Share on
×

Share

ไม่ใช่เรื่องอนาคต: ‘ควอนตัมคอมพิวเตอร์’ ขุมพลังใหม่ที่กำลังพลิกโฉมธุรกิจและ AI

ในขณะที่โลกกำลังตื่นตัวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลื่นการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังยิ่งกว่าได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้วในชื่อ “ควอนตัมคอมพิวเตอร์” เทคโนโลยีที่หลายคนอาจยังมองว่าเป็นเรื่องราวในนิยายวิทยาศาสตร์ หรือบทเรียนฟิสิกส์อันซับซ้อนที่ยังอยู่อีกไกล แต่ในเวทีเสวนาแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ภาพจำเหล่านั้นได้ถูกท้าทายและทลายลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับโลกได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ยุคของควอนตัมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว “เดี๋ยวนี้” ไม่ใช่ในอีก 10 ปีข้างหน้า และนี่คือคลื่นการปฏิวัติครั้งมหาศาลที่ทุกคนต้องเตรียมพร้อม

ประเด็นสำคัญเหล่านี้สรุปมาจากการเสวนา Quantum for All: Making the Next Tech Revolution Inclusive ในงาน Techsauce Global Summit 2025 ซึ่งดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.พฤฒิกาฬสุวรรณ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้บุกเบิกด้านการสื่อสารควอนตัมในไทย ร่วมด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญสองท่านคือ ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Quantum Technology Foundation (Thailand) [QTFT] สตาร์ตอัพควอนตัมแห่งแรกของไทย และ Daniela Herrmann ผู้ร่วมก่อตั้ง และหัวหน้า Global Leadership of Dynex & Mission Leader of Dynex Moonshots บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่กำลังผลักดันให้ควอนตัมกลายเป็นกระแสหลัก

มิติใหม่แห่งการคำนวณที่ไม่ได้วัดกันที่ความเร็ว

เพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดควอนตัมคอมพิวเตอร์จึงไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้น เราต้องมองลึกไปถึงหัวใจของการประมวลผล ที่ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานจาก “บิต” (Bit) สู่ “คิวบิต” (Qubit)

คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกปัจจุบันทำงานบนหลักการของบิต (Bit) ซึ่งเปรียบเสมือนสวิตช์ไฟที่มีสถานะที่แน่นอนและจับต้องได้เพียงสองอย่าง คือ ปิด (0) หรือ เปิด (1) ความแน่นอนและคาดเดาได้นี้คือรากฐานของโลกดิจิทัลทั้งหมดตลอด 50 ปีที่ผ่านมา

แต่ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ฉีกกฎเกณฑ์นี้ทิ้งไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการทำงานบนคิวบิต (Qubit) ซึ่งอาศัยคุณสมบัติอันน่าพิศวงจากโลกของฟิสิกส์ควอนตัม 2 ประการหลัก คือ

  1. การซ้อนทับ (Superposition) คือหัวใจที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ทรงพลัง แทนที่จะเป็นได้แค่ 0 หรือ 1 คิวบิตสามารถดำรงอยู่ในสถานะที่เป็นทั้ง 0 และ 1 ได้ในเวลาเดียวกัน มันจึงไม่ใช่แค่สวิตช์เปิด-ปิด แต่เป็นเหมือนปุ่มหมุนที่สามารถชี้ไปยังทุกองศาความเป็นไปได้พร้อมกัน พลังนี้จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ (Exponential) เมื่อจำนวนคิวบิตเพิ่มขึ้น ด้วยคิวบิตเพียง 300 ตัว เราสามารถประมวลผลสถานะได้มากกว่าจำนวนอะตอมทั้งหมดในเอกภพที่เรารู้จักเสียอีก นี่คือ “พื้นที่ทำงาน” ขนาดมหาศาลที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่มีวันสร้างขึ้นมาได้
  2. การพัวพัน (Entanglement): คือคุณสมบัติที่ไอน์สไตน์เคยขนานนามว่า “การกระทำอันน่าขนลุกจากระยะไกล” คิวบิต 2 ตัวสามารถถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยสายใยที่มองไม่เห็น มี “ชะตากรรมร่วมกัน” ไม่ว่ามันจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน เมื่อเราวัดค่าของคิวบิตหนึ่ง เราจะรู้ค่าของอีกคิวบิตหนึ่งได้ในทันที สายใยนี้ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและประมวลผล “ความสัมพันธ์” ที่ซับซ้อนระหว่างข้อมูลหลาย ๆ ส่วนพร้อมกันได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ด้วยเหตุนี้ ดร.จิรวัฒน์ จึงย้ำว่า ควอนตัมคอมพิวเตอร์ไม่ใช่รถยนต์ที่เร็วขึ้น แต่มันคือเครื่องบิน มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแทนที่คอมพิวเตอร์ของคุณในการทำงานเอกสารหรือเล่นโซเชียลมีเดีย แต่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานที่ “เป็นไปไม่ได้” สำหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป เช่นเดียวกับที่เราไม่ใช้เครื่องบินเดินทางไปร้านสะดวกซื้อ แต่ใช้มันเพื่อเดินทางข้ามทวีป ควอนตัมคอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องมือที่จะทำงานเคียงข้าง CPU และ GPU เพื่อแก้ปัญหาที่ท้าทายที่สุดของมนุษยชาติ

