ในยุคที่เทคโนโลยีและข้อมูลมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองมากยิ่งขึ้น ข้อมูลจากภาครัฐนับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยพัฒนาเมืองให้ก้าวสู่การเป็น Smart City ซึ่งกรณีตัวอย่างจาก โครงการ HEAD KORAT (เฮ็ดเปลี่ยนเมือง) ในหัวข้อ “การพัฒนาเมืองโคราช สู่การเป็น Smart City ด้วยการใช้ฐานข้อมูลภาครัฐ” ที่ทางอาจารย์มนต์ศักดิ์ โซ่เจริญธรรม ที่ปรึกษาเลขาธิการ สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ได้นำข้อมูลมาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐและกลยุทธ์ที่ใช้ในการสร้างเมืองอัจฉริยะอย่างโคราชว่ามีข้อมูลภาครัฐอะไรที่น่าสนใจในการนำมาใช้พัฒนาเมืองต่อไป เพื่อก้าวสู่ความเป็น Smart City ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
กลยุทธ์ในการเข้าถึงข้อมูลจากภาครัฐ
หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญในการพัฒนาเมือง คือ การเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ เนื่องจากภาครัฐมักกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูลและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากข้อมูลถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง อาจารย์มนต์ศักดิ์จึงใช้กลยุทธ์ในการเจรจากับหน่วยงานรัฐด้วยการแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของข้อมูล เช่น การปรับปรุงระบบขนส่ง การวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน และการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์หลักที่อาจารย์มนต์ศักดิ์ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลและการปรับตัวเพื่อนำข้อมูลภาครัฐมาใช้ ได้แก่
- การแสดงประโยชน์ชัดเจน: ทำให้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูลและผลลัพธ์ที่ได้จากการนำข้อมูลไปใช้
- การวางแผนการดำเนินการ: เมื่อได้ข้อมูล ต้องแสดงให้เห็นว่ามีแผนงานที่ชัดเจนในการนำข้อมูลไปใช้
- การสร้างแรงบีบบังคับและรางวัล: ใช้แนวทางในการสร้างแรงบังคับและให้รางวัลเพื่อให้นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์
Open Government Data ช่องทางการเข้าถึงข้อมูลสาธารณะของภาครัฐ
หนึ่งในระบบที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเมืองในปัจจุบันคือ Open Government Data (OGD) หรือข้อมูลเปิดภาครัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งฐานข้อมูลนี้ช่วยให้ประชาชนหรือหน่วยงานเอกชนสามารถเข้าถึงข้อมูล
ข้อมูลของการจัดอันดับหน่วยงาน อย่างเช่น บริษัทที่ชนะจำนวนโครงการเยอะที่สุดในประเทศ คือ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด เป็นบริษัทขายยา ชนะไป 70,507 โครงการ ซึ่งสามารถย้อนดูข้อมูลในแต่ละปีได้
นอกจากนี้ยังสามารถดูในเรื่องของภาษีได้ เช่น ผลรวมรายได้จัดเก็บของรัฐบาลในปี 2567 อันดับ 1 คือ กรมสรรพากร อันดับ 2 กรมสรรพสามิต อันดับ 3 หน่วยงานอื่น อันดับ 4 กรมศุลกากร ซึ่งเราสามารถดูได้ว่าเงินในแต่ละส่วนมาจากไหนบ้าง และยังสามารถเลือกปีที่ต้องการได้ด้วย
ตัวอย่างของการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาเมือง
อาจารย์มนต์ศักดิ์ นำเสนอตัวอย่างจากการใช้ข้อมูล GPS ของรถแท็กซี่ในนิวยอร์กเพื่อนำมาวิเคราะห์ปัญหาการจราจร ข้อมูล GPS เหล่านี้ช่วยให้หน่วยงานสามารถตรวจสอบเส้นทางที่มีปัญหา และวางแผนการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเมืองโคราชเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ไปจนถึงพัฒนาพื้นที่ด้านธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
และยังมีการยกตัวอย่างการนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาท้องถิ่นของโคราชด้วย โดยเน้นการมองหาปัญหาใกล้ตัวแล้วเริ่มต้นแก้จากจุดเล็ก ๆ ก่อน เช่น อยากแก้ปัญหาการจราจรติดขัดของโคราช ก็อาจจะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานไปโรงเรียนเพื่อช่วยลดจำนวนรถยนต์บนถนน วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการจราจรติดขัด แต่ยังสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้ปกครองในการแชร์การขนส่งร่วมกัน เป็นต้น
สรุปแล้ว การพัฒนาเมืองสู่การเป็น Smart City ไม่เพียงแค่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี แต่ยังต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ จึงจะช่วยในการวางแผนและดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลภาครัฐจึงควรทำได้มากยิ่งขึ้น และควรจะหยิบข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยให้การพัฒนาเมืองเป็นไปอย่างยั่งยืนและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
“รู้งี้” กับดักทางการเงิน: เมื่อความฝันมีบ้านกลายเป็นหนี้ท่วมหัว
ETDA เปิดแผนปี 68 ตอกย้ำ Co-Creation Regulator หนุนธุรกรรมออนไลน์ เสริมกลไกกำกับดูแลธุรกิจบริการ