เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในประเทศไทย และ “NETPIE” (เน็ตพาย) ก็เปรียบเสมือน “ฟันเฟือง” ชิ้นแรก ๆ ที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสครบรอบหนึ่งทศวรรษ ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค และ ดร.เอมอัชนา นิรันตสุขรัตน์ หัวหน้าทีมระบบไซเบอร์-กายภาพ (CPS) เนคเทค ได้ร่วมกันย้อนการเดินทางที่ผ่านมาและแชร์วิสัยทัศน์แห่งอนาคต ที่จะยกระดับศักยภาพของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยไปอีกขั้น
การเดินทาง 10 ปี: จากเมกเกอร์สู่โรงงานอุตสาหกรรม
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ กล่าวถึงภาพรวมว่า การใช้งาน IoT ในไทยช่วงแรกเริ่มต้นจากกลุ่มเล็ก ๆ อย่าง “เมกเกอร์” และนักพัฒนา ก่อนจะขยายสู่แวดวงการศึกษา แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีหลัง เมื่อภาคธุรกิจเริ่มเล็งเห็นถึงคุณค่าและนำ IoT ไปใช้งานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือในโรงเรือนเกษตรอัจฉริยะ
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา NETPIE ยืนหยัดให้บริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 60,000 ราย และมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่บนแพลตฟอร์มมากกว่า 100,000 อุปกรณ์ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการวางรากฐาน IoT ให้กับประเทศ
ก้าวกระโดดครั้งใหม่: เมื่อ AI ผสาน IoT (AIoT)
ดร.พนิตา ชี้ให้เห็นว่าโลกเทคโนโลยีกำลังมุ่งสู่ยุคใหม่ที่ IoT เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การมาถึงของ AIoT (Artificial Intelligence of Things) คือการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT เพื่อสร้างการตัดสินใจที่ชาญฉลาด หัวใจสำคัญของ AIoT ไม่ใช่เพียงการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่คือการสร้าง “ความยืดหยุ่น” (Flexibility) ให้กับธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวรับมือกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านภาษี เช่น ภาษีคาร์บอน ภัยธรรมชาติ หรือคู่แข่งในตลาดที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้านดร.เอมอัชนา กล่าวเสริมว่า เทคโนโลยีอย่าง Edge Computing จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้สามารถคำนวณและสั่งการได้ทันทีที่ตัวอุปกรณ์ปลายทาง ซึ่งถือเป็น “ก้าวกระโดด” ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการทำงาน และด้วยวิสัยทัศน์นี้ เนคเทค-สวทช. จึงได้พัฒนา Daysie แพลตฟอร์มที่จะเข้ามาตอบโจทย์แห่งอนาคตนี้
Daysie แพลตฟอร์ม AI ไร้โค้ด: ทำให้ AI เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
ดร.เอมอัชนา ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Daysie ว่า หัวใจสำคัญคือการออกแบบมาเพื่อ “ผู้ที่ไม่ได้เป็นโปรแกรมเมอร์” โดยเฉพาะ “เราเล็งเห็นว่าผู้ประกอบการในโรงงานหรือภาคธุรกิจต่าง ๆ คือผู้ที่รู้ ‘โจทย์’ และ ‘Pain Point’ ของตนเองดีที่สุด แต่กลับถูกจำกัดด้วยกำแพงของการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน”
Daysie จึงถูกสร้างขึ้นมาเป็นเครื่องมือ “AI ไร้โค้ด” (No-Code AI) ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างโมเดล AI ได้ด้วยตนเอง ทำให้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดอย่าง AI กลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และในวันนี้ แพลตฟอร์ม Daysie ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว
โมเดลสนับสนุนครบวงจร: ไม่ใช่แค่เครื่องมือแต่คือพี่เลี้ยงสู่ความสำเร็จ
ดร.เอมอัชนา อธิบายถึงกลไกการสนับสนุนผู้ประกอบการว่า เนคเทคมีเป้าหมายสนับสนุนโรงงานอุตสาหกรรมให้ได้ ปีละประมาณ 100 แห่ง ผ่านระบบที่ครบวงจร ประกอบด้วย การอบรมให้ความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ AI, IoT และ “ข้อมูลแบบไหนที่จำเป็น” การเป็นที่ปรึกษา (พี่เลี้ยง) ช่วยเหลือผู้ประกอบการในการพัฒนาโปรเจกต์จริงจาก Pain Point การสนับสนุนด้านการลงทุน ร่วมมือกับ ริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านเงินทุน และการสร้างบุคลากรแห่งอนาคต บรรจุหลักสูตรในสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่
“จากโมเดลนี้ พบว่าผู้ประกอบการมักจะเริ่มต้นจากโครงการเล็ก ๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุดก่อน เช่น การจัดการพลังงาน เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีจึงขยายผลไปยังส่วนอื่น ๆ และเกิดการบอกต่อ ปัจจุบันเราอบรมไปแล้ว 3 รุ่น มีโรงงานเข้าร่วมกว่า 60-70 แห่ง และมีเกือบ 10 แห่งที่กำลังทำโปรเจกต์ร่วมกับเรา” ดร.เอมอัชนา กล่าว
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
ดร.เอมอัชนา ย้ำว่า แม้ AIoT จะไม่จำกัดขนาดธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น S, M หรือ L แต่ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพและปริมาณของข้อมูลที่จะนำมาใช้ฝึกฝน AI “การมีข้อมูลเพียงปีละ 12 จุด ไม่สามารถสร้าง AI ที่ดีได้ นี่คือเหตุผลที่การให้ความรู้พื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก”
ในขณะที่ ดร.พนิตา เสริมในมุมมองเชิงกลยุทธ์ว่า “แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนใน IoT และ AIoT ถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ แต่สามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาลในด้านการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้”
ดร.พนิตา ได้ให้ข้อมูลถึงสถานะล่าสุดว่า “ในปัจจุบัน NETPIE ได้เติบโตและแยกตัวออกมาจัดตั้งเป็น บริษัทเน็กซ์พาย (netpie) จำกัดอย่างเป็นทางการแล้ว ในขณะที่ Daysie ยังคงเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้การบ่มเพาะของเนคเทค ซึ่งสะท้อนถึงเส้นทางการเติบโตจากงานวิจัยสู่ธุรกิจที่ชัดเจน”
การเดินทางตลอด 10 ปีของ NETPIE ได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับวงการ IoT ไทย และวันนี้ ด้วยการมาถึงของ Daysie เนคเทคกำลังนำพาผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ยุค AIoT อย่างมั่นคง เพื่อสร้างความยืดหยุ่น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพร้อมปรับตัวรับทุกความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ SCB X เผยยุทธศาสตร์ ‘Sovereign AI’ ทางรอดประเทศไทยในยุคดิจิทัล
พลิกโฉมธุรกิจด้วย Agentic AI : เจาะลึกเทคโนโลยี AI ทำงานเองจาก NVIDIA