Share on
×

Share

Apple เปิดตัวดีไซน์ ‘Liquid Glass’ อัปเกรด Apple Intelligence

Apple เปิดเผยรายละเอียดการอัปเดตซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกแพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ iOS 26, iPadOS 26, macOS Tahoe 26, watchOS 26 และ tvOS 26 โดยการประกาศครั้งนี้ครอบคลุม 3 ส่วนหลัก คือ การยกเครื่องการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ทั้งหมดภายใต้แนวคิด “Liquid Glass” การขยายขีดความสามารถของระบบปัญญาประดิษฐ์ “Apple Intelligence” อย่างกว้างขวาง และการเปิดตัวชุดเครื่องมือและเทคโนโลยีชุดใหม่สำหรับนักพัฒนา

ดีไซน์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยวัสดุ ‘Liquid Glass’

หัวใจของการเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบคือการนำวัสดุใหม่ที่เรียกว่า Liquid Glass มาใช้ ซึ่งเป็นวัสดุโปร่งแสงที่สามารถสะท้อนและหักเหภาพของสิ่งรอบข้างได้แบบเรียลไทม์ และจะปรับเปลี่ยนไปตามการใช้งานเพื่อทำให้เนื้อหาของผู้ใช้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น

“นี่คือการอัปเดตซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน” Alan Dye รองประธานฝ่าย Human Interface Design ของ Apple กล่าว “Liquid Glass จะปรับเปลี่ยนไปตามคอนเทนต์หรือบริบทของคุณโดยผสมผสานคุณสมบัติทางออปติคัลของกระจกเข้ากับความลื่นไหลในแบบที่มีเพียง Apple เท่านั้นที่ทำได้”

ดีไซน์ใหม่นี้จะถูกนำไปใช้ทั่วทั้งระบบ ตั้งแต่องค์ประกอบขนาดเล็ก เช่น ปุ่ม สวิตช์ แถบเลื่อน ไปจนถึงองค์ประกอบขนาดใหญ่ เช่น รายการแถบ (Tab Bar) และแถบด้านข้าง (Sidebar) รวมถึงประสบการณ์ของระบบ เช่น หน้าจอล็อก หน้าจอโฮม การแจ้งเตือน และศูนย์ควบคุม

  • ใน iOS 26: เมื่อผู้ใช้เลื่อนหน้าจอ รายการแถบจะลดขนาดลง และจะขยายกลับมาเมื่อเลื่อนขึ้น
  • ใน iPadOS และ macOS: แถบด้านข้างจะหักเหภาพของคอนเทนต์ที่อยู่ด้านหลังเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รับรู้บริบท
  • หน้าจอล็อก: ตัวเลขบอกเวลาที่สร้างจาก Liquid Glass สามารถปรับตัวและซ้อนอยู่ด้านหลังตัวแบบในภาพพื้นหลังได้อย่างสวยงาม
  • macOS Tahoe 26: ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเดสก์ท็อปและ Dock ได้หลายรูปแบบ ทั้งโหมดสว่าง-มืด การย้อมสี หรือลุคโปร่งใส

สำหรับนักพัฒนา Apple ได้อัปเดตชุด API ใน SwiftUI, UIKit และ AppKit เพื่อให้การนำดีไซน์ใหม่นี้ไปใช้เป็นเรื่องง่าย และได้เปิดตัวแอป Icon Composer ใหม่หมดจดเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสร้างสรรค์ไอคอนที่สวยงามและสอดคล้องกับดีไซน์ใหม่นี้

การขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence

Apple ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่จำนวนมากให้กับ Apple Intelligence โดยเน้นการประมวลผลบนอุปกรณ์เพื่อความเป็นส่วนตัว และใช้ Private Cloud Compute สำหรับคำขอที่ซับซ้อนขึ้น

“เรายังดำเนินไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดด้วยการเปิดให้นักพัฒนาเข้าถึง Foundation Model ขนาดใหญ่บนอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อน Apple Intelligence” Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าว “เราคิดว่าสิ่งนี้จะสร้างกระแสการใช้งานระบบอัจฉริยะครั้งใหม่ในแอปที่ผู้ใช้ต้องพึ่งพาในชีวิตประจำวัน”

คุณสมบัติใหม่ที่สำคัญได้แก่:

