ในยุคที่เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนโลก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการแพทย์ชั้นนำ แต่กำลังก้าวสู่การเป็น “ผู้ร่วมสร้างสรรค์อนาคตของระบบสาธารณสุข” (Co-creating the future of healthcare) ผ่านการเดินทางที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ นวัตกรรม และที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือ
จากการเสวนาในหัวข้อ “Ramathibodi’s Medical Innovation and AI journey” ในงาน Techsauce Global Summit 2025 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผย 3 ยุทธศาสตร์หลักที่กำลังขับเคลื่อนรามาธิบดีสู่อนาคต นั่นคือ วิสัยทัศน์ที่มุ่งผลักดันงานวิจัยสู่นวัตกรรมที่ใช้ได้จริง การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลการแพทย์แบบเปิดระดับชาติ และการพัฒนา AI ที่เป็นผู้ช่วยแพทย์อัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของรามาธิบดี แต่เป็นพิมพ์เขียวที่น่าสนใจสำหรับวงการแพทย์ของไทยและภูมิภาค
จากงานวิจัยสู่ห้องผ่าตัด: วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่จับต้องได้
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ม.ล. ชาครีย์ กิติยากร รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิชาการเพื่อการพัฒนา ได้ฉายภาพใหญ่ของรามาธิบดีที่ต้องการเปลี่ยน “งานวิจัยบนหิ้ง” ให้กลายเป็น “นวัตกรรมที่สร้างประโยชน์เชิงสังคมและพาณิชย์” โดยได้จัดตั้งกลุ่มงานด้านนวัตกรรมและความร่วมมือ (Innovation and Collaboration Group) ขึ้นมา กลุ่มงานนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญที่ทำงานประสานกัน
ส่วนแรก MIND Center (Medical Innovations Development Center) คือ ศูนย์กลางในการสร้าง “วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม” ให้กับบุคลากรและนักศึกษาแพทย์ พร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญภายนอก ทั้งวิศวกร นักธุรกิจ และนักลงทุน เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การวิจัยทางคลินิก การรับรองมาตรฐาน (อย.) ไปจนถึงการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์
ส่วนที่สอง RAMAC (Clinical Research Center) คือ ศูนย์วิจัยทางคลินิกที่เป็นหัวใจสำคัญในการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพของนวัตกรรม
และส่วนที่สาม SEGMEN (Center for Mesenchymal Stem Cell) คือ ศูนย์การผลิตเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคม์ (Mesenchymal Stem Cells) และผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดขั้นสูง (ATMP) ที่มีห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อ (Clean Room) ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว และกำลังมุ่งสู่มาตรฐาน GMP เพื่อรองรับการทดลองทางคลินิกในอนาคต
นอกจากนี้ รามาธิบดียังเปิดกว้างสู่ความร่วมมือ โดยมีคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่พร้อมแบ่งปัน เช่น ข้อมูลกลุ่มประชากรของ กฟผ. (EGAT cohort) ที่เก็บข้อมูลต่อเนื่องยาวนาน 30 ปี จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 10,000 คน และ ข้อมูลจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย (National Health Exam Survey) ซึ่งครอบคลุมคนไทยกว่า 20,000 คน พร้อมตัวอย่างชีวภาพ สิ่งเหล่านี้คือขุมทรัพย์ที่พร้อมให้นักวิจัยและบริษัทเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอด
–NIA ชี้ นวัตกรรมการแพทย์คือหัวใจผลักดันไทยสู่ Medical Hub ระดับโลก
อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญคือ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID) ที่รามาธิบดีเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายความร่วมมือกับโรงพยาบาลอีก 9 แห่ง รวมถึงคณะทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของมหิดล สร้างให้พื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการทดสอบนวัตกรรมแบบครบวงจร
สร้าง “แพลตฟอร์มข้อมูลการแพทย์แบบเปิด” ขับเคลื่อน AI ไทย
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สิทธิ์ พงษ์กิจการุณ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ของวงการแพทย์ไทย นั่นคือ ข้อมูลที่กระจัดกระจาย, ไม่มีโครงสร้าง และถูกเก็บแยกส่วนในแต่ละโรงพยาบาล (Fragmented, Unstructured, and Siloed) ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา AI ระดับชาติ
