Share on
×

Share

เปิดวิสัยทัศน์ ‘นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์’ ซีอีโอใหม่ ดัน GUNKUL ผู้นำพลังงานสะอาดระดับเอเชีย

นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ทายาทรุ่นที่ 2 ของ GUNKUL ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอด้วยวัยเพียง 41 ปี แต่เธอหวังจะสร้างตำนานที่ทำให้ GUNKUL อยู่ในใจของผู้คนในฐานะผู้นำด้านพลังงานสีเขียวอันดับต้น ๆ เธอคาดหวังว่าวันหนึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต เธอจะสามารถภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น

“ตำนานที่นุกต้องการจะสร้าง คือการทำให้ GUNKUL เป็นชื่อแรกที่ผู้คนนึกถึงเมื่อพูดถึงเรื่องพลังงาน เราต้องการให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่ในประเทศ แต่ในระดับสากล หากบริษัทระดับโลกอย่าง Microsoft เข้ามา (ลงทุนในไทย) เราก็หวังว่า GUNKUL จะเป็นพันธมิตรที่พวกเขาเลือก นี่คือภาพที่นุกอยากจะเห็น” นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ หรือ นุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL คนใหม่กล่าวกับ The Story Thailand ในวันที่เปิดออฟฟิศแห่งใหม่ย่านเพลินจิตเพื่อประกาศวิสัยทัศน์ใหม่พร้อมกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจ

GUNKUL แต่งตั้ง ‘นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์’ นั่ง CEO นำทีมยกระดับสู่ ‘พาร์ตเนอร์โซลูชันด้านพลังงานสีเขียวในเอเชีย’

เธอเล่าว่า การเปลี่ยนตำแหน่งจากประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจพลังงานและกลยุทธ์ การลงทุน มาเป็นซีอีโอ ทำให้เธอต้องมองเป้าหมายระยะยาวให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ต้องมั่นใจว่าทุกการเติบโตที่สร้างขึ้นนั้นเป็นไปได้จริง และต้องพิจารณาความเสี่ยงของบริษัทอย่างรอบด้าน นอกจากนี้เธอยังมองเห็นโอกาสในการบูรณาการการทำงานระหว่างแผนกต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร

นฤชล มีประสบการณ์ในการทำงานเชิงลึกในด้านธุรกิจพลังงานกับ GUNKUL มากกว่า 15 ปี และมีความสนใจส่วนตัวเป็นพิเศษด้านพลังงานสะอาด และพลังงานทดแทนที่ยั่งยืน

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมพลังงาน GUNKUL ผู้นำด้านพลังงานสีเขียวแบบครบวงจรใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย จึงประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ภายใต้การนำของซีอีโอใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ GUNKUL ก้าวสู่การเป็น “พาร์ตเนอร์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในด้านพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานแห่งภูมิภาคเอเชีย”

“บริบทของอุตสาหกรรมพลังงานกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พลังงานกลายเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จากเดิมที่ลูกค้าคนสำคัญของเราคือการไฟฟ้า แต่ปัจจุบันเราส่งมอบไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง นั่นหมายความว่าเราใกล้ชิดกับผู้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เราจึงต้องการปรับวิสัยทัศน์ให้สอดคล้องกับบทบาทใหม่และเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นของเรา ด้วยการเป็นพาร์ตเนอร์ที่ร่วมพัฒนาพลังงานสะอาดกับลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นฤชลกล่าว

เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์นี้ GUNKUL มุ่งมั่นที่จะแสวงหาพันธมิตรและนักลงทุนเพื่อร่วมพัฒนาพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยขยายระบบนิเวศของบริษัทและยกระดับบทบาทสู่การเป็นพาร์ตเนอร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับเอเชีย

naruechon-gunkul-ceo

ตลาดพลังงานสะอาดทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับล่าสุด จะพบว่าภาครัฐกำลังลดบทบาทของพลังงานฟอสซิลลง และตั้งเป้าให้แหล่งพลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนเป็น 51% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2580 ซึ่งต้องการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมอีกประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 1 ล้านล้านบาท

3 กลยุทธ์หลักสู่เป้าหมาย

แม้อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ การแข่งขันก็สูงขึ้นตามไปด้วยเพราะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจตามเป้าประสงค์  GUNKUL ได้กำหนด 3 กลยุทธ์หลักเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จคือ

  • Build Business Muscles: สร้างกล้ามเนื้อทางธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักและธุรกิจในอุตสาหกรรมใหม่ที่ GUNKUL สามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก และต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ที่ GUNKUL มีความได้เปรียบในการแข่งขัน
  • Trim Operational Fat: ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้คล่องตัว ลดขั้นตอนและต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแบบ 100% รวมถึงการศึกษาโอกาสในการใช้ AI เพื่อพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าและบำรุงรักษาอุปกรณ์ โดยตั้งเป้าลดเงินสดได้ 40 ล้านบาท
  • Create Stakeholder Impact: สร้างความยั่งยืนในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ

