ตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตไม่หยุด ข้อมูลคาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทย โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุอีก 3 ปีข้างหน้า (2569) มูลค่าจะพุ่งไปอยู่ที่ 66,748 ล้านบาท ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4%
อัตราเติบโตของไทยสูงกว่าตลาดโลกเล็กน้อย จากข้อมูลของ “ยูโรมอนิเตอร์” หน่วยงานเก็บข้อมูลสถิติระดับโลกคาดการณ์ตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วโลกในปีเดียวกัน จะมีมูลค่ารวม 217,615 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 7.2%
ขณะที่ผลสำรวจเดือนมกราคม 2566 ของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 1,000 คน ในจำนวนนี้ 49% ต้องการเลี้ยงสัตว์เป็นลูก (Pet Parent) ด้วยค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงเฉลี่ย 14,200 บาทต่อตัวต่อปี
สมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะ “ทาสแมว” คนหนึ่ง ผู้ทุ่มทุนกว่า 2 แสนบาทสร้างบ้านให้ลูกรัก แมว 9 ตัวอยู่อาศัย เพียบพร้อมทั้งระบบปรับอากาศ ของเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเหมียวน้อย เห็นโอกาสทางการตลาด ได้ส่งผู้บริหารไปศึกษาลู่ทางธุรกิจ ณ งาน Pet Fair ที่เซิ่นเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
เทรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์
ธนเสฏฐ์ โมระศิลปิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์ดีไวซ์และไลฟ์สไตล์ เล่าว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้รับเชิญไปดูงาน Pet Fair ที่เซิ่นเจิ้น ได้พบผู้ผลิตรายใหญ่หลายราย และเป็นโอกาสที่ดีมากที่เราได้พบเบอร์ 1 ผู้พัฒนา AI ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่อันดับ 1 ของจีน
จากงานนี้ได้เห็นเทรนด์ของต่างประเทศแล้ว สามารถนำมาประยุกต์ในไทยได้ ซึ่งบริษัทเริ่มทำตลาดทั้งหมด 5 แบรนด์ คือ Petoneer, Petwant, Pawbo, Meet, และ Petkit มีกำหนดนำเข้าและเปิดตัวสินค้าใหม่เดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันสินค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดคือ บ้านแมว และห้องน้ำแมว ตามคอนเซปต์สมัยใหม่ที่ว่า “แมวมีความสุข เรามีความสุข” คนเลี้ยงแมวไม่ต้องสัมผัสสิ่งปฏิกูล
นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีสินค้าที่จะนำเข้ามาทำตลาด เพราะมองเห็นโอกาสว่าจะเป็นเทรนด์ที่มาแรง คือ house grooming ที่สามารถอาบน้ำ ตัดขน อบขนแมวได้เลย แต่ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ธนเสฏฐ์ เล่าด้วยว่า สาเหตุที่คนจีนให้ความสนใจตลาด Smart Pet เพราะพฤติกรรมคนเปลี่ยนไป ปัจจุบันคนจีนให้ความสนใจเรื่อง อาหาร อากาศ น้ำดื่ม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและด้าน Emotional จากการที่คนรุ่นใหม่ทำงานหนักถึง 4-5 ทุ่ม เรื่อง Emotional จึงจำเป็น และจะเห็นว่าคนจีนมีสัตว์เลี้ยงมาก แต่ไม่มีสินค้าแนว Emotional Support มาตอบสนอง
“ซึ่งตอนนี้เรามีแผนในใจแล้วว่าจะมุ่งไปที่บริษัทผู้นำด้าน AI และสินค้าแนวไอทีเทคแฟชั่น เพราะสินค้า PET นอกจากเน้นด้าน Function แล้ว ยังต้องมีความเป็นแฟชั่นอีกด้วย”
ขยายสู่ตลาดนอกกลุ่มไอที
จากการแตกไลน์สินค้าใหม่นี้ CEO ผู้ทุ่มเทให้สัตว์เลี้ยงแสนรักบอกว่า มีแผนจะขยายตลาดเข้าไปยังเซกเมนต์ใหม่นอกเหนือกลุ่มไอที คือ ร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยงใหญ่ ๆ โดยอาจจะแยกกลุ่มรีเซลเลอร์ไป