ทางออกคือ แพลตฟอร์มข้อมูลการแพทย์แบบเปิด (Open Medical Data Platform) ซึ่งมีปรัชญาคือ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลการแพทย์เป็นประชาธิปไตย (Democratize access) ในระดับประเทศ ผ่านข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน (Anonymized Data) และใช้มาตรฐานสากลเพื่อให้ทุกระบบทำงานร่วมกันได้
แพลตฟอร์มนี้ เกิดจากความร่วมมือของหลายสถาบัน คือ กรมการแพทย์ NECTEC รพ.รามาธิบดี รพ.จุฬาฯ รพ.สงขลานครินทร์ ม.เชียงใหม่ และวชิรพยาบาล มีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่
- เขื่อนข้อมูลและการจัดการ (Data Dam & Management) ที่รวบรวมข้อมูลจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ทำให้เป็นข้อมูลนิรนาม (Anonymized) จัดทำมาตรฐาน และติดฉลาก (Labeled) โดยผู้เชี่ยวชาญ ปัจจุบันรามาธิบดีได้ส่งมอบข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์กว่า 2 ล้านภาพ ครอบคลุม 6 กลุ่มโรคสำคัญเข้าสู่ระบบแล้ว
- ส่วนการสร้างโมเดล AI (AI Modeling) ที่เชื่อมต่อกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ NECTEC และมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างโมเดล AI ได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด (No-code)
- ส่วนบริการ AI (AI Service Platform) ที่เมื่อโมเดล AI ได้รับการพัฒนาและตรวจสอบแล้ว สามารถนำไปใช้งานจริงในโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศได้
หัวใจสำคัญของแพลตฟอร์มนี้คือการยึดมั่นใน หลักการ FAIR (Findable, Accessible, Interoperable, Reusable) และ ความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย (Privacy) โดยข้อมูลทุกชิ้นต้องผ่านกระบวนการทำให้เป็นนิรนามและได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน (IRB) ของแต่ละสถาบันก่อนเข้าสู่ระบบ
‘รามาธิบดี AI’: จากวิกฤติโควิด-19 สู่ผู้ช่วยแพทย์อัจฉริยะ
พญ.ชญานิน นิติวรางกูร ผู้ร่วมก่อตั้ง “รามาธิบดี AI” ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่น่าประทับใจของแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด-19 ปี 2020 จากความร่วมมือของทีมแพทย์ วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการช่วยเหลือประเทศ พวกเขาได้พัฒนา AI สำหรับวินิจฉัยโรคปอดอักเสบจากโควิด-19 ผ่านภาพเอกซเรย์ทรวงอก และ เปิดให้โรงพยาบาลทั่วประเทศใช้งานได้ฟรี จนได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มีโรงพยาบาลเข้าร่วมกว่า 600 แห่ง และมีการใช้งานกว่า 400,000 ครั้งในหนึ่งปี
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ทีมงานได้ต่อยอดความสำเร็จนั้น สู่ “Ramathibodi AI Solution” แพลตฟอร์มที่ทันสมัยและทรงพลังยิ่งขึ้น สามารถตรวจจับความผิดปกติจากภาพเอกซเรย์ทรวงอกได้ถึง 16 กลุ่มโรค สามารถทำงานร่วมกับระบบ PACS ของโรงพยาบาลได้อย่างราบรื่น และแสดงผลเป็น “คะแนนความผิดปกติ (Abnormality Score)” และ “แผนที่ความร้อน (Heatmap)” เพื่อชี้ตำแหน่งที่ AI สนใจ ซึ่งเป็นการสร้างความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ (Explainable AI) ให้กับแพทย์ผู้ใช้งาน
ปัจจุบัน “รามาธิบดี AI” กำลังอยู่ในกระบวนการขอการรับรองมาตรฐาน ISO และ อย. และมีแผนจะขยายขีดความสามารถไปยังการวิเคราะห์ภาพ CT Scan และ MRI ในอนาคต โดยยังคงเปิดรับความร่วมมือจากพันธมิตรเพื่อพัฒนานวัตกรรมร่วมกันเพื่อประเทศต่อไป
–คณะแพทย์ มช. -หัวเว่ย สนับสนุนอุปกรณ์ 5G สำหรับระบบ Telemed แก่รพ. เทพรัตน์ ฯ จ.เชียงใหม่
หนึ่งย่างก้าวของรามาธิบดีสู่พันย่างก้าวของวงการแพทย์ไทย
การเดินทางของรามาธิบดีแสดงให้เห็นภาพที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่วิสัยทัศน์ ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเกิดนวัตกรรมแพลตฟอร์มข้อมูลซึ่งเป็นเหมือนเชื้อเพลิงคุณภาพสูงที่ขับเคลื่อนการพัฒนา และ “รามาธิบดี AI” ที่เป็น “เครื่องยนต์” ที่นำเชื้อเพลิงนั้นไปสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นจริง
นวัตกรรมทางการแพทย์ไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากการทลายกำแพง ทั้งกำแพงข้อมูลระหว่างโรงพยาบาล และกำแพงความร่วมมือระหว่างสาขาวิชา เพื่อร่วมกันปั้นอนาคตระบบสาธารณสุขของไทย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘ยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติ’ การเงิน-สุขภาพ ดันไทยสู่ผู้นำอาเซียน
‘Daisy.io’ แพลตฟอร์ม AIoT เพื่อการประมวลผลที่ Edge