สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการ SMEs ในยุคโควิด-19 หลังจับมือ กรมสรรพากร ดันมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (มาตรการภาษี 200%) ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
พร้อมมีมติอนุมติหลักการให้ SMEs หักค่าใช้จ่ายที่จ่ายเป็นค่าซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือค่าใช้จ่ายการใช้บริการโปรแกรมบริการ จากผู้ประกอบการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานฯ เผยเตรียมพร้อมออกหลักเกณฑ์การรับขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึงผู้ให้บริการโปรแกรมบริการที่ต้องการเข้าสู่มาตรการฯ แล้ว
- นายกฯ รับมอบบริการโทรคมนาคม สำหรับ รพ.สนาม วงเงิน 200 ล้านบาทจาก กสทช.
- กลุ่มทรู ขยายสัญญาณ 5G ณ โรงพยาบาลบุษราคัม
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ …) พ.ศ. … (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล) เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล* จำนวนรวม 200%** ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) หรือค่าใช้จ่ายการใช้บริการโปรแกรมบริการ (Software as a Service: SaaS) ที่ผู้ใช้สามารถเรียกใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตได้ตามความต้องการใช้งาน จากผู้ประกอบการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
จากกรณีดังกล่าว ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า บูรณาการการทำงานกับ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ประกาศหลักเกณฑ์การรับขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และผู้ให้บริการโปรแกรมบริการที่ต้องการเข้าสู่มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
“ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความประสงค์จะนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์และโปรแกรมบริการที่ได้มาตรฐานมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พร้อมรองรับชีวิตวิถีใหม่ก่อนก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตและจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการโปรแกรมคอมพิวเตอร์และผู้ให้บริการโปรแกรมบริการเข้าสู่มาตรการฯและขึ้นทะเบียนกับดีป้าอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้เพิ่มขึ้น”
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการนำใบเสร็จมาลดหย่อนภาษีจะต้องเลือกใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือบริการโปรแกรมบริการจากผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับ ดีป้า เท่านั้น โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และผู้ให้บริการโปรแกรมบริการที่ขึ้นทะเบียนกับ ดีป้า ในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล (Digital Provider) และมีมาตรฐาน ISO29110 และ
CMMI จำนวนกว่า 100 ราย ซึ่งขณะนี้ยังเปิดรับผู้ประกอบการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และผู้ให้บริการโปรแกรมบริการที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ผ่านระบบฐานข้อมูลที่ www.depa.or.th/tax200
สำหรับประเภทและลักษณะของโปรแกรมคอมพิวเตอร์และโปรแกรมบริการที่สามารถใช้สิทธิได้ ประกอบด้วย
- ERP (โปรแกรมบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร)
- CRM (โปรแกรมบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า)
- POS (โปรแกรมบริการ ณ จุดขาย)
- MRP (โปรแกรมบริหารจัดการและวางแผนการผลิต)
- Account (โปรแกรมบัญชี)
- Personnel (โปรแกรมบริหารงานบุคคล)
- Logistics (โปรแกรมบริหารการขนส่ง)
- Inventory (โปรแกรมบริหารงานคลังสินค้า)
- Service Management System (โปรแกรมบริหารงานบริการ)
- AI Software (โปรแกรมที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์)
- Data Analytics (โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล)
- IoT System (ชุดโปรแกรมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง)
- Smart Farm (โปรแกรมบริหารจัดการฟาร์มอัจฉริยะ)
- e-Payment System (ชุดโปรแกรมชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์)
ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ได้ทาง www.depa.or.th/tax200