ส่วนสินค้า gadget ถ้าร้านไอทีต้องการจะเข้ามาทำด้วย ต้องมองไปที่กลุ่มผู้ค้าปลีกรายใหญ่ (large format) หรือร้านค้าที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
“อนาคตข้างหน้า เราคาดว่าเซกเมนต์นี้จะสามารถไปผสานรวมกับฝั่ง Enterprise ได้ เช่นการจัดทำเป็นโซลูชัน One Click คือ การรวมทุกโซลูชันไปอยู่ที่แพลตฟอร์มเดียว นำแพลตฟอร์มทั้งหมดที่เราขายทำเป็นแอปของเราเองที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกตัวที่ซื้อจากเราได้ ให้เป็น Smart Home โดยผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อให้ตลาด Smart Home เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงระบบ Security กล้องวงจรปิด ไฟส่องสว่าง และอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง อนาคตจึงต้องมองหาเอาท์ซอร์สที่เป็นสตาร์ตอัพในบ้านเราเขียนโปรแกรมนี้ขึ้นมา”
ตลาดไอทีเติบโต10%
ส่วนการเติบโตของตลาดไอทีปี 2566 นั้น CEO ผู้คร่ำหวอดในวงการมั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ดี น่าจะโตประมาณ 10% หลังผ่านไตรมาส 1 ที่ดีเกินคาด ทำผลงานรวมได้ 100% แม้ Consumer achieve 80% แต่ Enterprise achieve เกิน 100% หลังทยอยส่งของค้างส่งจากปีที่แล้ว และมีโปรเจ็กต์ใหม่เกิดขึ้น ตลาด Corporate และราชการก็ยังมีงบใช้จ่าย
แม้ตลาด Consumer จะน่าเป็นห่วง แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นหลังเลือกตั้งเดือนพฤษภาคมผ่านไป โดยรายได้ Consumer มาจากโน้ตบุ๊ก พีซี พรินเตอร์ และโมบายล์ ประมาณ 38-40% ของทั้งบริษัท ที่เหลือเป็นฝั่ง Enterprise & Commercial ประมาณ 52%
ในปีที่ผ่านมา แม้มีหลายภาวะเกิดขึ้น เช่น สงครามยูเครน-รัสเซีย ความผันผวนของค่าเงิน แต่ตลาดไอทียังเรียกว่าดี ตั้งแต่ Q3 ถึงปัจจุบัน ภาพรวมตัวเลขยอดขายโน้ตบุ๊ก คอนซูเมอร์ ยังโตในระดับเลขหลักเดียว จากภาพรวมทั้งองค์กรเติบโตประมาณ 13% โดย Corporate & Enterprise เติบโตสูงสุด
ธเนศพันธ์ สุขุมธนา รองประธานบริหาร ขยายความธุรกิจ Commercial ว่า notebook ในกลุ่ม Commercial มีการประมูลจึงดันอัตราการเติบโตระดับเลขสองหลัก (double-digit)
จากภาพรวมของ IDC จะเห็นว่า โน้ตบุ๊ก คอร์ปอเรตทั้งปีติดลบ หลังการเติบโตมาจากยอด WFH ของคนทำงาน แต่ของบริษัทโตกว่าตลาดประมาณ 20% เนื่องจากได้โปรเจ็กต์
“การเติบโตของ commercial ยังต่อเนื่องมาถึงครึ่งแรกของปีนี้ และต้องรอดูครึ่งปีหลังว่ารัฐบาลใหม่จะมีการใช้จ่ายเท่าไร มากเท่าปีที่แล้วหรือไม่ จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ภาครัฐใช้เงินกับโปรเจ็กต์ค่อนข้างมาก ขนาดโปรเจ็กต์ระดับ 10-20 ล้านบาท ถึงเกือบ 100 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าธนาคารยังมีโครงการอีกมากตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ต่างอัปเกรด PC และ Notebook ยิ่งเมื่อทำโมบายแบงกิ้งมากขึ้น ก็ต้องตามมาด้วย security และการทำ virtualize
โดย CEO ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทุกบริษัทต้องลงทุนด้าน security ส่วนของวีเอสทีเองปีที่ผ่านมาก็ลงทุนไป 5-6 ล้านบาท และปีนี้ยังต้องคอยตรวจดูช่องโหว่กันตลอดว่ายังมีจุดใดที่ต้องป้องกันอีกหรือไม่ ซึ่งจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนอัปเกรดต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
