Share on
×

Share

จาก ‘เงินโง่’ สู่ ‘พาร์ตเนอร์โตไว’ ส่องวิธีคิด CVC ยุคใหม่แบบ SCB 10X

ท่ามกลางสมรภูมิเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Corporate Venture Capital (CVC) ได้กลายเป็นกลไกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในการแสวงหานวัตกรรม โดยได้สลัดภาพจำจาก “เงินโง่” (Dumb Money) ที่เชื่องช้าในอดีต มาสู่การเป็น “เงินฉลาด” (Smart Money) หรือพาร์ตเนอร์ที่ช่วยเร่งการเติบโตให้แก่สตาร์ตอัพ

ไพลิน วิชากูล Chief Investment Officer, SCB 10X ได้เล่าถึงวิวัฒนาการ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง CVC และ VC (Venture Capital) แบบดั้งเดิม พร้อมทั้งถอดกรณีศึกษาของ SCB 10X ในฐานะต้นแบบ CVC ยุคใหม่ที่ไม่ได้มีเพียงการลงทุน แต่ยังครอบคลุมถึงการสร้างธุรกิจและระบบนิเวศ

CVC กับความสำคัญในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่

สถานะของ CVC ในปัจจุบันได้ก้าวข้ามการเป็นเพียงแหล่งทุนทางเลือก โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า การลงทุนผ่าน CVC มีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าการลงทุนในธุรกิจสตาร์ตอัพทั่วโลก บทบาทที่สำคัญนี้ไม่ได้วัดค่าด้วยเม็ดเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำหน้าที่เป็น กลไกรับรองความน่าเชื่อถือ (Validation Mechanism) ให้กับสตาร์ตอัพ การที่องค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมลงทุน ถือเป็นการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นไปยังตลาด ทำให้นักลงทุนรายอื่น โดยเฉพาะ VC แบบดั้งเดิม สนใจเข้าร่วมลงทุนในรอบถัดไปได้ง่ายขึ้น

ในเชิงยุทธศาสตร์ CVC ทำหน้าที่เป็นเรดาร์ให้บริษัทแม่เข้าถึงเทคโนโลยีเกิดใหม่ในกลุ่มเป้าหมาย เช่น Generative AI และ AI Infrastructure ที่เป็นพื้นฐานสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ หรือเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนอย่าง เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน (Carbon Capture) และ โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สำหรับประเทศไทย CVC ไม่เพียงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิม (Traditional Industries) เช่น ภาคการเกษตร (AgriTech) และการผลิต ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก

CVC และ VC ต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างระหว่าง CVC และ VC แบบดั้งเดิมสะท้อนถึงวัตถุประสงค์พื้นฐานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในมิติของมูลค่าเพิ่มที่นอกเหนือจากเงินทุน (Value-add) ซึ่ง CVC รูปแบบใหม่สามารถให้การสนับสนุนเชิงลึกได้หลายด้าน

การสนับสนุนนี้ครอบคลุมตั้งแต่ การเร่งกระบวนการออกสู่ตลาด (Go-to-Market Acceleration) โดยเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัพเข้าถึงช่องทางและฐานลูกค้าของบริษัทแม่

การทำหน้าที่เป็นสนามทดลองผลิตภัณฑ์ (Product Testing Ground) ให้สตาร์ตอัพได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ในสเกลการใช้งานจริงไปจนถึงการเข้าถึงห่วงโซ่อุปทานและผู้เชี่ยวชาญ (Supply Chain & Expertise Access) เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

และสุดท้ายคือการนำทางด้านกฎระเบียบ (Regulatory Navigation) โดยอาศัยทีมกฎหมายของบริษัทแม่เป็นที่ปรึกษาโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีกฎเกณฑ์ซับซ้อน

วิวัฒนาการของ CVC: จาก ‘เงินโง่’ สู่ ‘เงินฉลาด’

ไพลินวิเคราะห์ว่า โมเดล CVC ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เหตุผลหลักมาจากการที่ CVC รูปแบบเดิมซึ่งเคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น “เงินโง่” (Dumb Money) ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนเชิงกลยุทธ์ที่จับต้องได้จริง ประกอบกับภาวะการแข่งขันเพื่อลงทุนในสตาร์ตอัพคุณภาพสูงที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ CVC จำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่ จากนักลงทุนแบบตั้งรับที่เชื่องช้าและทำงานแบบแยกส่วน ไปสู่ “เงินฉลาด” (Smart Money) ที่เน้นการเป็นพันธมิตรเชิงรุก

