Share on
×

Share

จิตตะ ก้าวสู่ปีที่ 12 เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี AI แก้วิกฤติการเงินคนไทย

จิตตะ (Jitta) สตาร์ตอัพด้านการลงทุนของไทย ประกาศเดินหน้าสู่ปีที่ 12 อย่างมั่นคง มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี AI ด้านการวิเคราะห์หุ้นแนวเน้นคุณค่า แก่ผู้ใช้งานกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ด้วยผลตอบแทนรวมที่ชนะตลาดยาวนาน เป็น บลจ. ที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลมากที่สุดในประเทศ บริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ สร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนหลังวิกฤติสูงถึง 2 เท่า พร้อมต่อยอดสร้างระบบนิเวศการเงินให้คนไทยได้ จ่าย-ออม-ลงทุน แบบอัตโนมัติ สร้างพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแรงให้คนไทยและสังคมไทยยั่งยืน

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จิตตะ ดอท คอม จำกัด​ เปิดเผยว่า ​”ตลอดช่วง 12 ปีที่ จิตตะ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินไทย เรายังคงเติบโตบนเป้าหมายที่จะสร้างนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายและสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า ด้วยความเชื่อมั่นในหลักการลงทุนระยะยาวที่พิสูจน์มาตลอดระยะ 12 ปี รวมถึงเทคโนโลยี AI ที่ได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ข้อมูลหุ้นทั่วโลก รวมถึงพอร์ตการลงทุนที่เราได้บริหารจัดการมากว่า 6 ปี มั่นใจว่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ได้พัฒนาจะเป็นหนึ่งในการร่วมแก้วิกฤติด้านการเงินส่วนบุคคลของคนไทย”

ที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ด้วยการสร้างระบบนิเวศทางการเงิน ที่ช่วยส่งเสริมวินัยจากการ จ่าย-ออม-ลงทุน ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ ผ่านกระบวนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ที่จะทำให้คนไทยมีเงินเก็บได้จริง ซึ่งการมีเงินออมจะเป็นพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแรง และนำไปสู่จุดเริ่มต้นการลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความรู้การเงินและหลักการลงทุนระยะยาวที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารจัดการ​พอร์ตลงทุนได้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง เพื่อสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน 

จุดเริ่มต้นปี 2555 แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta ที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนระยะยาว ตามหลักการแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) จากวอเรน บัพเฟตต์ นักลงทุนระดับโลกที่ “ลงทุนในหุ้นดี ราคาถูก” ปัจจุบันได้ช่วยให้นักลงทุนจากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ไต้หวัน​ ญี่ปุ่น  มาเลเซีย และบราซิล เป็นต้น ได้เข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์หุ้นที่มีมากถึง 48,000 บริษัท ซึ่งครอบคลุม 90% ของหุ้นทั้งโลก

ในแต่ละวันเทคโนโลยีของ Jitta มีการวิเคราะห์ข้อมูลงบการเงินของหุ้นร่วม 1,000 ล้านชุดข้อมูล และมีการพิสูจน์ผลตอบแทนของอัลกอริทึมที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 12 ปี อย่าง Jitta Ranking Top 30 ที่ทำผลงานได้ดีมาก สามารถสร้างผลตอบแทนโดยรวมเฉลี่ยชนะตลาด 15.75% เทียบกับดัชนี 5.84%

ปี 2561 บริษัทได้รับอนุญาตจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ให้เป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (บลจ.) ซึ่งเป็น WealthTech รายแรกของประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีมาให้บริการและบริหารกองทุนส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าทั่วไป ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนเข้าถึงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวที่ดี ได้อย่างสะดวกสบาย และเป็นธรรมด้วยค่าธรรมเนียมต่ำ เพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น รวมถึงพยายามลดเงินลงทุนเริ่มต้นจากเดิมลงทุนขั้นต่ำที่ 1 ล้านบาทลงมาอยู่ที่ 10,000 บาท

ปัจจุบัน จิตตะ เวลธ์ บริหารกองทุนส่วนบุคคลจำนวนกว่า 65,000 บัญชีมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีแผนที่จะลดขั้นต่ำลงไปอีก เพื่อช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงการลงทุนที่ดีกว่าด้วยเทคโนโลยีได้มากยิ่งขึ้น

