Share on
×

Share

เทคนิคการเอาตัวรอดในโลกยุคใหม่ พร้อมเผชิญหน้าความกลัว จาก Mission To The Moon

การทำงานในปัจจุบันแม้จะมีการใช้ทั้งทักษะ Hard Skill และเทคโนโลยี AI แต่ก็ยังไม่เพียงต่อการที่จะก้าวสู่เส้นทางที่ใช่และประสบความสำเร็จ ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราต้องเผชิญวิกฤติและสถานการณ์มากมาย ทั้งการใช้ชีวิตรวมถึงการทำงาน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้อยู่รอดได้คือ Soft Skills ในการควบคุมอารมณ์ พร้อมก้าวข้ามขอบเขตความกลัวของตัวเอง มาเจาะลึกเทคนิคที่สามารถเริ่มทำได้เองง่าย ๆ กับ รวิศ หาญอุตสาหะ CEO of Scichand & Mission To The Moon Media ที่ได้มาบรรยายในหัวข้อ From lost to found Building a life of meaning and joy ค้นพบเส้นทางที่ใช่ และพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง

รูปแบบการทำงานและการมาถึงของ AI

หลายคนตั้งคำถามการมาถึงของโลกยุคใหม่ โลกของ AI จะมีอะไรรออยู่ข้างหน้าบ้าง ในมุมของการทำงานต้องพยายามมองภาพกับความเป็นจริงว่าในโลกการทํางานจริง ก่อนที่จะมี AI หากดูจากภาพตรงส่วนของฐานของพีระมิดจะเห็นได้ว่า จํานวนเวลาที่ใช้ไปเยอะถูกใช้ไปกับงานที่มี value น้อย ในขณะที่ยอดของพีระมิดคือจํานวนเวลาที่มีน้อยแต่กลับถูกใช้ทํางานที่มี value มาก ซึ่งอาจจะดูแปลกแต่นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทั้งตัวของพนักงานและผู้บริหาร จากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการจัดการเวลา พบว่า 70% ของเวลาทํางานทั้งหมดของผู้บริหารอยู่ในห้องประชุม บวกไปกับวัฒนธรรมของของชาวตะวันออกที่ว่า เวลาเรามีเรื่องอะไรต้องเชิญคนมาให้หมด ผู้บริหารก็ต้องใช้เวลาจํานวนมากเพื่อทํางานที่มี value น้อย ในขณะที่เวลาที่มีอยู่น้อยนิดเหลือไว้ทํางานที่มี value มากอย่างการไป coaching team นี่คือโลกการทํางานปัจจุบัน

การมาถึงของ AI ทำให้เวลาที่ใช้ทำงาน value น้อยใช้เวลาน้อยลง เพราะมีเทคโนโลยีและโปรแกรมทุ่นเวลาต่าง ๆ เข้ามาช่วย ขณะเดียวกันงานที่ value เยอะเราจะมีเวลาเยอะขึ้น ซึ่งหัวหน้าทีมจะมีเวลาในการ coaching ให้ feedback งานอย่างละเอียด โลกการทํางานในยุคใหม่ไม่ใช่ว่าเราจะมีเวลาว่างขึ้น แต่ว่าเวลาของเราจะมีค่ามากขึ้น

ทักษะที่สำคัญต่อการทำงานในอนาคต

การพัฒนาทักษะในอนาคตเพื่อที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลงใหม่ จากพีระมิด Skill เราต้องวางแผนการพัฒนาทักษะอย่างเป็นระบบ ฐานที่สุด คือ Hard skills คือทุกอย่างที่วัดผลได้ Hard skills ไม่มีวันหมดอายุเพราะสามารถเปิดรับและเรียนรู้เพิ่มได้เสมอ สมมุติหากเรามีพื้นฐานเรื่องดีไซน์อยู่เราต้องเปิดรับเพิ่มให้ตามทันโลก การเรียนและเปิดรับมีหลายวิธีทั้งการไปเรียนออนไลน์ การเรียนโดยการนำ project ยาก ๆ ที่เราไม่เคยทำมาลองทําดูก็ถือเป็นการเรียน Hard skills ต้องหมั่นพัฒนาเสมอ

Soft skills มีความสําคัญมากในบรรดาของทักษะทั้งหมด Soft skills มี่ทั้งที่เกี่ยวกับตนเองและที่เกี่ยวกับผู้อื่น การทำงานในยุคก่อนเราจะเจอหัวหน้าที่เก่งแต่อารมณ์ไม่ดี บางทีประชุมอยู่หัวหน้าหงุดหงิดหยิบปากกามาขว้างใส่กําแพงเป็นพฤติกรรมที่ในสมัยนั้นเราคิดเป็นเรื่องปกติเพราะว่าเจอแบบนี้บ่อย หากมองตัดภาพมาในปัจจุบัน ถ้าลองมาทําแบบนั้นในวันนี้อาจจะถูกถ่ายวิดีโอลง TikTok จนเป็น Viral แน่นอน ดังนั้นหัวหน้ายุคนี้จะทำแบบนั้นไม่ได้ หัวหน้ายุคนี้จะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ที่ต้องบอกตัวเองว่าไม่ใช่เจ้าชีวิตคน แต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานเติบโต ซึ่งถือเป็น Soft skills ในด้านการควบคุมอารมณ์