IBM ชี้ ‘ควอนตัม+AI’ กุญแจแก้ปัญหายากที่สุดของโลก

จุดเปลี่ยนสำคัญ: ไม่ใช่เรื่องของ 10 ปีข้างหน้าแต่คือ “เดี๋ยวนี้”

Daniela Herrmann กล่าวว่า ความเชื่อที่ว่าควอนตัมเป็นเรื่องของอนาคตอันไกลโพ้นนั้นไม่เป็นความจริงอีกต่อไป เพราะยุคควอนตัมได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในปัจจุบัน เธอเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กับการเปลี่ยนผ่านของโลกจากยุคม้าสู่ยุครถยนต์ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 10-15 ปี ไม่ใช่เพราะทุกคนเชื่อในเทคโนโลยีใหม่ แต่เพราะ Henry Ford สามารถผลิตรถยนต์ในราคาที่คนทั่วไป “เข้าถึงได้” และโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนและสถานีบริการน้ำมันก็ถูกสร้างขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ของควอนตัมในวันนี้ก็ไม่ต่างกัน การเข้าถึงพลังการคำนวณมหาศาลผ่านระบบคลาวด์กำลังจะทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นกระแสหลักเร็วกว่าที่คาด

คำกล่าวอ้างนี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับ เมื่อบริษัทของเธอได้เปิดตัวระบบจำลองควอนตัมขนาด 1 ล้านคิวบิต สู่ตลาดแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาและองค์กรต่าง ๆ สามารถเริ่มต้นสร้างทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และโซลูชันสำหรับปัญหาจริงได้แล้ว “ในวันนี้” โดยไม่ต้องรอฮาร์ดแวร์ที่สมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้ แผนการเปิดตัว AI ควอนตัม ที่ทรงพลังกว่า AI ในปัจจุบันและชิปควอนตัมของจริง ในช่วงปลายปี 2025 นี้ ถือเป็นการตอกย้ำว่าปืนสัญญาณได้ดังขึ้นแล้ว องค์กรที่ยังใช้กลยุทธ์ “รอดูไปก่อน” มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างถาวร

พลิกโฉมโลก: จากห้องทดลองยาสู่การพยากรณ์อากาศ

ศักยภาพของควอนตัมคอมพิวเตอร์จะแทรกซึมและปฏิวัติทุกอุตสาหกรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในโลกของการแพทย์และยา จากเดิมที่การพัฒนายาเหมือนการลองผิดลองถูกที่ใช้เวลานับสิบปีและงบประมาณมหาศาล ควอนตัมจะเข้ามาช่วยจำลองโมเลกุลที่ซับซ้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบบนคอมพิวเตอร์ ช่วยให้เราคิดค้นยาและวัคซีนใหม่ ๆ ที่ตรงเป้าหมายได้ในเวลาที่สั้นลงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งอาจหมายถึงการช่วยชีวิตผู้คนได้นับล้าน

สำหรับโลกการเงิน ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะช่วยสร้างแบบจำลองตลาดที่สมจริงยิ่งขึ้นโดยนำปัจจัยนับล้านเข้ามาคำนวณ เพื่อบริหารพอร์ตการลงทุนและคาดการณ์ความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ สร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจ

ในภาคอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จะสามารถค้นพบวัสดุใหม่ ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ออกแบบแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งวางแผนเส้นทางโลจิสติกส์ทั่วโลกเพื่อลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างสูงสุด