จิตตะ เวลธ์ ได้นำอัลกอริทึ่ม Jitta Ranking ที่ใช้ AI คัดเลือกหุ้นดีราคาถูกมากระจายความเสี่ยงจัดการลงทุนและปรับพอร์ตอัตโนมัติ ในหุ้นประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย อเมริกา เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นเหนือตลาดถึง 2 เท่าหลังวิกฤติ โดยเฉพาะ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ที่ทำผลตอบแทนแซงหน้าดัชนีไปเกือบเท่าตัว เฉลี่ย +40.83% ในขณะที่ S&P 500 ทำผลตอบแทนไปได้เพียง +24.73%

นอกจากนี้ จิตตะ เวลธ์ ยังเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะ ETF ที่เป็นการลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังเติบโตสูง เช่น ETF เซมิคอนดักเตอร์ เมตาเวิร์ส และไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เป็นต้น โดยมีเทคโนโลยี AI ในการบริหารจัดการเลือกและลงทุนอัตโนมัติที่เรียกว่า Thematic Optimize และยังมีแผนการลงทุน Global ETF ที่เน้นจัดพอร์ตกระจายในสินทรัพย์ทั่วโลกตามทฤษฎีรางวัลโนเบล Modern Portfolio Theory  เหมาะกับการลงทุนในทุกช่วงตลาด  และยังสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอตามระดับความเสี่ยงที่เลือกได้

ปัจจุบันคนไทยกำลังเผชิญวิกฤติด้านการเงิน จากข้อมูลการสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า คนไทยมีเงินออมไม่เพียงพอ ทั้งเงินออมที่ต้องใช้ในระยะสั้นภายใน 6 เดือน ที่มีไม่ถึง 1 ใน 4 และระยะยาวเกิน 6 เดือนที่มีเพียง 23% เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วในแถบเอเชียอย่างฮ่องกงที่มีถึง 55% ซึ่งการมีเงินออมไม่พอมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศและสังคมในภาพรวม เป็นตัวเร่งของหนี้ครัวเรือน และเพิ่มภาระในการเลี้ยงดูยามชรา

เปิดตัว Jitta Card แก้ปัญหาการใช้จ่ายเงิน

ตราวุทธิ์กล่าวว่า เพื่อปลดล็อกอุปสรรคใหญ่ของคนไทย บริษัทจึงได้พัฒนา Jitta Card มาแก้ปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน การไม่มีเงินออม และขาดความรู้ด้านการลงทุน รวมถึงการไม่มีวินัยที่ดีพอ Jitta Card จึงเป็นเทคโนโลยีการเงินปรากฏการณ์ใหม่ จ่าย-ออม-ลงทุน แบบไม่รู้ตัว ผู้ใช้งานสามารถใช้จ่ายเงินผ่านแอปหรือบัตร Visa Card ได้อย่างสะดวกสบายทั่วโลก ทุกการใช้จ่ายระบบจะเก็บเงินทอน (Round up) ไว้ในกระเป๋าเงินออมให้โดยอัตโนมัติ รวมถึงมีโบนัสเงินออมหรือ Cashback จากการช็อปออนไลน์กับร้านค้าที่เป็นพันธมิตรมากมาย ซึ่งเงินออมทั้งหมดจะถูกส่งต่อไปยังกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ผู้ใช้ได้เลือกนโยบายการลงทุนไว้ เป็นการจัดการเงินในชีวิตประจำวันที่ไม่ต้องฝืน ทำได้ทันที สร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ มีพอร์ตการลงทุนที่เติบโตในระยะยาวตั้งแต่เยาว์วัย เพื่อเป้าหมายสูงสุดให้คนไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต

Jitta Card (Beta) เปิดให้ทดสอบใช้งานแล้ว ผู้สนใจสามารถลงชื่อเพื่อขอใช้งานได้ที่ www.jittacard.com  

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 12 ปี จิตตะ ได้มีแคมเปญเพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีวินัยในการลงทุน นักลงทุนสามารถสะสมยอดการลงทุนเพื่อรับของที่ระลึกคอลเลคชันพิเศษ J12  ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2567 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/jittawealth

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ราคาทองคำจะถึง 40,000 บาท

Claude 3 ของ Anthropic AI โมเดล AI ที่ฉลาดที่สุด

มหัศจรรย์ “มังกรน้อย”

×

Share

ผู้เขียน