กรุงศรี ฟินโนเวต เดินหน้าวางรากฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยแนวคิด Scaling New Height Together เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น Global Venture Capital และสนับสนุนสตาร์ตอัพทั้งไทยและอาเซียนให้เติบโต โชว์ความสำเร็จปั้นสตาร์ตอัพไทยและอาเซียนในรอบนำเสนอผลงาน 12 ทีมสุดท้ายของ Finno Efra Accelerator Program ที่มีองค์กรและนักลงทุนชั้นนำเข้าร่วม Demo Day อย่างคับคั่ง
ปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ และ Head of Portfolio Growth บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในเครือกรุงศรี กล่าวว่า “กรุงศรี ฟินโนเวต มุ่งผลักดัน Startup Ecosystem ทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตในทุกช่วงอย่างแข็งแกร่ง ในปีนี้จะให้น้ำหนักการลงทุนในสตาร์ตอัพอาเซียนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับในส่วนของความร่วมมือ (Partnerships) จะได้เห็นความร่วมมือในต่างประเทศมากขึ้น จึงนับได้ว่าเป็นการขยายศักยภาพและความเชี่ยวชาญของกรุงศรี ฟินโนเวต ออกไปในระดับภูมิภาคอาเซียนให้มากขึ้น เพื่อปูทางสู่เป้าหมายสำคัญในการเป็น Venture Capital ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารกรุงศรี”
ทั้งนี้ ปี 2567 กรุงศรี ฟินโนเวต สร้างโอกาสทางธุรกิจแก่สตาร์ตอัพที่มีศักยภาพผ่านการสร้างสรรค์อีโคซิสเต็มที่เหมาะสมต่อการเติบโตและขยายโอกาสทางธุรกิจ ไม่เพียงแค่ในด้านฟินเทค แต่ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน ด้วยเห็นถึงพลวัตเศรษฐกิจที่การบูรณาการอย่างเหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทั้งในระดับธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม โดยปีที่ผ่านมากรุงศรี ฟินโนเวต ได้เปิดตัวโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพไทย
“Finno Efra Accelerator Program เป็นความร่วมมือระหว่างกรุงศรี ฟินโนเวต กับ อีฟราสตรัคเจอร์ เพื่อเสริมศักยภาพให้กับสตาร์ตอัพรุ่นใหม่ โดยได้เมนเทอร์และโค้ชผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งใน Batch 1 มีสตาร์ตอัพ 12 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก จากราว 200 สตาร์ตอัพที่สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยหลังจากที่ทั้ง 12 ทีมผ่านการเข้าเรียนกว่า 30 คลาสในช่วงสี่เดือน จึงได้จัดให้ทั้ง 12 ทีมได้มีโอกาสนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการ บริษัท นักลงทุน เปิดโอกาสให้เกิดการต่อยอดการลงทุน” ปาลิดา กล่าวเพิ่มเติม
ทีมที่ได้รับรางวัลจะโอกาสไปร่วมงานสัมมนาเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Viva Technology (ปารีส, ฝรั่งเศส) InnoVEX (ไทเป, ไต้หวัน) และ NextRise (โซล, เกาหลีใต้)
ปัจจุบัน กรุงศรี ฟินโนเวต มีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 4,039 ล้านบาท หรือราว 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนใน 25 สตาร์ตอัพ รวมถึง 4 ยูนิคอร์น ได้แก่ Grab, Flash Express, Klook และ Ascend Money และมีหลายสตาร์ตอัปที่อยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)
ในส่วนกองทุนฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ (Finnoventure Private Equity Trust I) ที่มีขนาดกองทุน 2,700 ล้านบาท และลงทุนในสตาร์ตอัพ Series A ขึ้นไปนั้น ลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 1,731 ล้านบาท โดยมีการลงทุนในสตาร์ตอัพทั้งหมด 15 ราย และในปี 2568 มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในสตาร์ตอัพ 6 ราย ขณะที่กองทุนฟินโนเวิร์ส และฟิวเจอร์ริสติก (Finnoverse & Futuristic Fund) มียอดการลงทุนไปแล้ว 475 ล้านบาท มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมราว 70 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าในปีนี้จะมีการลงทุนในกองทุนฟินโนอีฟรา ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ (FinnoEfra Private Equity Trust) ที่เน้นลงทุนในสตาร์ตอัปกลุ่ม Seed ถึง Pre-series A
“เราเห็นโอกาสในการสร้างอิโคซิสเต็มที่ช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งให้กับสตาร์ตอัพไทยและภูมิภาคอาเซียน กรุงศรี ฟินโนเวต จะได้ใช้ความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นหัวเรือหลักในการมอบโอกาสแก่สตาร์ตอัพที่มีศักยภาพได้เติบโตอย่างยั่งยืน” ปาลิดา กล่าวปิดท้าย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Silver Gen 2.0 โอกาสใหม่สู่ Blue Ocean
บ้านปู เน็กซ์ ผนึก โซลาร์บีเค ตั้งบริษัทร่วมทุน บุกตลาดโซลาร์เวียดนาม
