สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชูแนวคิด ‘ก้าวที่มั่นคง เพื่อชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจ’ ต่อเนื่องกับ 2 บทบาทหลัก คือ ‘Co-Creation Regulator’ และ ‘Promoter’ ซึ่งสอดคล้อง 4 โจทย์ใหญ่ในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA เผยแผนการดำเนินงานปี 2568 ว่า เป็นการชูแนวคิด‘ก้าวที่มั่นคง เพื่อชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจ’ ต่อเนื่องกับ 2 บทบาทหลัก คือการกำกับดูแล (Co-Creation Regulator) และการส่งเสริม (Promoter) ที่เน้นขยายการใช้งานเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมกับ 4 โจทย์ใหญ่ ที่ต้องไปต่อ คือ
1. ต่อยอด Digital Infrastructure and Ecosystem โดยเน้นงาน 4 กลุ่มสำคัญ คือ Document Management เสริมศักยภาพโครงสร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ Digital Platform Services เพิ่มการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล AI Governance & Data Sharing เสริมการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ Legal & Standard พัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย มาตรฐาน ที่เกี่ยวข้อง พร้อมมุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากผู้ให้บริการ (Service Provider) ผ่าน Innovation Sandbox
2. เร่งกลไก Digital Service and Governance โดยผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมสำหรับการการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล ผ่านกลไกทั้งมาตรฐาน แนวปฏิบัติ (Best Practices) เพื่อให้เกิด Ecosystem ที่จะช่วยลดความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการ ผนวกการวิเคราะห์ผลกระทบ เช่น Labor Platform และ e-Commerce Platform เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเหมาะสม และสนับสนุนการมี Community ที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเกิด Self-regulation ในอนาคต
ภายใต้กฎหมาย DPS (Digital Platform Services) เอ็ดด้าผลักดันให้มีแพลตฟอร์มฯ แจ้งข้อมูลยืนยันตัวตนแล้ว 1,813 แพลตฟอร์ม (ข้อมูล 10 ก.ย. 2567) มี Best Practices ที่จะนำไปสู่การ Self-Regulation ในระยะยาว ที่จะช่วยลด Online Fraud ผ่านกฎหมายลูก 9 ฉบับ เช่น การชดใช้หรือเยียวยาผู้ใช้บริการ, Cash on Delivery (COD), Advertisement Screening และคู่มือการดูแลการขายสินค้าที่ต้องมีมาตรฐาน
พร้อมผนวกบทบาทสายด่วน 1212 ETDA เพื่อรองรับช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนของแพลตฟอร์มขนาดเล็กเสริมศักยภาพขององค์กรด้วย AI Governance โดยศูนย์ AIGC ทั้งการขยาย Sector สู่กลุ่ม Telecommunication และสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ การมี AI Guideline & Tool ใหม่ ๆ เช่น AI Project Management, Data Governance for AI เตรียมออก Implementation Guidance ของไทยที่อ้างอิง UNESCO เกี่ยวกับจริยธรรมของ AI
เชื่อมระบบบริการรัฐ 80%
3. เสริมความเข้มข้น Digital Adoption and Transformation โดยผลักดันให้เกิดการใช้ Digital ID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐและเอกชนที่มากขึ้น โดยเฉพาะบริการรัฐที่ตั้งเป้าเชื่อมระบบให้ได้ 80% ภายในปี 2568 มีแนวทางการใช้งาน Digital Document Wallet สำหรับการทดลองใช้งาน
ETDA ยกระดับงานเอกสารภาครัฐ สู่อิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ e-Saraban และ e-Signature) โดยหน่วยงานภายในกระทรวงดีอี ได้เชื่อมโยงกันเรียบร้อยแล้ว และพร้อมให้หน่วยงานที่สนใจนำระบบไปติดตั้ง พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนให้เกิด e-Timestamping Service Provider และมีระบบ e-Tax Invoice by email ซึ่งนอกจากภาครัฐแล้ว ยังมี SMEs โดย ETDA ได้มีผลการประเมินความพร้อมด้านดิจิทัลในปีที่ผ่านมา จึงต่อยอดพัฒนาโมเดล เพื่อปิดช่องว่าง โดยเจาะพื้นที่เศรษฐกิจ EEC และภาคใต้ ในกลุ่มภาคการผลิต การค้า และการบริการ ทั้งการเพิ่มความรู้ และ Business matching ร่วมกับ Tech Providers ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมผ่าน Digital Service Sandbox ที่มีบริการผ่านทดสอบแล้ว 8 รายจากทั้งหมด 11 ราย
รวมถึงส่งเสริมการใช้งานผ่านแคมเปญ MEiD (มีไอดี) และเพิ่มความเร็ว SMEs ให้เกิดการใช้เทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจ โดยนำโมเดลการทำงานขยายลงพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ที่นอกจาก ภาคการค้า การบริการแล้ว ยังขยายต่อในภาคการเกษตร มุ่งเน้นการเพิ่มความรู้ เพิ่มรายได้ ขยายฐานลูกค้าและตลาดให้มากขึ้น
ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการ Digital ID ได้รับใบอนุญาตแล้ว 12 ราย รวม 16 ใบอนุญาต พร้อมสนับสนุนการเชื่อม Digital ID กับการให้บริการภาครัฐผ่านออนไลน์ (Government e-Service) แล้ว 449 บริการ และในมุมของผู้ใช้งานหรือประชาชน ยังได้สร้างการรับรู้พร้อม Use case ผ่าน Social media อย่างต่อเนื่องกับแคมเปญ MEiD (มีไอดี)
ทั้งนี้ ETDA มีแนวคิดส่งเสริมผู้ประกอบการไทย โดยการหาเงินทุนสนับสนุนแก่ SME รายย่อย จากการลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านดิจิทัลกับชุมชนต่าง ๆ พบปัญหาชุมชนไปต่อไม่ได้ การสร้างโค้ชในพื้นที่ไม่มีความต่อเนื่อง และลงพื้นที่ซ้ำซ้อนกันหลายหน่วยงาน ดังนั้น ETDA ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งรัฐและเอกชนที่มีเงินทุน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อแนะนำแหล่งต่อยอดหาเงินทุนสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก
นอกจากนี้ ETDA มีข้อมูลสะท้อนภาพอนาคต ที่วิจัยและสังเคราะห์โดย ศูนย์ Foresight Center และศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลภายใน ETDA ที่มีการปล่อยรายงานประจำปี เช่น มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผลการศึกษาอนาคตด้านเทคโนโลยี จนไปถึง Mental Health เป็นต้น
เพิ่มแรงงานดิจิทัล 90,000 คน
4. เพิ่มประสิทธิภาพ Digital Workforce, Literacy & Protection ผ่านการดำเนินงาน 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
1. เพิ่มปริมาณแรงงานเฉพาะด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ ตั้งเป้า 90,000 คนในปี 2570 ผ่านหลักสูตรระดับผู้บริหาร e-Learning การรับรองทักษะดิจิทัล (DSPC) และการรับรองทักษะโดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI)
ที่ผ่านมา ETDA ได้พัฒนาทักษะแรงงานเฉพาะด้านดิจิทัลเข้าสู่ตลาดแรงงาน 12,406 คน ทั้งระดับผู้บริหารจนถึงปฏิบัติการ รวมถึงมี e-Learning ที่ทำร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (DSD Online Training) และการรับรองทักษะดิจิทัล Digital Skill Proficiency Certification (DSPC) แล้ว 135 คน ที่ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ KBANK
2. เพิ่มรายได้ชุมชนและลดอัตราการว่างงาน ตั้งเป้าปี 2570 มีชุมชนเข้าร่วม 1,000 ชุมชน โดยต่อยอด Model การพัฒนาชุมชนในระดับภูมิภาค จับมือพาร์ตเนอร์ ปั้นโค้ชดิจิทัลชุมชน ผนวกการพัฒนาชุมชนทั้งการเพิ่มความรู้ และการผนวกเครื่องมือทางออนไลน์ พร้อมผลักดันสู่การจัดตั้งกิจการเพื่อสังคม ก่อนส่งต่อพาร์ทเนอร์เพื่อส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมา ETDA ลงชุมชนใน 4 ภูมิภาคเพื่อส่งเสริมสู่ Social Enterprise กับโครงการ ELDC (ETDA Local Digital Coach) ผ่านโมเดลการปั้นโค้ชดิจิทัลชุมชน เพื่ออบรมพัฒนาทักษะ ก่อนปล่อยลงสู่ชุมชนที่ได้รับคัดเลือกเพื่อพัฒนา Business plan ซึ่ง ETDA มีโค้ชฯ แล้วกว่า 5,386 คน และชุมชนที่เข้าร่วม 757 ชุมชน ที่มีการแข่งขันแผนการพัฒนาร่วมกับชุมชนผ่านแคมเปญประจำปี Craft Idea
และ 3. เสริมสร้างให้คนไทยรู้เท่าทันเทคโนโลยีและภัยออนไลน์ ขยายต่อเนื่องในกลุ่มเปราะบาง ตั้งเป้ามี EDC Trainer กระจายลงอำเภอเพิ่มขึ้นอีก 10% โดยไม่น้อยกว่า 80 อำเภอ และปี 2570 จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50% พร้อมเผยแพร่ความรู้และสื่อ และเสริมการวัดผลกระทบทางสังคม (Social Impact) ในเชิงพื้นที่ ไปพร้อมๆ กับการต่อยอดสร้าง Community เครือข่ายการทำงาน เพิ่มความยั่งยืนในการพัฒนาทักษะดิจิทัลคนไทย ซึ่งปี 2568 ETDA เตรียมพัฒนาแหล่งรวบรวมข้อมูลกลาง (Content Management) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อและความรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา ETDA กระจายความรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และรู้ทันภัยไซเบอร์สู่ประชาชน ผ่านโครงการ EDC (ETDA Digital Citizen) โครงการ EDC (ETDA Digital Citizen) และศูนย์ 1212 (ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์) ที่มีทั้งเปิดหลักสูตรใหม่ EDC Plus และ e-Learning โดยที่ผ่านมามีผู้อบรมแล้ว 57,522 คน และต่อยอดสู่ EDC Trainer เพื่อเป็นตัวแทนกระจายลงพื้นที่ ที่ตอนนี้มีเทรนเนอร์ 1,420 คน ใน 137 อำเภอ คิดเป็น 16% ของทั้งหมด (878 อำเภอ)
ในขณะที่กลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการทางการได้ยิน ก็ได้มีการพัฒนาสื่อที่ให้กลุ่มดังกล่าวได้เข้าถึง ที่ตอนนี้มีสถิติการเข้าถึงแล้ว 20,000 คน พร้อมกับเร่งกระจายการรับรู้ภัยไซเบอร์กับแคมเปญ ‘สร้างภูมิคนไทย รู้ทันปัญหาออนไลน์’ ที่ลงพื้นแล้ว 22 จังหวัด 4,880 คน พร้อมเผยแพร่สื่อ ประเด็นภัยออนไลน์สู่คนไทยทั่วประเทศ จนมีคนไทยเข้าถึงสื่อของ ETDA แล้ว 32.5 ล้านครั้งการเข้าชม
เล็งออกร่างประกาศกำกับดูแลแพลตฟอร์มตปท.
ส่วนการกำกับดูแลแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซจากต่างประเทศนั้น กระทรวงดีอี ได้ตั้ง ‘คณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐ’ ที่ประกอบด้วย หน่วยงานของรัฐเป็นหลัก และเอกชนที่เกี่ยวข้องบางส่วน รวมทั้งสิ้นประมาณ 20 หน่วยงาน โดยมีปลัดกระทรวงเป็นประธาน ได้หารือจัดทำร่างประกาศ 3 ฉบับเกี่ยวกับอี-มาร์เก็ตเพลส เพื่อควบคุมแพลตฟอร์มต่างชาติ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าแพลตฟอร์มของผู้ประกอบการไทย
ร่างดังกล่าวจะประกอบด้วย 1. กำหนดเกณฑ์ความเสี่ยง 2. จัดทำรายชื่อแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่อาจเข้าข่ายความเสี่ยง 3. เพื่อให้มีกระบวนการตรวจสอบแพลตฟอร์ม
ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะภายในต้นเดือนตุลาคม 2567 เช่น แพลตฟอร์มควรมีตัวตนในประเทศไทยไหม ซึ่งสินค้าในไทยจะมีกฎหมายอย. หรือ สมอ. รองรับ แต่แพลตฟอร์มต่างประเทศจะใช้กฎหมายเหล่านี้จัดการไม่ได้ จึงต้องหาทางออก โดยไม่สุ่มเสี่ยงต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ ข้อเสนอหนึ่งคือ ให้เข้ามาจดทะเบียนนิติบุคคลในประเทศไทย เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผู้ใช้บริการร้องเรียนได้เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มไทย
ขั้นตอนดำเนินการ หลังเสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็น จะนำเสนอร่างฯ เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ จากนั้นส่งไปยังอนุกรรมการด้านกฎหมายเพื่อพิจารณา ก่อนเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติเห็นชอบ โดยหลังบังคับใช้ จะมีระยะเวลาที่ชัดเจนว่าต้องปฏิบัติตามกฎภายในกี่วัน เพื่อให้เจ้าของแพลตฟอร์มมีเวลาเตรียมระบบตรวจสอบ หรือปรับปรุงให้สอดคล้องตรงตามข้อกำหนด
ส่วนร่างกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ ETDA และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ร่วมกันจัดทำเพื่อป้องกันอำนาจเหนือตลาด ซึ่งการพิจารณาของกขค. จะต้องตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนก่อน แต่แพลตฟอร์มต่างชาติส่วนใหญ่มีข้อมูลอยู่ต่างประเทศ กขค.ไม่มีอำนาจขอข้อมูลเหล่านั้น กฎหมายนี้จะเข้ามาดูแลแก้ไข ซึ่งตัวร่างได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ยังมีความเห็นต่างในประเด็นเกี่ยวกับการกำกับดูแลเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ETDA มีเป้าหมายใหญ่ 30:30 ทั้งการเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เพิ่มเป็น 30% ของ GDP และนำพาประเทศไทยขึ้นสู่ 30 อันดับแรกของโลก ในด้านความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัล ภายในปี 2670 ดังนั้น ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2564-2567) ถือเป็นช่วงการทำงานในวาระที่ 1 ได้เห็นประเด็นที่ท้าทาย จึงเร่งเชื่อมงานต่อ สู่การทำงานในวาระที่ 2 ที่มุ่งเน้นขยายการใช้งานเทคโนโลยีในทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น ต่อยอด Ecosystem ที่ได้วางรากฐานเอาไว้
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
NECTEC-ACE2024 โชว์ศักยภาพอุตฯ เซนเซอร์ไทย ผลักดันเทคโนโลยีและงานวิจัย สู่การใช้ประโยชน์จริง
เปิดมุมมอง “แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลก และโอกาสของประเทศไทยสู่การเป็น Digital Hub”