Share on
×

Share

เนสท์เล่สานต่อแคมเปญ ‘เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้’ กระตุ้นผู้บริโภคร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผลสำรวจของ Kantar’s Sustainability Sector Index 2023 พบผู้บริโภคไทย 76% ให้ความสนใจกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม 69% สนใจลงทุนและเวลาเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ 73% เห็นด้วยกับการบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ โดยการซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนเป็นสิ่งดีที่จะกระทำ

แต่ในทางปฏิบัติกลับสวนทาง โดยผู้บริโภค 91% ต้องการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน หากมีเพียง 42% ที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจริงจัง โดยมีอุปสรรคคือ ไม่ต้องการ หรือไม่สามารถใช้เวลามาก งบประมาณเพิ่ม รสชาติไม่ดี คุณภาพ และความเพลิดเพลินจากผลิตภัณฑ์ไม่ถึงเกณฑ์ที่พอใจ อีกทั้งไม่มั่นใจว่า ทำเพียงลำพังแล้วจะได้ผลเพื่อความยั่งยืนได้

เจนิกา คอนเด ครูซ หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมองค์กรและความยั่งยืน บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัดบอกว่า การเหตุผลดังกล่าว บริษัทจึงต้องการทำให้เกิดความยั่งยืนจากฟาร์มสู่ผู้บริโภค โดยล่าสุด ได้นำแคมเปญ “Every Little Act Matters เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้” ปีที่ 4 มาสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยทำสิ่งเล็กน้อย ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ เพื่อมีส่วนร่วมดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเพื่อโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนของผู้บริโภคให้มากขึ้น เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การแยกขยะก่อนทิ้ง โดยมีเป้าหมายเข้าถึงคนไทยกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ

จากเป้าหมาย Net Zero 2050 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ปัจจุบัน เนสท์เล่ ประเทศไทย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้แล้ว 20% และยังคงเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน เดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน 50% ภายในปี 2030

‘เนสท์เล่’ หนุนเกษตรกรโคนมพิมาย ต้นแบบฟาร์มยั่งยืน-ขับเคลื่อนเกษตรเชิงฟื้นฟู

ยั่งยืนจากแปลงสู่จาน

ส่วนแผนงานความยั่งยืน ปี 2025 ที่ดำเนินจากต้นน้ำสู่ปลาย หรือจากแปลงเกษตรสู่จานผู้บริโภค ได้คืบหน้าตามแผนงานทั้ง 4 มิติ คือ

1. จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน โดยวัตถุดิบหลัก 20% มาจากการเพาะปลูกด้วยเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) ซึ่งกาแฟทำได้ตามเป้าหมายแล้ว ส่วนน้ำนมดิบกำลังจะได้ภายในปีนี้

นิภาวรรณ โดดเสนา นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เล่าว่า ด้านการจัดหาเมล็ดกาแฟ ได้ดำเนินการฝึกอบรมด้านเกษตรเชิงฟื้นฟู แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไปแล้วกว่า 2,000 ราย กระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีไปสู่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟแล้วกว่า 4.7 ล้านต้น สนับสนุนการวิเคราะห์ดินอย่างต่อเนื่องแก่เกษตรกรจำนวน 3,800 ราย ตั้งแต่ปี 2012 เพื่อแนะนำการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องตามค่าของดิน ลดใช้ปุ๋ยเคมีหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มสุขภาพดีจะได้ให้ผลผลิตที่ดี

รวมทั้งส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งในสวนกาแฟกับเกษตรกรไปกว่า 300 ราย นอกจากเสริมรายได้เกษตรกร ซึ่งผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ทางชีวภาพ และการเลี้ยงผึ้งในสวนยังเป็นเครื่องชี้วัดได้ว่าสวนนั้นไม่ใช้สารเคมี จัดหลักสูตรโรงเรียนธุรกิจเกษตร ช่วยให้เกษตรกรบริหารจัดการเรื่องต้นทุนและกำไรได้ และรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

ศิรวัจน์ ปิณฑะดิษ นักวิชาการเกษตร บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เล่าถึงการจัดหาน้ำนมดิบว่า การนำหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟูไปใช้ในฟาร์มโคนม สามารถลดคาร์บอนจากการทำฟาร์มโคนมได้มากกว่า 5,000 ตันในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2018 ที่เป็นปีฐานข้อมูล และปี 2024 ได้ปริมาณน้ำนมดิบโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 กก. ต่อตัวต่อวัน มากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ 11 กก. ต่อตัวต่อวัน รวมทั้งคุณค่าทางโภชนาการในน้ำนมดิบดีขึ้น วัดได้จากระดับโปรตีนในนมที่เพิ่มขึ้นสูงกว่า 3% จากปกติ 2.9%

บริษัทให้ความรู้และเทคนิคด้านการเกษตรเชิงฟื้นฟูแก่เกษตรกรไปแล้วกว่า 160 ฟาร์มจาก 3 สหกรณ์ ในจังหวัดนครราชสีมา และมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ได้เริ่มทำการเกษตรเชิงฟื้นฟูครบวงจรแล้วกว่า 40 ฟาร์ม และลงนามกับสหกรณ์โคนม 3 แห่งในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรว่าเนสท์เล่จะให้การสนับสนุนการบริหารฟาร์มตามแนวทางการเกษตรเชิงฟื้นฟู และการรับซื้อผลผลิตน้ำนมดิบอย่างต่อเนื่อง ในราคาที่เป็นธรรม

2. ดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนศุภวัฒน์ คามีเยาน์ ผู้จัดการด้านความยั่งยืนธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด บอกว่า โรงงานผลิตน้ำดื่มทั้ง 2 แห่งของเนสท์เล่ที่พระนครศรีอยุธยา และสุราษฎร์ธานี จะสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชน ในปริมาณเท่ากับที่ใช้ดำเนินธุรกิจน้ำดื่มทั้งหมด 100% ภายในสิ้นปี 2025 คิดเป็นปริมาณมากกว่า 1ล้านลูกบาศก์เมตร ผ่านการดำเนินโครงการเนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ ในทั้ง 2 จังหวัด อย่างต่อเนื่อง

โรงงานทั้งคู่ยังได้รับมาตรฐานการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนจาก Alliance for Water Stewardship (AWS) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรด้านการจัดการและดูแลทรัพยากรน้ำระดับโลก ก้าวต่อไปยังจะผลักดันการฟื้นฟูระบบนิเวศ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้พื้นที่โดยรอบคลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และยกระดับการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการพิทักษ์สายน้ำให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้ ปกป้อง และฟื้นฟู

3. ความยั่งยืนด้านบรรจุภัณฑ์วันฉัตร ผลทวี ผู้จัดการฝ่ายบรรจุภัณฑ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เล่าว่า ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อออกแบบให้บรรจุภัณฑ์สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งทำได้แล้ว 95% และเดินหน้าลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลง 1 ใน 3 โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก คือ

การลดใช้พลาสติกผลิตใหม่ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลาสติกรีไซเคิล rPET ในขวดน้ำดื่ม รวมทั้งการใช้ฟิล์มหุ้มบรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากพลาสติกรีไซเคิล rPE และใช้วัสดุทางเลือกอื่น ๆ ทดแทนการใช้พลาสติก เช่น ซองกระดาษสำหรับบรรจุภัณฑ์ด้านนอกของผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้ เช่น ซองบรรจุภัณฑ์แบบ Mono Structure ที่ผลิตจากพลาสติกประเภทเดียวกัน และกระป๋องอะลูมิเนียม สำหรับเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มรีไซเคิลได้ 100% และการส่งเสริมระบบการจัดการขยะเพื่อการรีไซเคิลผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น แคมเปญ “BOTTLE MADE FROM BOTTLES” โครงการ “Careton กล่องนมรักษ์โลก” เป็นต้น

4. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กันต์ เขมาชีวะกุล ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืน บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด บอกว่า โรงงานทั้ง 8 แห่งของเนสท์เล่ รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้า ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% แล้ว มาจากการใช้พลังงานสะอาด 2 ส่วนคือ ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งในโรงงาน และการได้ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ซึ่งจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้ครบทุกโรงงานภายในสิ้นปี 2025 และได้นำร่องใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า 100% กับ การขนส่งผลิตภัณฑ์คิทแคทและเนสท์เล่ ไอศกรีม แบบควบคุมอุณหภูมิ

เนสท์เล่ ผนึก กรีน เยลโล่ เปิดตัวโครงการโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ในไทย มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 2,000 ตันต่อปี

เพิ่มทางเลือกสุขภาพ เสริมแร่ธาตุ

ที่ผ่านมา ปี 2024 เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” ลดหวาน มัน เค็ม ในปี 2024 ด้วยปริมาณมากกว่า 4,600 ล้านหน่วยบริโภค โดยมีผลิตภัณฑ์ 115 รายการที่ได้รับสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” สูงสุดในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย

ปีเดียวกัน ยังส่งมอบอาหารและเครื่องดื่มที่เสริมแร่ธาตุและวิตามิน จำนวน 3,400 ล้านหน่วยบริโภค ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม ครอบคลุมตั้งแต่ทารก เด็กเล็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ เช่น ไมโล โกโก้ครันซ์ เพื่อช่วยต่อสู้กับภาวะทุพโภชนาการและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

นอกจากนี้ ยังเน้นการส่งเสริม “การกินอยู่อย่างสมดุล” โดยให้ความรู้ด้านสุขภาพ โภชนาการ และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่คนไทยกว่า 5.48 ล้านคนครอบคลุมทุกภาคส่วนตลอดเวลากว่า 16 ปี ผ่านโครงการเนสท์เล่ คาราวานครอบครัวแข็งแรง และโครงการภารกิจพิชิตสุขภาพดี

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

LINE ชวน 2 กูรู ‘รวิศ-ศรัณย์’ เปิดเทคนิคอัปสกิล “การสร้างแบรนด์” ฉบับ SME

MGX ทุ่ม 2 พันล้านดอลลาร์ ลงทุนใน Binance สร้างระบบนิเวศการเงินดิจิทัลที่ครอบคลุมและแข็งแกร่ง

×

Share