การควบคุมอารมณ์หรือควบคุมสิ่งที่เราจะพูดออกไป เป็นทักษะในการมองเห็นอารมณ์ของตัวเอง หรือภาษาทางพุทธเรียกว่ามีสติอยู่กับปัจจุบัน เพราะโลกนี้จะโยนเหตุการณ์มาใส่เรามากมาย ในบางครั้งเหตุการณ์ที่เราเห็นเป็นสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ แต่ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์มักจะมีช่องว่างเล็ก ๆ ก่อนที่เราจะแสดงปฏิกริยาบางอย่างออกไป หากเราฝึกตัวเองให้สามารถมองเห็นว่าเหตุการณ์นี้กําลังจะเกิดอะไรขึ้น เราจะสามารถห้ามตัวเองให้ไม่พูดหรือไม่ทําอะไรที่ไม่ดีออกไปที่จะทำให้ตัวเองเสียใจ ซึ่งทักษะนี้สําคัญมาก ใครที่สามารถทําได้จะเป็นคนที่ประสบความสําเร็จในการเป็นผู้นําที่ดี มีสติเห็นอารมณ์ของตัวเอง มนุษย์เราควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราไม่ได้ เพราะโลกเรามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น Soft skills เป็นสิ่งที่สําคัญที่สุด ที่จะทำให้เราเอาตัวรอดได้ในโลกยุคใหม่

ฝึกก้าวผ่านความกลัวและเผชิญวิกฤติ Crisis Breaker

Crisis Breaker (Crisis Management) มนุษย์ตั้งแต่ในยุคดึกดําบรรพ์ต้องมีความกลัวอะไรบางอย่าง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ประสบกับอันตราย สมมุติว่ามันมีพุ่มไม้อยู่แล้วเห็นว่ามีเงาตะคุ่ม ๆ Crisis Breaker ก็จะบอกว่าอาจจะเป็นเสือเราควรจะวิ่งหนีก่อน ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะเป็นกวางก็ได้ แต่ถ้าเป็นเสือจริงเราอาจจะโดนกินไปแล้ว จึงทําให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งอันตราย Crisis Breaker ที่อยู่ในตัวเรารวมถึงวัฒนธรรมตะวันออก ทําให้เรามีความกลัวเกินเหตุ เวลาที่เรากลัวเกินเหตุเราก็จะไม่กล้าออกจากพื้นที่ปลอดภัยของเรา เพราะถูกตั้ง Crisis Breaker ต่ำกว่าขีดความกลัวที่ตัวเองเป็น การที่จะทําให้เรากล้ามากขึ้น ที่จะขยายขอบเขตของ Crisis Breaker ออกไปมีวิธีการเดียวก็คือเราต้องฝึกฝนตัวเอง

ผมไปเจอ Crisis Breaker อันหนึ่งตอนผมไปแช่น้ำแข็ง (ice bath) ทุกครั้งที่ไปผมไปทุกอาทิตย์เหมือนกันหมดเลย คือการไปยืนอยู่ข้างถังแล้วถามตัวเองมาทำไม หนาวมากมีความรู้สึกเหมือนกันบอกว่าทําไมเราถึงต้องทําแบบนี้ด้วย แต่พอเราผ่านเรื่องนี้ไปได้ ช่วยให้เราเห็นว่าสิ่งที่เรากลัวมันไม่ตาย พอมันไม่ตายแปลว่าคุณกำลังขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ หมายความว่าจริง ๆ แล้วศักยภาพของเราสูงกว่าที่เราคิดเยอะ ต้องระวังการวางกรอบความคิดของคุณที่จะเป็นตัวปืดกั้นคุณไว้ ทําอย่างไรก็ ได้ฝึกขยับ Crisis Breaker ออกไปทีละเล็กละน้อยทําได้ทุกวัน

ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างการอาบน้ำเย็นตอนเช้า เราจะมีความรู้สึกว่าทําไมเราต้องอาบน้ำเย็นด้วย เรากดไปข้างน้ำอุ่นก็ได้ แต่ขอให้เปิดใจเดินเข้าไปทําแบบนี้ Crisis Breaker คุณจะสูงขึ้นเรื่อยเรื่อย แล้วถามว่ามันมีประโยชน์อะไรกับชีวิตคุณ วันที่คุณต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ เปรียบเทียบกับการกระโดดข้ามหน้าผา วันนี้คุณต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ คุณจะมีพร้อมเพราะคุณฝึกใจ ฝึก Crisis Breaker ของคุณให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ววันนึงเมื่อคุณจะได้ใช้มันจะทรงพลัง คุณจะขอบคุณตัวเองมาก ๆ ขอบคุณที่เราฝึกอาบน้ำเย็นทุกวัน ขอบคุณที่เราฝึกอยู่กับความไม่สบายกายไม่สบายใจทุกวัน ให้ Crisis Breaker เราแข็งแรงขึ้นได้เรื่อย ๆ ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ดีประสบความสําเร็จ มีชีวิตที่มีความสุข จงอยู่กับความไม่สบายกายไม่สบายใจด้วยความสบายใจให้ได้ รวิศ กล่าว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

อวกาศมันกว้างใหญ่ เราไม่ควรไปคนเดียว การมีเพื่อนร่วมทางที่ดีจะทำให้เราไปถึงได้เร็วและไกลกว่า

ถอดแนวคิดเพจ Jones Salad และมนุษย์ต่างวัย ต้นแบบการสร้าง Creative Business

×

Share

ผู้เขียน