  • Live Translation: รองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ในแอปข้อความ, FaceTime (พร้อมคำบรรยายสด) และแอปโทรศัพท์ ซึ่งทำงานทั้งหมดบนอุปกรณ์
  • ระบบอัจฉริยะด้านภาพ (Visual Intelligence): ผู้ใช้สามารถกดปุ่มเดียวกับที่ใช้ถ่ายภาพหน้าจอเพื่อวิเคราะห์สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอได้ เช่น ถามคำถามเกี่ยวกับวัตถุ, ค้นหาสินค้าที่คล้ายกันบน Google หรือ Etsy หรือตรวจจับข้อมูลกิจกรรมเพื่อเพิ่มลงในปฏิทินโดยอัตโนมัติ
  • Genmoji และ Image Playground: ผู้ใช้สามารถผสมอิโมจิเข้ากับคำอธิบายเพื่อสร้าง Genmoji ใหม่ๆ และ Image Playground เพิ่มสไตล์ภาพใหม่ เช่น ภาพสีน้ำมันหรือศิลปะเวกเตอร์ พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อกับ ChatGPT เพื่อสร้างภาพตามคำสั่ง โดยไม่มีการแชร์ข้อมูลใดๆ หากไม่ได้รับอนุญาต
  • Workout Buddy บน Apple Watch: ใช้ Apple Intelligence วิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกายแบบเรียลไทม์ (อัตราการเต้นของหัวใจ, ระยะทาง ฯลฯ) เพื่อสร้างเสียงพูดให้กำลังใจและคำแนะนำแบบไดนามิกผ่านหูฟังบลูทูธ โดยจะเริ่มให้บริการในกีฬาประเภทวิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน, HIIT และอื่นๆ
  • การผสานรวมที่ลึกซึ้งขึ้น:
    • เตือนความจำ: สามารถระบุและจัดหมวดหมู่การดำเนินการจากอีเมลหรือโน้ตได้อัตโนมัติ
    • Apple Wallet: สรุปรายละเอียดการติดตามคำสั่งซื้อจากอีเมล
    • ข้อความ: สร้างโพลและสร้างภาพพื้นหลังแชทด้วย Image Playground
    • Siri: มีความสามารถในการเข้าใจบริบทของคำขอก่อนหน้าและตามทันเมื่อผู้ใช้พูดตะกุกตะกัก
  • การรองรับภาษา: ในปลายปีนี้ Apple Intelligence จะรองรับภาษาเพิ่มเติมอีก 8 ภาษา ได้แก่ เดนมาร์ก, ดัตช์, นอร์เวย์, โปรตุเกส (โปรตุเกส), สวีเดน, ตุรกี, จีน (ตัวเต็ม) และเวียดนาม

เครื่องมือและเทคโนโลยีชุดใหม่สำหรับนักพัฒนา

“การเข้าถึงโมเดลรากฐานของ Apple Intelligence บนอุปกรณ์และคุณสมบัติด้านปัญญาประดิษฐ์ใหม่ ๆ ใน Xcode 26 จึงช่วยมอบประสิทธิภาพแก่นักพัฒนาในการสร้างสรรค์แอปที่ล้ำหน้าและใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น” Susan Prescott รองประธานฝ่าย Worldwide Developer Relations ของ Apple กล่าว

เครื่องมือใหม่ที่สำคัญประกอบด้วย:

  • Foundation Model Framework: เปิดให้นักพัฒนาเข้าถึงโมเดล AI บนอุปกรณ์ได้โดยตรงและใช้งานได้ฟรี เพื่อสร้างฟีเจอร์อัจฉริยะในแอปของตนเอง Paul Mayne จากแอป Day One กล่าวว่า “ตอนนี้เราสามารถผสานความชาญฉลาดของระบบเข้ากับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้อย่างกลมกลืน”
  • Xcode 26: มาพร้อมเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ API จากผู้ให้บริการรายอื่น หรือจะรันโมเดลบนเครื่อง Mac ก็ได้
  • App Intent: รองรับระบบปัญญาประดิษฐ์เชิงภาพ ทำให้แอปสามารถแสดงผลลัพธ์ในการค้นหาด้วยภาพของระบบได้โดยตรง Rafe Colburn, CTO ของ Etsy ระบุว่า “ความสามารถในการเข้าถึงผู้ซื้อโดยตรงบน iPhone ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงภาพจึงถือเป็นก้าวสำคัญ”
  • Swift 6.2: ปรับปรุงการทำงานร่วมกับภาษาอื่น เช่น C++, Java, JavaScript และรองรับ WebAssembly
  • เครื่องมือสำหรับเกม: Game Porting Toolkit 3 และ Metal 4 ได้รับการอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกขั้นสูง เช่น Ray Tracing และ Path Tracing นอกจากนี้ Game Overlay ใหม่ยังช่วยให้ผู้เล่นเข้าถึงฟีเจอร์ของ Game Center ได้โดยไม่ต้องออกจากเกม
  • เครื่องมือช่วยปกป้องเด็ก: Declared Age Range API ใหม่ ช่วยให้นักพัฒนาปรับเนื้อหาให้เหมาะกับช่วงวัยของผู้ใช้ โดยที่ผู้ปกครองเป็นผู้ควบคุมการแชร์ข้อมูล
  • App Store Connect: เพิ่มฉลากข้อมูลรายละเอียดการช่วยการเข้าถึงบนหน้าผลิตภัณฑ์ และให้นักพัฒนาสามารถดูรายงานปัญหาจาก TestFlight ได้โดยตรง

ความพร้อมใช้งาน

Apple Intelligence

คุณสมบัติ Apple Intelligence และการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ทั้งหมดพร้อมให้นักพัฒนาทดสอบแล้ววันนี้ผ่านทาง Apple Developer Program และจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปทดลองใช้ในรูปแบบ Public Beta ในเดือนหน้า ก่อนจะปล่อยเวอร์ชันสมบูรณ์อย่างเป็นทางการภายในปลายปีนี้บนอุปกรณ์ที่รองรับ ซึ่งรวมถึง iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max และอุปกรณ์ iPad และ Mac ที่มีชิป M1 หรือใหม่กว่า

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Apple เปิดตัว iOS 26 ชูโรง ‘Apple Intelligence’

รายงานเผย เด็กทั่วโลกอยากรู้เรื่อง AI เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปี 2025

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน