Share on
×

Share

ปี 2025 คนทำสื่อต้องปรับตัว แนะสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ จัดอีเวนต์เชื่อมโยงผู้คน

ทุกวันนี้วงการสื่อเริ่มเห็นว่า การสร้าง awareness อย่างเดียวอาจไม่พอ การจะดึงกลุ่มเป้าหมายจาก Online สู่ Onsite ต้องมีวิธีที่ได้ผล เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสัมผัสประสบการณ์จริงที่ออนไลน์แทนไม่ได้ งาน “IMPACT Next: Online to Onsite Evolution” เวทีที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้จากผู้ที่เชี่ยวชาญโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น พอลล์ กาญจนพาสน์ จากอิมแพ็ค ผู้มีประสบการณ์ด้านอีเวนต์มายาวนาน การวิเคราะห์เทรนด์ แนวโน้ม อุตสาหกรรมและการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึง ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา (The Cloud) และธนโชติ วิสุทธิสมาน (LIKEME) สองครีเอเตอร์ที่ต่อยอดจากธุรกิจมีเดียสู่การจัดอีเวนต์ประสบความสำเร็จ

อีเวนต์ไม่จำเป็นต้องจัดใหญ่ เล็ก แต่เฉพาะกลุ่ม (Niche Events) ได้

พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม  อิมแพ็ค  เมืองทองธานี กล่าวว่า เทรนด์ของอีเวนต์ปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องงานใหญ่เสมอไป สามารถจัดงานเล็กที่เฉพาะกลุ่ม (Niche Events) จัดวันเดียว แต่สามารถสร้างคอมมูนิตี้ที่เติบโตระยะยาว

หากลองมองไปในตลาดปัจจุบัน งานใหญ่ ๆ อย่าง Motor Expo มอเตอร์โชว์ บ้านและสวนแฟร์ หรือแม้แต่งานด้านเทคโนโลยีที่อยู่มายาวนาน ส่วนใหญ่เริ่มต้นมาจากการเป็นสื่อมาก่อน ซึ่งเป็นแนวทางที่เราจะได้เห็นมากขึ้น

อดีต สื่อสร้างรายได้หลักจากโฆษณาและสปอนเซอร์ ทุกวันนี้ โมเดลรายได้ของมีเดียเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ขายโฆษณาอีกต่อไป แต่ต้องขยายไปสู่รูปแบบอื่น เช่น การจัดอีเวนต์ การสร้างคอมมูนิตี้ และ Subscription หากดูตัวอย่างจากอุตสาหกรรมเพลงแกรมมี่ จากเทป ซีดี คอนเสิร์ต เราจะเห็นว่าโฆษณาอาจไม่ใช่รายได้หลักเหมือนเดิม สื่อจำเป็นต้องหา แหล่งรายได้ใหม่ และการจัดอีเวนต์ก็เป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญ

พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด

การเปลี่ยนแปลงจากโควิด อีเวนต์ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

ช่วงโควิด หลายคนพยายามปรับตัวไปสู่อีเวนต์ออนไลน์ มีทั้ง Online Conference, Virtual Expo หรือ Digital Registration แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เห็นชัดเจนว่า ผู้คนรีบกลับมาสู่งานอีเวนต์แบบออฟไลน์ทันที เหตุผลคือ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงที่ออนไลน์แทนไม่ได้ การพบปะพูดคุยและสร้างเครือข่าย การทดลองสินค้าและบริการจริง การได้สัมผัสบรรยากาศของอีเวนต์ สุดท้ายการเจอกันจริง ๆ ยังคงเป็นเรื่องสำคัญในโลกธุรกิจ

เทรนด์การเปลี่ยนแปลงของอีเวนต์จาก Mass Events สู่ Niche Events

เดิมงานอีเวนต์ใหญ่ ๆ จะรวมสินค้าหลากหลายประเภท เช่น งานมอเตอร์โชว์ที่รวมแบรนด์รถยนต์ หรือมหกรรมสินค้าหลายหมวดหมู่ แต่ทุกวันนี้จะเห็นแนวโน้มที่เปลี่ยนไป อย่างงานที่เน้นเฉพาะกลุ่ม เช่น อีเวนต์ด้านสุขภาพ กาแฟ อาหารญี่ปุ่น งานที่ให้ความรู้มากกว่าการขายของอย่างการเวิร์กช็อป Business Conference การจัดงานเล็ก ๆ ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย อาจให้ผลลัพธ์ดีกว่าการจัดงานขนาดใหญ่แต่จับกลุ่มกว้าง

“กรณีศึกษา งานอีเวนต์ที่โฟกัสชัดเจน มีการพูดถึงแนวคิด การโฟกัสเฉพาะจุด เช่น การจัดงานเกี่ยวกับ ยากิโทริ (ไก่ย่างเสียบไม้แบบญี่ปุ่น) แทนที่จะเป็นงานอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด ผู้จัดเลือกโฟกัสเพียงยากิโทริ เชิญเชฟจากญี่ปุ่นมาเลือกวัตถุดิบและทำเวิร์กช็อป สร้างโอกาสให้แบรนด์สินค้าต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น อุปกรณ์ครัว เครื่องปรุง เตาปิ้งย่าง ข้อดีของอีเวนต์แบบนี้จะสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ได้พาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง สร้างความน่าสนใจและมูลค่าทางการตลาด การเป็นผู้จัดอีเวนต์ ไม่สามารถทำคนเดียวได้ พาร์ตเนอร์คือหัวใจสำคัญ “อีเวนต์ที่ดี ไม่ใช่แค่การขายบูธ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์” พอลล์ กล่าว

“เมืองทองธานี” เมืองอัจฉริยะ กับนวัตกรรม Smart Living

Storytelling หัวใจสำคัญของอีเวนต์ที่ประสบความสำเร็จ

ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด อธิบายว่า “Storytelling ไม่ใช่แค่เรื่องของคอนเทนต์ออนไลน์ แต่เป็นหัวใจของการสร้างอีเวนต์ที่มีคุณค่า” ตัวอย่างเช่น การจัดงาน A Day Bike Fest ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่การปั่นจักรยานกำลังได้รับความนิยม งานนี้กลายเป็นงานเฟสติวัลที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันวัฒนธรรมการปั่นจักรยานในประเทศไทย หลังจากนั้นจึงได้นำแนวคิดเดียวกันมาประยุกต์ใช้กับ อุตสาหกรรมกาแฟ โดยร่วมมือกับสมาคมกาแฟพิเศษไทยในการจัด Thailand Coffee Festival ซึ่งเป็นเวทีที่ช่วยให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงกันได้โดยตรง ต่อมาได้ขยายไปสู่ อุตสาหกรรมข้าวและอาหารไทย โดยมองว่า ข้าว เป็นองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมไทย การเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทยจะช่วยสร้างผลกระทบในวงกว้าง ตั้งแต่เกษตรกร ไปจนถึงร้านอาหารและผู้บริโภค.

การสร้างอีเวนต์ให้ประสบความสำเร็จต้องเริ่มจาก มองหา Story ที่แข็งแรง ทุกอีเวนต์ที่ประสบความสำเร็จต้องมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับผู้เข้าร่วม รวมถึงการเลือกตลาดที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นอีเวนต์ขนาดใหญ่ งานเล็กที่มีคุณภาพสามารถสร้างผลลัพธ์ได้มากกว่า และการสร้างประสบการณ์ที่มีมูลค่า อีเวนต์ที่ดีต้องให้ทั้งความรู้ ความสนุก และโอกาสในการเชื่อมโยงเครือข่าย Storytelling คือหัวใจของทุกสิ่ง ลองนำเรื่องราวที่ดีมาต่อยอดให้เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้จริง

ช้างน้อย เปรียบเทียบว่า “แบรนด์ดิงก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ ถ้าต้นไม้แข็งแรง ก็จะมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เข้ามาอาศัยอยู่ด้วย”

ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า พาร์ตเนอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และสื่ออื่น ๆ หากมองในแวดวงอีเวนต์เองก็เช่นกัน การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอีเวนต์ที่มีคุณค่าไม่ใช่แค่การจัดงาน แต่ต้องมี ซัพพลายเชนที่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมกาแฟไม่ใช่แค่เจ้าของร้าน แต่มีทั้ง เกษตรกร ผู้ผลิต โรงคั่ว บาริสต้า นักออกแบบร้าน และลูกค้า ทั้งหมดต้องทำงานร่วมกันเป็นห่วงโซ่ ไม่ใช่มองแค่การมีผู้สนับสนุนที่จ่ายเงิน แต่ต้องสร้างคุณค่าให้ทุกฝ่ายในวงจรธุรกิจ

“เสน่ห์ของอีเวนต์ มากกว่าแค่ธุรกิจ มันคือความสุขของผู้คน”

แม้ว่าเทคโนโลยีจะทำให้คนสามารถค้าขายและสร้างเครือข่ายออนไลน์ได้โดยไม่ต้องพบปะกัน แต่สุดท้าย มนุษย์ก็คือมนุษย์ อีเวนต์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการพบปะกัน ความสุขของเราคือการได้เห็นคนที่เคยเป็นเกษตรกรเล็ก ๆ กลายเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ในวันนี้ สิ่งเหล่านี้คือ Magic Moments ของการทำอีเวนต์ และมันเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้

จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมีเดียมานานกว่า 20 ปี ได้เห็นการเปลี่ยนผ่านของสื่อต่าง ๆ จาก โทรทัศน์ วิทยุ และแมกกาซีน ซึ่งรายได้ที่จะเข้ามาส่วนใหญ่ ได้มาจากสปอตโฆษณา สิ่งต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย คู่แข่งน้อย และต่อมา ก็เริ่มมีการเข้ามาของออนไลน์มากขึ้น สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น จำนวนคู่แข่งมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของธุรกิจ แต่ในอดีตกับปัจจุบันมีความแตกต่างกันในเรื่องระยะเวลา อดีตอาจจะใช้เวลา 2-3 ปีถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ในปัจจุบัน ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็มีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ การพึ่งพาแพลตฟอร์มเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ช้างน้อย ทิ้งท้าย

จากมีเดีย สู่ผู้จัดอีเวนต์

ด้าน ธนโชติ วิสุทธิสมาน Chief Executive Officer บริษัท ไลค์ มี จำกัด ให้ความเห็นว่า ในอดีตธุรกิจสื่อที่ขายสปอนเซอร์หรือโฆษณา สามารถสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว แต่ในปัจจุบัน ตลาดสื่อมีความหลากหลายมากขึ้น ลูกค้าจึงมีตัวเลือกมากขึ้น อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตลอดเวลา มองว่า หากธุรกิจสื่อสามารถมีผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้ นั่นถือเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ (New Business Model) โดยหนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจ คือการจัดอีเวนต์ของตัวเอง เพราะถือเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถต่อยอดได้

การเป็นสื่อมันมีข้อได้เปรียบ ธนโชติเล่าว่า “เพราะเรารู้จักการตลาดดี เข้าถึงคนเยอะ มีช่องทางโปรโมตของเราเอง นั่นแปลว่าถ้าเราจะจัดอีเวนต์ เราก็มีเครื่องมือช่วยทำให้มันดังขึ้นได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เรื่องขายสปอนเซอร์ก็เหมือนกัน ถ้าคนทั่วไปจะหาแบรนด์มาสนับสนุนงาน มันอาจจะต้องใช้เวลา แต่ถ้าเราเป็นสื่อ เรามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เรารู้ว่าใครอยากได้อะไร ก็สามารถจับคู่ให้เค้าได้ง่ายขึ้น รวมถึงทำแพ็กเกจ (Bundle) ที่เอาทั้งโฆษณาและการเข้าร่วมอีเวนต์มาขายเป็นชุดเดียวกัน ซึ่งช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้นอีก ถ้ามี Product ของตัวเอง ยิ่งจะไปได้ไกลกว่า”

ทุกวันนี้สื่อเยอะขึ้น คนมีทางเลือกมากขึ้น ถ้าหวังเพียงรายได้จากโฆษณาหรือสปอนเซอร์อย่างเดียว บางทีมีความไม่แน่นอน แต่หากเรามีโปรดักส์ของตนเอง อย่างเช่นอีเวนต์ เปรียบเหมือนเรามีของขายเพิ่มอีกอย่าง หากถทำดี ๆ ก็สามารถต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ

สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นทำอีเวนต์ เริ่มจากสิ่งที่ถนัดอย่าฝืนทำอีเวนต์ในตลาดที่ไม่เข้าใจ วางแผนให้ชัดเจน กำหนดเป้าหมายของงานให้แน่ชัดว่าต้องการให้ใครได้รับประโยชน์อะไรจากงานนี้ สร้างความร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน การร่วมมือกับพาร์ตเนอร์และสื่ออื่น ๆ จะช่วยให้งานประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่ากลัวที่จะทดลอง การทำอีเวนต์ต้องมีการลองผิดลองถูก และพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์ มองตลาดอีเวนต์เป็นโอกาสในการเติบโต ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นพื้นที่ที่ทุกฝ่ายสามารถช่วยเหลือกันและเติบโตไปด้วยกัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

รพ.จุฬาภรณ์ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด รักษามะเร็ง’ แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มี ‘ไทยเทา’ เอี่ยวด้วยหรือไม่?

×

Share

ผู้เขียน