โครงการ Entertainment Complex ก็ยังเป็นนโยบายที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พยายามผลักดันให้สำเร็จ หลังจากล้มเหลวจากนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต โดยเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex ถูกบรรจุเป็นเรื่องแรกในสมัยประชุมสภาฯ ที่จะพิจารณาในเดือนก.ค. นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2570
–“CASINOMIC” เครื่องปั๊มเศรษฐกิจตัวใหม่ ?
จุลพันธ์ ยังบอกอีกว่า มีนักลงทุนระดับโลกเข้าพบและพูดคุยแล้ว 2 ราย คือ บริษัท วินน์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของ Wynn Resorts และบริษัท MGM Resorts แสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ทั้งยังประเมินว่าไทยมีศักยภาพที่จะขึ้นเป็น Entertainment Complex ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากลาสเวกัส ในสหรัฐ และมาเก๊า ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า
ถัดมาไม่กี่วันเหมือนนัดหมาย เมื่อมีการจัดเสวนาโต๊ะกลมว่าด้วยเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรของไทย มีทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย และผู้บริหารโดยตรงจากอุตสาหกรรม Entertainment Complex ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ มาร่วมพูดคุยและให้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การทำคาสิโนถูกกฎหมายภายภายใต้ศูนย์รวมความบันเทิงขนาดใหญ่บรรยากาศพูดถึงแต่ข้อดี แทบไม่มีข้อเสียเลย
ตอนนี้รัฐบาลคงจะมีแค่โครงการ Entertainment Complex เป็น ”เครื่องยนต์ตัวใหม่” ที่จะ พลิกเกมเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้ามากว่าทศวรรษ โดยจะใช้โมเดลสิงคโปร์เป็นต้นแบบ ประกอบด้วย 2 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกคือ จะเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนเข้าไปใช้บริการได้ อย่างโรงแรมหรูระดับ 5-6 ดาว ร้านอาหาร มิชชิลิน สตาร์, ไนต์คลับ, สนามกอล์ฟ ท่าจอดเรือเรือยอชต์ สวนน้ำและสวนสนุกขนาดใหญ่ ส่วนนี้ เอาไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตฮอลล์และสนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์สร้างแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนได้เปิดประสบการณ์ทางการเรียนรู้ใหม่ๆ รวมไปถึง ศูนย์การประชุม, ศูนย์การค้า และร้านค้าปลอดภาษี ลักชัวรีเอาต์เล็ตให้เวทีกับสินค้า OTOP อีกด้วย
อีกส่วนหนึ่งจะเป็น คาสิโน จะมีสัดส่วนไม่เกิน10%ของพื้นที่ทั้งหมด รัฐบาลหวังเอาไว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยถ้าเข้าไปเล่น รัฐจะเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุด 5,000 บาทต่อคนต่อ 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีการตรวจสอบรายได้และจำกัดวงเงินในการเล่น โครงการนี้ถูกสร้างบนเนื้อที่ 300 ไร่ สัมปทาน 30 ปีค่าใบอนุญาตสัมปทาน 5 พันล้านบาทต่อครั้งต่ออายุได้ครั้งละ 10 ปี พร้อมค่าธรรมเนียมรายปีอีก 1 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปี 2570
รัฐบาลดีดลูกคิดรางแก้วฝันหวานว่าโปรเจกต์นี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น รายจ่ายต่อหัวเพิ่มราว 22,300 บาท/คน/ทริป นักท่องเที่ยวเพิ่ม 5–20% ต่อปี โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซัน ที่จะเพิ่มถึง 13% นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้รัฐประมาณ 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี รายได้ภาษีจากกิจการอื่น ๆ 8,773-35,093 ล้านบาทต่อปี รายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนขั้นต่ำ 3,700 ล้านบาทต่อปี รายได้จากกิจการกาสิโน เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ภาษีการเล่นพนัน ขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี สามารถขับเคลื่อน GDP ได้ถึง 2% ต่อปี สร้างรายได้เกือบ 2 แสนล้านบาท และจ้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง ทั้งนี้ รายได้ส่วนหนึ่งจะจัดสรรไปสร้างองค์กรและโครงการเพื่อช่วยเหลือบำบัดผู้ติดการพนัน มีการให้คำปรึกษาและบริการฟื้นฟูผู้ติดการพนันอย่างเป็นระบบ เพื่อลดปัญหาสังคมที่เกิดจากการพนัน
แต่อุปสรรคใหญ่ที่รัฐบาลต้องเผชิญ คือแรงต้านจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วยมีจำนวนมากกว่าคนที่สนับสนุน เนื่องจากมีประเด็นของคาสิโนสอดไส้ใน แม้รัฐบาลจะย้ำว่าเป็น Entertainment Complex ก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ารายได้หลักน่าจะมาจากคาสิโน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสังคมตามมา อีกอย่างต้องยอมรับว่าระบบธรรมาภิบาลของไทยยังไม่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ที่เป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าโปร่งใสอันดับต้น ๆ ของโลกแต่เมื่อปี 2566 ยังมีการฟอกเงินมากถึง 8.1 หมื่นล้านบาท ส่วนไทยเราอันดับต่ำกว่าสิงคโปร์หลายอันดับเกือบจะท้ายแถว
ขณะที่ทุกวันนี้ไทยมีปัญหาทุนสีเทาตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน มีการฟอกเงิน บ่อนใต้ดิน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการค้ามนุษย์ และยาเสพติดที่ยังแก้ไม่ได้ คนก็เลยเกรงว่าหากมีคาสิโนใน Entertainment Complex ประเทศไทยจะกลายเป็น ”ฮับสีเทา” มากกว่า อีกทั้งมองว่าโครงการนี้รัฐกำลังเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนและนักการเมือง มากกว่าที่กระจายไปถึงชาวบ้านทั่วไปแต่ผลกระทบชาวบ้านรับไปเต็ม ๆ
ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการป้องกันต่าง ๆ อย่างรัดกุม เช่น คาสิโนจะต้องไม่มีความสัมพันธ์กับเครือข่ายผิดกฎหมายทั้งองค์กรและบุคคล แล้ว Entertainment Complex จะมีปัญหาตามา กระทบถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะข้ามาลงทุนในไทย กลายเป็นว่า ได้ไม่คุ้มเสีย อย่าลืมว่าการลงทุนแม้เป็นเครื่อยนต์เก่าที่ชำรุดแต่ก็ยังสำคัญและยั่งยืน
–เหรียญสองด้าน ‘กาสิโน’ ปั๊มเศรษฐกิจ
อันที่จริง เรามีเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้เช่นการเป็น ”ฮับสุขภาพ” ไม่ใช่แค่เพิ่มรายได้ แต่ยังช่วยให้ประชาชนในชาติแข็งแรง ลดภาระระบบสาธารณสุขในระยะยาว สร้างอาชีพใหม่มากกว่า 1 ล้านตำแหน่งใน 10 ปี นอกจากนี้ยังส่งออกบริการสุขภาพ เช่น นวดไทย สมุนไพรไทย เป็นต้น
หากรัฐบาลยังดันทุรังสร้าง Entertainment Complex ทั้งที่การบังคับใช้กฎหมายไม่แข็งแรง ไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบในสังคม มันจะกลายเป็นกับดักของสังคมไทยแทนที่จะเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
วิกฤติภาษีสหรัฐฯ 9 ก.ค. ชี้ชะตาส่งออก-เศรษฐกิจไทย
ปีนี้ซึมยาว… ปีหน้าประเทศไทยเสี่ยงทรุด