การทำงานแบบไฮบริดกำลังกลายเป็นมาตรฐานการทำงานสำหรับคนทำงานเพิ่มมากขึ้น พื้นที่ทำงานที่ประกอบด้วย co-working space สำนักงานส่วนตัว ห้องประชุม มุมเครื่องดื่ม และพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ (creative space) ที่มีความยืดหยุ่นปรับลด เพิ่มขนาดพื้นที่ได้ตามความต้องการใช้งาน และเข้าถึงได้สะดวกสบาย จึงได้รับความนิยม
ล่าสุด อินเตอร์เนชันแนล เวิร์คเพลซ กรุ๊ป (IWG) ผู้บริหารพื้นที่เช่าสำนักงานรายใหญ่ของโลก ภายใต้แบรนด์ Spaces, Regus และ HQ ได้ประกาศเปิดตัวพื้นที่ทำงานใหม่ทั่วประเทศ 12 แห่ง ครอบคลุมย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) พื้นที่เขตชานเมือง รวมทั้งเมืองรองทั่วประเทศ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งแก่แบรนด์ในประเทศไทยผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่เจ้าของอาคารบนทำเลศักยภาพตอบรับความต้องการพื้นที่ทำงานแบบไฮบริด
ลาร์ส วิททิก รองประธานอาวุโสภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเหนือ และ ฐิติวัฒน์ ธนพรนิธินันท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย (IWG) ร่วมกันให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน IWG มีพื้นที่ทำงานให้เช่าภายใต้แบรนด์ต่างๆ 41 สาขาทั่วประเทศ และภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็นมากกว่า 60 สาขา ซึ่งทุกพื้นที่จะมอบความยืดหยุ่น และการเข้าถึงที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ความต้องการของบริษัททุกขนาดในประเทศไทย ซึ่งลูกค้าผู้ใช้บริการมีอยู่ในทุกสาขาธุรกิจ จำนวนกว่า 3,000 บริษัท
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 มีกำหนดเปิดตัวพื้นที่ทำงาน 12 แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ประกอบด้วย 1. รีจัส กะตะธานี บิลดิง ภูเก็ต 2. รีจัส ศุภาลัย ไอคอน กรุงเทพฯ 3. รีจัส รสา วัน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ 4. รีจัส เจพาร์ค นิฮอน มูระ ชลบุรี 5. รีจัส ไบรท์ตัน แกรนด์ พัทยา 6. รีจัส สตาร์ ไอที เซ็นเตอร์ ระยอง
7. สเปซเซส สุทธิ บิลดิง กรุงเทพฯ 8. สเปซเซส วานิช เพลซ อารีย์ 9. สเปซเซส คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ 10. เอชคิว เอส.พี บิลดิง กรุงเทพฯ 11. เอชคิว เสริมมิตร ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ 12. เอชคิว โอเอสซี บิลดิง สมุทรปราการ
ให้บริการระบบสมาชิกใช้บริการได้ทั่วโลก
“IWG สามารถให้บริการได้อย่างยืดหยุ่น ตอบสนองความต้องการใช้พื้นที่ทำงานของแต่ละองค์กร ตั้งแต่ทำงานคนเดียว ขึ้นไปโดยไม่จำกัด ลูกค้าที่ต้องการการตกแต่งพิเศษสามารถคุยรายละเอียดเป็นกรณีได้ มีทั้งเข้าตกแต่งเอง หรือให้บริษัทตกแต่งให้”
ส่วนอัตราค่าบริการรายบุคคล เดือนละ 2,000 บาท สามารถเข้าใช้บริการของ IWG ทั่วโลกที่มีกว่า 4,000 แห่ง เป็นทางเลือกหนึ่งของการทำงานยุคปัจจุบันที่ไม่อยู่ประจำที่ และไม่ต้องใช้เวลาทำงานเฉพาะในร้านกาแฟ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บริการมักจะทำสัญญาเป็นรายปี ซึ่งมีส่วนลดให้ 10%
เปิดรับความร่วมมือจากเจ้าของอาคาร
ทั้งนี้ ในขณะที่อาคารสูงต่าง ๆ เกิดภาวะโอเวอร์ ซัพพลาย มีจำนวนอาคารเกิดขึ้นมาก แต่ขาดผู้เช่า หากเป็นผลดีต่อบริษัท เพราะการแข่งขันกันดึงลูกค้าเช่า ทำให้เจ้าของอาคารเก่าต้องการให้บริษัทเข้าไปช่วยแปรรูปตึก และเจ้าของอาคารใหม่ต้องการให้ช่วยเพิ่มมูลค่าแก่อาคาร ซึ่งบริษัทยังคงเปิดรับความร่วมมือกับเจ้าของอาคารทั่วประเทศ
“ความต้องการพื้นที่สำนักงานเป็นไปในรูปแบบไรต์ ไซซิ่ง ใช้พื้นที่ทำงานอย่างเหมาะสม พื้นที่ใช้งานน้อยลง หรือเมื่อกิจการเติบโตขึ้นต้องการขยายพื้นที่ก็สามารถทำได้ และพื้นที่เดิมทางบริษัทสามารถจัดหาผู้เช่าใหม่ได้ ทำให้ไม่สูญเสียทรัพยากร โดยเฉลี่ย 1 คนจะใช้พื้นที่ทำงาน 4-4.2 ตารางเมตร การลงทุนจะเริ่มคืนทุนเมื่อมีผู้เช่า 20-25% ของพื้นที่ขึ้นไป”
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจขยายพื้นที่บริการไปยังเมืองรองต่างๆ เพิ่มขึ้น จากพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ขยายไปตามแนวรถไฟฟ้า ยังจะขยับไปทางรังสิต อยุธยา สะพานตากสิน พระราม 2 เป็นต้น ซึ่งเมืองที่น่าขยายไป เช่น หาดใหญ่ ขอนแก่น นครราชสีมา
ครึ่งแรกปี 2567 เปิดใหม่ 465 แห่งทั่วโลก
การเติบโตของเครือข่าย IWG เป็นไปอย่างรวดเร็ว เฉพาะครึ่งแรกของปี 2567 ได้เซ็นสัญญาเปิดศูนย์ใหม่ 465 แห่งทั่วโลก โดยการเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานแบบไฮบริดกำลังเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพการเติบโตมหาศาล คาดว่ามีพนักงานกลุ่ม white-collar ทั่วโลกประมาณ 1.2 พันล้านคน และขนาดตลาดที่สามารถเข้าถึงได้มีมูลค่ากว่า 1.57 ล้านล้านปอนด์ (ประมาณ 68.46 ล้านล้านบาท)
การใช้พื้นที่สำนักงานแบบดั้งเดิมจะยังคงลดลง เนื่องจากธุรกิจต้องการพื้นที่ที่ไม่ใช่สำนักงานแบบเดิม และหันมาใช้พื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นแทน ปี 2567 IWG ต้อนรับพันธมิตรใหม่กว่า 800 พื้นที่ มีลูกค้ารวม 83% ของบริษัทใน Fortune 500
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
รพ.จุฬาภรณ์ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด รักษามะเร็ง’ แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
AIS ปี 67 กำไร 35,075 ล้าน เตรียมทุ่มงบกว่า 26,000 ล้าน ยกระดับขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
