ในงานสัมมนา “Ecological Intelligence”: A Symposium on AI for Human-Nature Flourishing”, ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ และ ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร สองผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ ได้มาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์และเบื้องหลังแนวคิดสุดสร้างสรรค์ของโครงการ “Moodeng AI Challenge” ที่เปลี่ยน “หมูเด้ง” ฮิปโปแคระขวัญใจมหาชนให้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการแข่งขันระดับโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อปักหมุดประเทศไทยบนแผนที่ AI ในฐานะผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีเพื่อความเข้าใจในธรรมชาติ ท่ามกลางโจทย์ใหญ่ของวงการ AI ที่ไม่ใช่แค่การสร้างเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพ แต่คือการนำนวัตกรรมมาสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างมนุษย์และสรรพชีวิต
จุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา: Lisa Blackpink และ “หมูเด้ง”
จุดเริ่มต้นของโครงการนี้เกิดขึ้นจากบทสนทนาระหว่าง ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ ViaLink และ กรรมการผู้จัดการ ThailandFuture (สถาบันอนาคตไทยศึกษา) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ และ ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร, Co-Director, Advancing Humans with AI (AHA) และนักวิจัยจาก MIT Media Lab เมื่อเกิดคำถามสำคัญที่ว่า “ทำไมประเทศไทยจะปักหมุดบนแผนที่โลกในฐานะผู้สร้าง AI ไม่ได้?”
ดร.พัทน์ได้ให้ความเห็นว่า ซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดของไทยซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากลมีอยู่สองอย่างคือ Lisa Blackpink และ หมูเด้ง แนวคิดดังกล่าวจุดประกายให้ ดร.ณภัทร ติดต่อประสานงานกับสวนสัตว์ และนั่นคือจุดกำเนิดของโครงการ “Moodeng AI Challenge”
–MIT จับมือพันธมิตร เปิดตัวการแข่งขันระดับโลก Moodeng AI Challenge
“เป้าหมายของโครงการนี้ไม่ใช่แค่เรื่องหมูเด้ง แต่คือการใช้นวัตกรรมและ AI เพื่อนำเราทุกคนมาใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะในวันที่แอปพลิเคชัน AI จำนวนมากถูกใช้ไปเพื่อแต่งกลอนให้คุณ ทำไมเราไม่ลองใช้นวัตกรรม AI ในทางที่นำเราและธรรมชาติเข้ามาใกล้กันล่ะ” ดร.ณภัทร อธิบาย
วิสัยทัศน์ที่ไกลกว่า: AI เพื่อความรุ่งเรืองของโลก (Planetary Well-being)

สำหรับวิสัยทัศน์ที่ลึกซึ้งเบื้องหลังโครงการ ดร.พัทน์ได้ชี้ให้เห็นว่า “Moodeng AI Challenge” เป็นมากกว่าการแข่งขัน แต่มันคือการสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์-สัตว์-AI และเป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่ใหญ่กว่านั้นว่า “เราจะออกแบบ AI ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติได้อย่างไร”
ดร.พัทน์ ผู้หลงใหลในไดโนเสาร์และสัตว์โลก ได้เชื่อมโยงแนวคิดนี้เข้ากับปรัชญาไซบอร์ก (Cyborg) และแนวคิดของนักปรัชญาอย่าง Donna Haraway ที่เสนอให้เราก้าวข้ามมุมมองที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centric) ไปสู่การสร้างความสัมพันธ์แบบเครือญาติกับธรรมชาติในยุคใหม่
“เราจำเป็นต้องคิดให้ไกลกว่าแค่สติปัญญาของมนุษย์ และมองไปยังรูปแบบสติปัญญาอื่น ๆ ที่มีอยู่มากมายในโลกธรรมชาติ” ดร.พัทน์กล่าว พร้อมยกตัวอย่างคำพูดของพ่อที่สร้างแรงบันดาลใจว่า “ถ้าเราคุยกับวาฬได้ วาฬจะบอกเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับโลกให้เราฟัง”
AI ในภาคปฏิบัติ: จากการถอดรหัสเสียงวาฬสู่การดูแลช้าง
วิสัยทัศน์ดังกล่าวไม่ได้หยุดอยู่แค่แนวคิด แต่ถูกนำมาต่อยอดเป็นโครงการวิจัยที่เป็นรูปธรรมมากมาย เช่น
- การจำลองบทสนทนากับสัตว์ทะเล: ที่ MIT มีโครงการใช้ AI สร้างบทสนทนากับสัตว์ทะเล เช่น วาฬเบลูกา แมงกะพรุน หรือม้าน้ำ เพื่อให้มนุษย์รับรู้ถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและการใช้พลาสติก ผลการทดลองเบื้องต้นชี้ว่า ผู้ที่ได้พูดคุยกับ AI สัตว์ทะเล มีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- การถอดรหัสเสียงวาฬ: ด้วยความก้าวหน้าของ AI ทำให้การถอดรหัสและทำความเข้าใจการสื่อสารของวาฬมีความเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งอาจเปิดประตูสู่ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับมหาสมุทร
- –ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร ถอดรหัสอนาคต AI ที่ไม่ได้มาเพื่อแทนที่ แต่มาเพื่อส่งเสริม ‘ความเป็นมนุษย์’
- เทคโนโลยีเพื่อสวัสดิภาพสัตว์: มีการพัฒนาเทคโนโลยี AI และอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable devices) สำหรับสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลเข้าใจพฤติกรรมและดูแลสุขภาพจิตของพวกมันได้ดียิ่งขึ้น
โครงการ “Moodeng AI Challenge” จึงไม่ใช่แค่การแข่งขันที่สนุกสนานและน่ารัก แต่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของภาพอนาคตที่เทคโนโลยี AI จะไม่ได้ทำหน้าที่แค่รับใช้มนุษย์ แต่จะเป็นสะพานที่เชื่อมโยงเราเข้ากับธรรมชาติและสรรพชีวิตอื่น ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความผูกพัน และนำไปสู่ความรุ่งเรืองของโลกโดยรวมอย่างแท้จริง ดังที่ ดร.พัทน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราต้องทำให้หมูเด้งภูมิใจ”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ปรากฏการณ์ ‘หมูเด้ง’: จากไวรัลสะเทือนโลก สู่ความหวังของการอนุรักษ์ในยุคดิจิทัล
‘Likability’: ทักษะมนุษย์ที่ทรงพลังในยุค AI