Share on
×

Share

SCGJWD เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจ ขยายตลาดห้องเย็นด้วยแนวคิดโลจิสติกส์สีเขียว

ในยุคที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่ตลอดเวลา โลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน ทั้งจากการใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการผลิตขยะ เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ต้องตระหนักในด้านของการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของการเกิดธุรกิจ ‘โลจิสติกส์สีเขียว’ (Green Logistics) แนวคิดใหม่ในด้านการขนส่งเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนต่อธุรกิจและสังคมจากการลดการปล่อยคาร์บอน ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง

SCGJWD ตระหนักถึงความสำคัญของ Green Logistics จึงได้ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลายด้าน เพื่อมุ่งสู่มุ่งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 พร้อมวางกลยุทธ์ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการกำหนดทำเลยุทธศาสตร์ใน 8 โลเคชัน โฟกัสตลาดศักยภาพสูงที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า S-Curve เช่น สินค้าอาหารสดและสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ

บรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม SCGJWD และ ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ SCGJWD จะเผยถึงวิธีการดำเนินธุรกิจไปพร้อม ๆ กับการลงทุนเพื่อพัฒนาสู่ความยั่งยืนในด้าน Green Logistics มากขึ้น

ขยายเครือข่ายคลังสินค้าห้องเย็นทั่วประเทศ

SCGJWD ลงทุนขยายคลังสินค้าห้องเย็นในไทยให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากพื้นที่ให้บริการสระบุรี สุวินทวงศ์ มหาชัย เทพารักษ์ บางนา-ตราด สู่การขยายพื้นที่การจัดเก็บเพิ่มขึ้นอีก 24% จาก 240,000 พาเลตให้ได้กว่า 300,000 พาเลต ในอีก 8 โซนพื้นที่สำคัญ ได้เเก่ เชียงใหม่ ขอนเเก่น สระบุรี, รังสิต, นวนคร, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต และสงขลา รองรับกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตสูงและต้องการการจัดเก็บในอุณหภูมิเฉพาะทาง เช่น อาหารสด ผักผลไม้ ซีฟู้ด และเวชภัณฑ์ เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ต้องการการควบคุมอุณหภูมิที่เข้มงวด แน่นอนว่าจะช่วยให้ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงทำการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งหลัก เพื่อทำให้สามารถกระจายสินค้าได้สะดวกมากขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการขนส่ง และประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น

ลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบจัดการคลังสินค้า

SCGJWD นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและจัดการคลังสินค้าห้องเย็น บรรณ ย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในเทคโนโลยี AI และระบบคลังสินค้าอัตโนมัติว่า เป็นส่วนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดต้นทุนให้กับลูกค้า ซึ่งทางบริษัทให้ความสำคัญกับระบบหลังบ้านที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก

หนึ่งในเป้าหมายหลักของ SCGJWD คือ การเปลี่ยนคลังสินค้าห้องเย็นให้เป็น Dark Warehouse หรือคลังที่ทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานคน มีการใช้ระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) และโดรนในการนับสินค้าภายในคลังเพื่อเพิ่มความแม่นยำ นอกจากนี้ ก็มีแผนการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า NGV ในการขนส่งสินค้าและพัฒนาไบโอดีเซลเพื่อลดการใช้พลังงานฟอสซิล ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าและน้ำมันกว่า 200 ล้านบาทต่อปี สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ที่ SCGJWD ตั้งเป้าไว้ว่า จะลดการปล่อยคาร์บอนโดยการใช้  Solar Rooftop ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสะอาด และขณะนี้บริษัทสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้แล้วกว่า 6,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 600,000 ต้น หรือการสร้างพื้นที่ป่ากว่า 2,000 ไร่

ขยายธุรกิจทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน

นอกเหนือจากการขยายธุรกิจในประเทศไทยแล้ว SCGJWD ยังตั้งเป้าที่จะขยายสู่ตลาดอาเซียน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ เช่น อาหาร ยา และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ในประเทศมาเลเซีย SCGJWD ได้เข้าถือหุ้นในบริษัท SWIFT ซึ่งเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ห้องเย็นในมาเลเซีย และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้ร่วมมือกันสร้างคลังสินค้าห้องเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Greenfield Cold Storage) ในพื้นที่อ่าวของมาเลเซีย นอกจากนี้ SCGJWD ยังเห็นโอกาสในการขยายตลาด Cold Chain ในมาเลเซียที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 13.9% ต่อปี ที่จะเน้นการรองรับกลุ่มสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิอย่างสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษในการจัดการและการควบคุมอุณหภูมิอย่างเคร่งครัดอีกด้วย

ส่วนในประเทศฟิลิปปินส์ก็มีแผนขยายธุรกิจไปยังเกาะต่าง ๆ ในฟิลิปปินส์ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของการขนส่งและจัดเก็บสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิในตลาดนี้ ทางฝั่งประเทศอินโดนีเซีย SCGJWD ได้ลงทุนในคลังสินค้าห้องเย็นในอินโดนีเซีย โดยมีความจุเริ่มต้นที่ 7,000 พาเลต และมีแนวโน้มของการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายประเทศเวียดนาม SCGJWD มีคลังสินค้าห้องเย็น 2 แห่งในเวียดนาม และมีแผนขยายการให้บริการต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ในภูมิภาคเพื่อให้บริการลูกค้าทั้งในกลุ่มอาหารและยาเป็นหลัก

นอกจากนี้ SCGJWD ยังได้พัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและยาที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ เช่น CUF, TU, ไทยยูเนี่ยน, เบทาโกร และ CPF รวมถึงยังให้บริการในกลุ่ม Healthcare และ Pharma โดยมีลูกค้าหลักอย่าง EMS, EPO และองค์การเภสัชกรรม ซึ่งต้องการการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำและการจัดการอย่างละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น

ขยายบริการแบบครบวงจร

SCGJWD เน้นการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (End-to-End) ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ครอบคลุมการขนส่งหลากหลายรูปแบบในภูมิภาคอาเซียนและจีนตอนใต้ บนพื้นที่ให้บริการกว่า 2.3 ล้านตารางเมตร พร้อมมีรถให้บริการมากกว่า 3,000 คัน รองรับลูกค้ามากกว่า 2,400 ราย ครอบคลุมทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ซึ่งในส่วนของ B2C ได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยและ Flash Express ในการขนส่งสินค้าห้องเย็นที่ควบคุมอุณหภูมิทั่วประเทศอีกด้วย

ส่วนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) SCGJWD มีบริการโลจิสติกส์ครบวงจร ครอบคลุมการขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ โดยมีทั้งท่าเรือขนส่ง คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแม่น้ำ และคลังสินค้า ซึ่งรองรับสินค้าได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่คลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าห้องเย็น คลังสินค้าอันตราย และคลังสินค้าทางการแพทย์ นอกจากนี้ยังมี Multi Transport ซึ่งเป็นการขนส่งหลายรูปแบบ เช่น รถบรรทุกและรางรถไฟ ซึ่งช่วยให้ SCGJWD สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น

ด้วยแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สำหรับสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว SCGJWD ได้วางงบลงทุนธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นรวมกว่า 1,000 ล้านบาท

โดยคาดว่าจะมี Projection growth ในปี 2029 อยู่ที่ประมาณ 12.87% จากเป้าหมายรายได้ปี 2025 อยู่ที่ 1,100 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้ SCGJWD มีความสามารถในการแข่งขันและเสริมความแข็งแกร่งในตลาด Cold Chain Logistics ได้แล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ในการให้บริการโลจิสติกส์ที่มีความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

กลุ่มสยามกลการทุ่ม 3.5 พันล้าน เปิดตัว “สยามปทุมวัน เฮ้าส์” อาคารสำนักงานสีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ

YouTube ครองอันดับ 1 แพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมในไทย 

×

Share

ผู้เขียน