ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director KBTG แชร์สิ่งที่เข้าใจและเป็นมุมมองของทางบริษัท และเราจะดำเนินธุรกิจกันอย่างไรต่อไปดีในแง่มุมของการใช้ AI ภายใต้หัวข้อ AI Economy by AI Ecosystem, AI from one to millions จากงาน The Story Thailand Forum 2024 และนี่คือสรุปเนื้อหาของ Session นี้
ปีของ AI โดยแท้จริง
ทุกธุรกิจกระตือรือร้นในการเรียนรู้เรื่อง AI กันมากขึ้นทั้ง AI Strategy การเรียนรู้การใช้ AI หรือ Use Case การใช้งานต่าง ๆ แต่ Tool ตอนนี้ไปไวมาก ทั้งการดีไซน์ ออกแบบแคมเปญ การ Generate ต่าง ๆ ที่คนในองค์กรมักจะถามถึง Policy ในการใช้งานว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้
อย่าง Google เองก็ออกมาบอกแล้วว่า 50% ของ Code ที่ Google ใช้ ถูกทำโดย AI แล้ว Developer ควรจะปรับตัวยังไงในเรื่องการเรียนรู้หรืออัปสกิลควรทำอย่างไรต่อ
สถานการณ์ AI ในปัจจุบันในมุมมองของ KBTG
ตอนนี้คิดว่าเราอยู่ในช่วงของการเกิด General Purpose Technology หรือเทคโนโลยีอเนกประสงค์ที่ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวาง เข้ามาแทรกซึมผสานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ซึ่งจะเป็นตัวที่ก่อให้เกิดคลื่นการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยประกอบด้วย 3 Factors คือ
- Rapid Improvement
- Pervasiveness
- Complementary Innovation
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า AI มีโอกาสเป็น General Purpose Technology ได้ ซึ่งจะมีโอกาสทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาหลายเรื่อง
AI อาจจะมีอิมแพ็คกับ GDP
ถ้าเกิดเราอยากจะทำให้คนของเรามีความสุข มี Life Satisfaction การนำ AI เข้ามาใช้งานมีผล ซึ่งปัจจุบันของไทยกับจีนมีความใกล้เคียงกันในแง่ Life Satisfaction
เช็กก่อน AI Journey เราอยู่ในเกณฑ์ไหน
A: Apply Phase : เริ่มจากเริ่มหยิบ Use Case มาว่าเราจะใช้ AI เข้ามาช่วยธุรกิจยังไง ซึ่งเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำ AI ขึ้นมาเอง แต่อาจจะใช้ AI ที่มีอยู่แล้วในการประยุกต์ใช้ก่อน ยกตัวอย่าง ของ KBTG เราจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาชื่อว่า KBTG Lab ซึ่งจะช่วยดูว่าเทคโนโลยีไหนที่จะช่วยองค์กรได้, หา Use Case ที่จะเข้าไปช่วยแก้ไข, ทำ Value ให้เกิดขึ้นและวัดผลได้
B: Build Phase : เช่น การทำ Model inhouse มีการทำ AI Operation มีทีม Research เข้ามา รวมถึงหา User มาช่วย Test เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น เราทำพาร์ทเนอร์ และการจ้าง Tech Talent เข้ามาเพื่อพัฒนา AI จริง เช่น การทำ Kampus Co-Research ร่วมกับทางมหาวิทยาลัยต่างๆ, ทำ KBTG Chatbot ในการใช้ AI ในการตอบลูกค้า ช่วยเซฟเวลาของลูกค้าได้ถึง 300,000 ชั่วโมง และเซฟ Cost ได้ประมาณ 130 MB ต่อปี
ซึ่งการสร้าง AI จะมีความยากเหมือนกับการสร้างซอฟต์แวร์ และถ้าต้อง Maintain การใช้งานก็จำเป็นต้องมีการคิดและออกแบบให้ดีก่อน รวมถึงอาจจะต้องมีทีมที่ดูแลโดยเฉพาะ
C: Commercialize : ต้องมั่นใจว่า AI มีศักยภาพมากพอที่ User จะใช้งาน ซึ่งมีทีมงานใหม่เข้ามาเพื่อพูดในเชิง Business มากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ Product ที่ทำจาก AI ให้เติบโตต่อไปได้ ยกตัวอย่างเช่น KX, KXVC ของ KBTG
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สรุปจาก สมคิด จิรานันตรัตน์ ในหัวข้อ THE NEXT CHAPTER OF THE DIGITAL TRANSFORMATION FOR THAILAND