“บลูบิค กรุ๊ป” บริษัท ที่ปรึกษาและให้บริการการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสัญชาติไทยที่มาแรง และเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าจับตามากที่สุดในขณะนี้ ด้วยความร้อนแรงของการเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่การเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายปี 2564 การตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ในชื่อ “ออร์บิท ดิจิทัล” (สัดส่วน 40:60) และการประกาศทิศทางมุ่งสู่เบอร์ต้นของบริษัทระดับภูมิภาค ล่าสุดประกาศซื้อกิจการพันธมิตรเพื่อต่อจิ๊กซอว์ศักยภาพการแข่งขันในสมรภูมิที่มีแต่ผู้เล่นต่างชาติระดับ TOP 3 อย่าง PricewaterhouseCoopers (PwC) และ Boston Consulting Group (BCG)
ทั้งการร่วมลงทุน (JV) และการซื้อกิจการ (M&A) คือ กลยุทธ์หลักของบลูบิคในการขยายศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งได้เตรียมงบประมาณในการดำเนินการขั้นต่ำไว้มากกว่า 100 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ หากเจอโอกาสทางธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่านี้ก็พร้อมเติมเงินเข้ามา
พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อให้บลูบิคสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกลุยทธ์หลักที่จะใช้เพื่อขยายธุรกิจคือต้องขยายศักยภาพการให้บริการ ซึ่งนอกจากการเติมกำลังคนเข้าบริษัท (ปัจจุบันมีมากกว่า 200 คน ส่วนใหญ่เป็นที่ปรึกษากลยุทธ์และทีมเทคโนโลยี) แล้วทางลัดที่จะโตแบบก้าวกระโดดคือ การร่วมมือกับพันธมิตรผ่าน 2 รูปแบบ คือ การ่วมลงทุน (JV) และการซื้อกิจการ (M&A)
“ธีมการทำ M&A คือ หาบริษัทขนาดเล็ก มีความโดดเด่นและเชี่ยวชาญเฉพาะในโดเมนที่มีศักยภาพ ที่สำคัญต้องมี synergy ร่วมกัน เมื่อมารวมกันแล้วต้องสามารถสเกลและเพิ่มคุณค่าได้” พชร กล่าว
เข้าซื้อ GMVPI 20 ลบ. ถือหุ้น 80%
ปี 2565 ตั้งเป้าที่จะซื้อกิจการ (M&A) 2 ราย โดยรายแรก คือ จีเอ็มวีพาย (GMVPI) ผู้เชี่ยวชาญระบบ SAP เบอร์ต้น ๆ ของไทยที่มีแต้มต่อที่องค์ความรู้ทั้งด้าน functional และ technical ของระบบ SAP ที่จะสร้างความโดดเด่นและแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น และยังเป็น developer partner ของ LINE ในไทยเพียงรายเดียวที่ต่อเชื่อมระบบ SAP เข้ากับแพลตฟอร์ม LINE Chat
“สำหรับ GMVPI เราเคยทำงานร่วมกันมาก่อนราว 3 ปี มีความเก่งเรื่อง SAP แบบโดดเด่น มีกลยุทธ์เหมือนบลูบิค คือ เน้นการสร้างคุณค่าที่แตกต่างให้ลูกค้า การ M&A ครั้งนี้เราจะขยายบริการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก และ oil & gas มากขึ้น” พชร กล่าว
ส่วนอีกรายจะเป็นพันธมิตรในสนาม HR ที่จะเข้ามาเสริมขีดความสามารถให้บริการแบบ “พรีเมียม เซอร์วิส” ของบลูบิคให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับกลางผ่านสินค้าและบริการที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเรื่องทรัพยากรบุคคล (talent) ขององค์กรระดับกลาง ซึ่งพันธมิตรรายนี้อยู่ระหว่างการเจรจาการทำ M&A
บริการของบลูบิค คือ การให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ตั้งแต่การวางยุทธศาสตร์ธุรกิจ การคิดกลยุทธ์ รวมถึงการลงมือทำ (การ implement เทคโนโลยี) พชร กล่าวว่า บลูบิคเป็นนักวิเคราะห์ เข้าไปช่วยลูกค้าวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ รวมถึงการทำงานร่วมกัน มีบอร์ด และทีมที่มีองค์ความรู้ที่หลากหลาย ที่จะเข้าไปช่วยธุรกิจได้ตั้งแต่เรื่องการทำกลยุทธ์จนถึงลงมือทำ
“การทรานส์ฟอร์มไม่ใช่แค่การ implement เทคโนโลยี แต่ต้องเริ่มตั้งแต่วิเคราะห์โจทย์ธุรกิจ และการวางกลยุทธ์” พชร กล่าว
อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จของบลูบิค มาจากจังหวะการเกิดและการก้าวเดินของบลูบิค กระแสการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสร้างโอกาสทางธุรกิจมหาศาลให้กับบลูบิค และด้วยความพร้อมของบลูบิคที่ทีมผู้ก่อตั้งที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทั้งด้านที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์และเทคโนโลยี รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ในการเดินเกมของบลูบิคที่เน้นให้บริการวางกลยุทธ์ควบคู่กับการลงมือทำ จึงเป็นจิ๊กซอว์ที่ลงตัวที่ทำให้บลูบิคเป็นบริษัทที่โดดเด่นและแตกต่างขึ้นมา
ปัจจุบัน ลูกค้าของบลูบิคเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในไทยในหลายอุตสาหกรรม (TOP 100 ในตลาดหลักทรัพย์) ได้แก่ น้ำมันและก๊าซ โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น รายได้ราว 80-85% มาจากตลาดในประเทศ ปีที่ผ่านมาบลูบิคชิมลางออกตลาดต่างประเทศด้วยโมเดลธุรกิจเดียวกัน ในปี 2564 ที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 50% มีรายได้ราว 400 ล้านบาท
แนวโน้มความต้องการของธุรกิจในการทรานส์ฟอร์ม คือ การเข้าใจและความสามารถในการตอบสนองเส้นทางของลูกค้า ความสามารถในการทำ Big Data ด้วย AI การเพิ่มขีดความสามารถในการทำระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ซึ่งบลูบิคและพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมทีมจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการทำเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่ต้นน้ำ คือการวางยุทธศาสตร์องค์กร การวางกลยุทธ์ และการลงมือทำ
“นอกจากความเชี่ยวชาญเรื่องการวางกลยุทธ์แล้ว เรายังมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่รอบรับการขยายการใช้งานในระดับสูง (high scaleability) และการทำกระบวนการอัตโนมัติในการพัฒนาเทคโนโลยี (Dev-Sec-Op)” พชร กล่าว
อย่างไรก็ดี บลูบิคยังคงมองหาโอกาสใหม่เสมอทั้งในมิติของโอกาสทางธุรกิจ ลูกค้า และคู่ค้า พชร กล่าวว่า บลูบิคจะต้องชนะในตลาดที่เป็นของบลูบิค และยอมรับได้หากจะแพ้บ้างในตลาดที่ไม่ใช่ของบลูบิค (หมายถึงโอกาสทางธุรกิจบางโอกาสที่เข้ามมาในจังหวะที่บลูบิคอาจจะยังไม่พร้อมรับ)
“เรามองทุกโอกาส แต่จะไม่คว้าทุกโอกาส เราจะคว้าโอกาสที่ดีและเหมาะสมกับเราที่สุด” พชร กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
NDID จับมือ Master Card ให้บริการ Digital ID ระหว่างประเทศครั้งแรกของโลก