ด้านปัญหาสินค้าไอทีขาดตลาดนั้น ธเนศ บอกว่า ส่วนของไฮเอนด์ไม่มีปัญหาแล้ว จะมีเฉพาะของเอนเตอร์ไพร์ซ อย่างเน็ตเวิร์กเซิร์ฟเวิร์ฟ ของซิสโก้ที่ความต้องการสูงมาก และการลงทุนคลาวด์ที่มีสูงจากสถานการณ์โควิด แต่คาดว่าหลัง Q2 ไปแล้วจะดีขึ้นมาก
เล็งส่งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าองค์กร
ส่วนธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สมศักดิ์ บอกว่า ยังทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ยอดขายประมาณเดือนละ 20 คัน แต่เห็นเทรนด์การเติบโต หากความท้าทายของตลาดอยู่ที่การต่อสู้กับพฤติกรรมของผู้ใช้ ที่ส่วนใหญ่คนขับมอเตอร์ไซค์จะชื่นชอบความแรงของรถ ต้องออกตัวเร็ว ซึ่งขัดกับลักษณะของรถไฟฟ้าอยู่บ้าง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนส่งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าองค์กร กลุ่ม Delivery โดยกำลังหาทีมงานวิ่งโปรเจ็กต์โดยเฉพาะ และแสวงหาความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการผ่อนชำระ
อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนบุคลากรยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาบริษัทมีตำแหน่งงานว่างอยู่ถึง 70 ตำแหน่ง เช่น เซลส์ มาร์เก็ตติ้ง พรีเซลส์ เทคนิเคิล โปรดักส์ ยังหาคนไม่ได้ ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 625 คน
เจาะมือถือราคาต่ำ100ดอลล์
ธนเสฏฐ์ ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์ดีไวซ์และไลฟ์สไตล์ ยังเล่าถึงธุรกิจสมาร์ทโฟนว่า บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนครบทุกเซกเมนต์ ทั้งสูง กลาง ล่าง ด้วยกลยุทธ์การทำงานใกล้ชิดเวนเดอร์ แบรนด์ที่ถือมีทั้ง fighting brand รวมถึงแบรนด์ที่ไป ๆ มา ๆ และแบรนด์ที่อยู่ตัวแล้ว
“เราปฏิบัติตามนโยบายของเวนเดอร์ และเรา speed market ค่อนข้างเร็ว และนี่คือข้อได้เปรียบของเรา ปีที่ผ่านมาตัวเลขมือถือของเราทรงตัว โตในระดับ digit เดียว โดย market size บ้านเราอยู่ที่เดือนละ 1,200,000 เครื่อง เราอยู่ในแชร์ของตลาดที่ประมาณ 12%”
ทั้งนี้ บริษัทเห็นเทรนด์ที่กำลังจะมา จากผู้นำตลาดไม่สนใจตลาด ultra low-cost มือถือราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ ต่างมุ่งไปตลาดระดับกลางและบน จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่แบรนด์ใหม่จากจีน 4 แบรนด์สนใจทำตลาดนี้ และบริษัทเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายทั้ง 4 แบรนด์ จึงเกิดปรากฏการณ์ที่บริษัทสามารถทำสถิติขายได้สูงสุดภายใน 2 สัปดาห์ (Break High Record Unit Sold) เมื่อเดือนที่แล้วนี้
ดิสตี้ไอทีเบอร์หนึ่ง
CEO สรุปตบท้ายว่า ถ้าเทียบกับดิสตี้รายอื่น บริษัทยังมีส่วนแบ่งตลาดมือถือในระดับที่เป็นรายเล็ก เน้นนโยบายการตีตลาดนอกเมืองเข้าในเมือง สัดส่วนรายได้ของมือถือคิดเป็นประมาณ 8% จากยอดรวมธุรกิจทั้งหมดที่ 34,000 ล้านบาท
“ถ้ารวมทางด้านไอทีอย่างเดียว ไม่รวมมือถือ คอมโพเนนท์ DIY วีเอสทีคือเบอร์หนึ่งในตลาดด้านไอที”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พลังชุมชนสร้างอาชีพ ส่งต่อโอกาสให้กลุ่มเปราะบาง: บ้านงานฝีมือผาหนาม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
Sizzler เดินเกมรุก ยกเครื่องใหม่ ปรับเมนู อัปเกรดสลัดบาร์ ขยายสาขา-ปรับโฉมร้าน