กสิกรไทยประกาศความสำเร็จในการทำธุรกรรม “สัญญาล่วงหน้าอ้างอิงคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Forward)” ที่ใช้มาตรฐานสากล Verra เป็นครั้งแรกของประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่ไม่ได้เป็นเพียงการตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำ แต่คือการสร้างเครื่องมือทางการเงินชิ้นสำคัญที่จะเข้ามาแก้ปัญหา “ความผันผวนของราคา” ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ของตลาดคาร์บอนเครดิตไทยมาโดยตลอด
ในขณะที่ภาคธุรกิจทั่วโลกต่างมุ่งหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ความต้องการ “คาร์บอนเครดิต” เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ปัญหาหลักที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญคือความไม่แน่นอนของราคาคาร์บอนเครดิตในอนาคต ทำให้การวางแผนงบประมาณและการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศเป็นไปได้ยาก
ธนาคารกสิกรไทยได้เข้ามาตอบโจทย์ความท้าทายนี้ ด้วยการริเริ่มทำธุรกรรม Carbon Credit Forward ซึ่งเปรียบเสมือนการ “ล็อกราคา” ซื้อขายคาร์บอนเครดิตไว้ล่วงหน้า ทำให้ธนาคารสามารถวางแผนการเงินและบริหารจัดการต้นทุนในการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ของตนเองภายในปี พ.ศ. 2573 ได้อย่างแม่นยำ
ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า นวัตกรรมทางการเงินนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์แค่กับผู้ซื้อเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีโดยตรงไปยังผู้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกในฝั่งของผู้ขายด้วย
“การมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่แน่นอน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้พัฒนาโครงการฯ ทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าจะมีผู้รับซื้อผลผลิต (คาร์บอนเครดิต) ในราคาที่ตกลงกันไว้ ทำให้สามารถระดมทุนเพื่อขยายโครงการต่อไปได้ง่ายขึ้น” ดร.กรินท ร์กล่าว
ธุรกรรมครั้งประวัติศาสตร์นี้ อ้างอิงคาร์บอนเครดิตมาตรฐาน Verified Carbon Standard (VCS) ที่ได้รับการรับรองจาก Verra ซึ่งเป็นองค์กรผู้กำหนดมาตรฐานคาร์บอนเครดิตในตลาดภาคสมัครใจที่ใหญ่และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก การเลือกใช้มาตรฐานสากลนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณสำคัญในการยกระดับตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยให้มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใสเทียบเท่าระดับนานาชาติ
ความสำเร็จของกสิกรไทยครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การซื้อขายคาร์บอนเครดิต แต่เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่อสร้าง “ระบบนิเวศคาร์บอนเครดิต” (Carbon Credit Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง โดยธนาคารและบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินพร้อมจะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้ ทั้งในด้านการเข้าถึงตลาดสากล การบริหารความเสี่ยง และการจัดการด้านบัญชีและภาษี ไปต่อยอดเป็นบริการให้คำปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศแบบครบวงจรแก่ลูกค้าองค์กรต่อไป
ก้าวสำคัญนี้จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยเร่งการเติบโตของตลาดคาร์บอนเครดิตไทย ปูทางให้การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเกิดขึ้นได้จริง สร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งในมิติของภาคธุรกิจที่สามารถวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในมิติของสิ่งแวดล้อมที่ได้รับประโยชน์จากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มมากขึ้น
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
สวทช. เปิดโผ 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง 2568 ชู AI-การแพทย์-พลังงานสะอาด
จาก ‘เงินโง่’ สู่ ‘พาร์ตเนอร์โตไว’ ส่องวิธีคิด CVC ยุคใหม่แบบ SCB 10X
กรุงศรี-MUFG ร่วมขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางความยั่งยืนแห่งเอเชีย