ในกรอบการลงทุน 3 ปี (2568-2570) บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มอีก 150 เมกะวัตต์ โดยเน้นการสร้างพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย

“เราสนใจตลาดในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยฟิลิปปินส์มีโอกาสที่จะเห็นการลงทุนในปีนี้มากที่สุด เนื่องจากเขาเปิดกว้างยอมรับนักลงทุนต่างชาติ ตลาดพลังงานสะอาดของฟิลิปปินส์ก็มีศักยภาพการเติบโตสูงถึง 80,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2040 หรือโตกว่าไทย 2.5 เท่า” นฤชลกล่าว

ปัจจุบันบริษัทฯ มีการลงทุนโรงไฟฟ้าที่เวียดนาม 160 เมกะวัตต์ มาเลเซีย 20 เมกะวัตต์ และญี่ปุ่น 65 เมกะวัตต์

เป้าหมาย 3 ธุรกิจหลัก

ปัจจุบัน GUNKUL มีโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวทั้งหมด 1,479 เมกะวัตต์ และมีถึง 832 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการรอรับรู้รายได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีมูลค่างานรอรับรู้รายได้ (backlog) กว่า 3,800 ล้านบาทอีกด้วย บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตใน 3 ธุรกิจหลักไว้ว่า  

  • ธุรกิจโรงไฟฟ้า: ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก บริษัทตั้งเป้าเพิ่มโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดในพอร์ตโฟลิโอทั้งในไทยและต่างประเทศทั้งหมดเป็น 2,000 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปี พร้อมทั้งเดินหน้าต่อยอดธุรกิจแบตเตอรี่ ทั้งในระดับเชิงพาณิชย์และระดับโครงข่าย และศึกษาโอกาสในการทำธุรกิจพลังงานสีเขียวใหม่ ๆ เช่น SMR, Green hydrogen
  • ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าและระบบอินฟราสตรัคเจอร์: ขยายบริการสู่ตลาดแรงดันสูง 115 kV – 500 kV ซึ่งมีความเฉพาะทางสูงทำให้ผู้เล่นในตลาดยังมีจำนวนไม่มากนัก และยังมองไปถึงการต่อยอดธุรกิจด้านสายส่งระบบสื่อสาร ซึ่งต่อยอดจากธุรกิจสายส่งพลังงานไฟฟ้า
  • ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า: เปิดตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้าในระดับแรงดันกลางจนถึงแรงดันสูงเพิ่มเติม

ธุรกิจใหม่: Green Data Center

นอกจากธุรกิจพลังงานหลัก GUNKUL ยังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ หรือ New S-curve ที่ไม่จำกัดแค่พลังงาน แต่ต้องเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในเทรนด์ความสนใจของประเทศ โดยมีพลังงานสะอาดเป็นหนึ่งในกุญแจขับเคลื่อนความสำเร็จที่สำคัญ โดยธุรกิจที่เล็งไว้คือ ศูนย์ข้อมูลสีเขียว หรือ Green Data Center และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งต่างเป็นพื้นที่ทางธุรกิจใหม่ และได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ

“เราเชื่อว่า GUNKUL มีศักยภาพในการสนับสนุน Green Data Center ด้วยระบบไฟฟ้าและสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการร่วมลงทุนหรือ Co-Investment ในส่วนที่เป็น Green Initiative กับพันธมิตรเพื่อสร้าง Green S-curve ใหม่ ๆ” นฤชลกล่าว

กันกุล เอนจิเนียริ่ง เดินหน้าหา S-Curve ใหม่ ในธุรกิจพลังงาน

บริษัทฯ ยังมีแผนจะเปิดตัวธุรกิจ โซลาร์แบตเตอรี เพื่อต่อยอดรายได้ในส่วนของธุรกิจพลังงาน ข้อมูลจากบลูมเบิร์กระบุว่า ตลาดแบตเตอรีในไทยในปี 2023 มีน้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และคาดการณ์ว่าใน 7-8 ปี จะเติบโต 9 เท่า ซึ่งนฤชลชี้ว่า ตลาดแบตเตอรีกำลังเติบโตเป็น S-curve เหมือนพลังงานโซล่าร์สมัยก่อน 

ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 3.5 หมื่นล้านบาทใน 3 ปี

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% รายได้รวมใน 3 ปี เติบโตกว่า 35,000 ล้านบาท วางงบลงทุนไว้ที่ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะให้ความสำคัญไปในธุรกิจใหม่ เช่น โซลาร์แบตเตอรี และ Green Data Center

เมื่อธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการเติบโตขึ้นในอนาคต สัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้าจะปรับตัวจากเดิม 65% ขึ้นไปเป็น 70% ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจผลิต-จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ธุรกิจละ 15%

ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 24% เป็น 9,400 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจและศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ทรู ปรับโครงสร้างองค์กร ตั้ง “ซิกเว่ เบรกเก้” เป็น Group CEO ดูแลยุทธศาสตร์ภาพรวม

กัลฟ์ ชู 4 กลยุทธ์ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2593

×

Share

ผู้เขียน