และที่น่าจะทรงพลังที่สุด คือตัวอย่างที่ Daniela Herrmann ยกขึ้นมา นั่นคือความสามารถในการ พยากรณ์เส้นทางของพายุเฮอริเคนล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ด้วยความแม่นยำระดับพิกัด GPS ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการรับมือภัยพิบัติและรักษาชีวิตผู้คนได้อย่างมหาศาล

Quantum for Everyone: ประชาธิปไตยทางเทคโนโลยีที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

หัวใจสำคัญของการเสวนาคือแนวคิด “Quantum for Everyone” หรือการทำให้เทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดนี้เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่บริษัทขนาดใหญ่หรือประเทศมหาอำนาจ

การเข้าถึงนี้จะไม่ได้มาในรูปแบบของควอนตัมคอมพิวเตอร์ในแล็ปท็อปส่วนตัว เนื่องจากข้อจำกัดทางกายภาพที่มหาศาล ทั้งการทำความเย็นให้ใกล้เคียงอุณหภูมิศูนย์สัมบูรณ์ (-273.15 °C) และการป้องกันการรบกวนจากสิ่งแวดล้อม แต่จะมาในรูปแบบของการเข้าถึงผ่าน ระบบคลาวด์ (Cloud)

ซึ่ง Daniela Herrmann เปรียบเทียบว่า “มันจะเหมือนกับการที่คุณใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือ คุณแค่ต้องการใช้งานมัน และไม่ได้สนใจว่าเบื้องหลังมันทำงานอย่างไร” ความซับซ้อนทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้เบื้องหลังอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เปิดโอกาสให้ทุกคนตั้งแต่สตาร์ตอัพ นักศึกษา ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ สามารถดึงพลังของควอนตัมไปใช้แก้ปัญหาของตนเองได้

ความท้าทายและมิติทางจริยธรรม: พลังที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

แน่นอนว่าเทคโนโลยีที่ทรงพลังย่อมมาพร้อมกับความท้าทาย ดร.จิรวัฒน์ ได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นเร่งด่วนที่เปรียบเสมือน “Y2Q” (Year 2 Quantum) นั่นคือ PQC (Post-Quantum Cryptography) เนื่องจากพลังของควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถถอดรหัสข้อมูลที่ใช้กันบนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันได้ทั้งหมด ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยของธุรกรรมธนาคาร การสื่อสารของภาครัฐ หรือแม้แต่ลายเซ็นดิจิทัลจะถูกทำลายลง สถาบัน NIST ของสหรัฐฯ ได้กำหนดเส้นตายว่า ภายในปี 2030 องค์กรดิจิทัลต้องเริ่มปรับตัว และจะถูกบังคับให้เปลี่ยน ภายในปี 2035 ซึ่งเป็นนาฬิกาที่กำลังนับถอยหลังสำหรับทุกองค์กร

Quantum Computing: พลังปฏิวัติอันยิ่งใหญ่หรือแค่คำโฆษณา?

ในขณะเดียวกัน Daniela Herrmann เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเทคโนโลยีนี้บนรากฐานทางจริยธรรมที่แข็งแกร่งตั้งแต่ต้น เพื่อให้แน่ใจว่าพลังนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพื่อสร้างความเหลื่อมล้ำหรือใช้ในทางที่ผิด

คลื่นแห่งการปฏิวัติควอนตัมได้ซัดมาถึงชายฝั่งแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของอนาคตอันไกลโพ้น แต่เป็นปัจจุบันที่กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่คือโอกาสมหาศาลที่จะแก้ปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายและความรับผิดชอบที่ต้องรับมืออย่างทันท่วงที นี่ไม่ใช่เวลาที่จะอยู่นิ่งเฉยในฐานะผู้ชม แต่เป็นเวลาที่นักวิทยาศาสตร์ นักศึกษา สตาร์ตอัพ องค์กร และภาครัฐ ต้องกระโดดเข้ามามีส่วนร่วม เรียนรู้ และร่วมกันกำหนดทิศทางของอนาคตที่เราไม่ได้เพียงแค่ก้าวเข้าไป แต่เป็นอนาคตที่เราสามารถร่วมกันสร้างขึ้น

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เบื้องหลังความสำเร็จ ‘สมฤดี ชัยมงคล’ อดีต CEO บ้านปูที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์

’10 ปี NETPIE’ เนคเทคเปิดตัว ‘Daysie’ แพลตฟอร์ม AIoT ไม่ต้องโค้ด

×

Share

ผู้เขียน