โมเดลใหม่นี้มีหัวใจสำคัญคือความรวดเร็วในการตัดสินใจ และการบูรณาการเชิงกลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง โดยมีการสร้าง วงจรการเรียนรู้สองทาง (Two-way Learning Loop) ที่ชัดเจน เช่น สตาร์ตอัพนำเสนอแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบ Agile และเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับองค์กร ในขณะที่องค์กรให้ความรู้แก่สตาร์ตอัพเกี่ยวกับกระบวนการขายให้แก่ลูกค้าระดับองค์กร (Enterprise Sales) และการขยายธุรกิจสู่ระดับสากล

กรณีศึกษา SCB 10X: ต้นแบบ CVC ยุคใหม่ในทางปฏิบัติ

กรณีของ SCB 10X เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำโมเดล CVC ยุคใหม่มาปรับใช้ โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็น “ยานแม่” (Mothership) ด้านเทคโนโลยีของกลุ่ม SCBX ที่มีภารกิจชัดเจนในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) ผ่านการลงทุนและนวัตกรรม

โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่น่าสนใจใน 3 แกนหลัก เริ่มจาก 1. การลงทุนที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech Investment) ใน AI และ Blockchain เพื่อนำเทคโนโลยีกลับมาสร้างประโยชน์ให้กลุ่ม SCBX ควบคู่ไปกับ 2. การสร้างและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Venture Builder & Application) ซึ่ง SCB 10X จะทำหน้าที่เป็นผู้สร้างและทดลองเทคโนโลยีด้วยตนเอง เช่น การพัฒนา LLM ภาษาไทย “Typhoon” และปิดท้ายด้วย 3. การสร้างระบบนิเวศและชุมชน (Ecosystem & Community Building) ผ่านการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น งานสัมมนา REDeFiNE TOMORROW เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมโดยรวม

SCB 10X แต่งตั้ง ‘กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร’ นั่ง CEO คนใหม่ มีผล 16 พ.ค. นี้

บทบาทของ SCB 10X จึงเป็นมากกว่า CVC ทั่วไป แต่เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ผสมผสานทั้งการลงทุน การสร้างสรรค์ และการสร้างชุมชน เพื่อผลักดันให้ทั้งองค์กรและระบบนิเวศเทคโนโลยีของประเทศเติบโตไปพร้อมกัน

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับสตาร์ตอัพ

การพิจารณารับเงินทุนจาก CVC เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญซึ่งมีผลต่อทิศทางของบริษัทในระยะยาว คุณไพลินได้ให้ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติที่ลึกซึ้งขึ้นไว้ 4 ประการ

ประการแรกคือ การทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ CVC โดยต้องสืบหาข้อมูลให้ชัดเจนว่า CVC มีเป้าหมายด้านการเงินหรือกลยุทธ์เป็นหลัก และกลยุทธ์นั้นเชื่อมโยงกับหน่วยธุรกิจใด เพื่อประเมินความซับซ้อนและระยะเวลาในการตัดสินใจ

ประการที่สองคือ การตรวจสอบประวัติการสนับสนุนเชิงรุก ด้วยการพูดคุยกับผู้ก่อตั้งรายอื่นในพอร์ตโฟลิโอของ CVC นั้น ๆ เพื่อสอบถามประสบการณ์จริงว่าการสนับสนุนที่ได้รับนั้นเกิดขึ้นจริงและมีประสิทธิภาพเพียงใด

ประการที่สามคือ การเจรจาเงื่อนไขสิทธิ์พิเศษอย่างรอบคอบ โดยสตาร์ตอัพควรระมัดระวังในการให้สิทธิ์ต่าง ๆ เช่น สิทธิ์ในการปฏิเสธก่อน (ROFR) หรือข้อตกลงในการทำงานร่วมกันแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity Clause) ซึ่งอาจจำกัดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

ประการสุดท้ายคือ การจัดการความคาดหวังและเตรียมพร้อมด้านการสื่อสาร โดยต้องยอมรับความซับซ้อนในการทำงานกับองค์กรใหญ่ วางแผนการสื่อสารที่ชัดเจน และเลือก CVC ที่มีทีมงานซึ่งเข้าใจวัฒนธรรมของสตาร์ตอัพและสามารถเป็นสะพานเชื่อมที่มีประสิทธิภาพได้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สมรภูมิ AI โลก: ไทยจะสู้ด้วยอะไร?

จาก IoT สู่ AIoT: การเดินทาง 10 ปี NETPIE ต่อยอดสู่แพลตฟอร์ม Daysie

×

Share

ผู้เขียน