางที่ใช้งาน ระยะทางที่ใช้งานต่อวันต่อปี ตลอดจนการแสวงหาความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ผู้ผลิตรถยนต์ หรือเจ้าของธุรกิจ Fleet ที่มีรถยนต์อีวีใช้อยู่ เพื่อมาสนับสนุนธุรกิจการนำแบตเตอรี่เก่ามาใช้ซ้ำในงานอื่นๆ
สุดท้าย เป็นการจับมือกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ ในการนำพาลูกค้ามาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เพื่อสร้างดีมานด์ในตลาด และทำให้ธุรกิจเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากขึ้น
บทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘พัชรินทร์ อารีย์วงศ์’ นักภาษาศาสตร์เบื้องหลัง AI ภาษาไทย จาก Google สู่ THaLLE ที่ KBTG
“ดร.เอกอนงค์ จางบัว” เบื้องหลัง Food Innopolis และเส้นทางสู่ความสำเร็จ
“สมชัย สิทธิชัยศรีชาติ” แม่ทัพ “SiS” – IT distributor ไทย ที่ครองแชมป์ได้ยาวนาน 30 ปี