ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การดูแลตัวเองไม่ได้จำกัดอยู่แค่การบำรุงผิวให้สวยงามอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เช่น Gen Z และ Millennials ปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องการสินค้าที่โปร่งใส น่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“จากผลสำรวจพบว่า 88% ของผู้บริโภคชาวไทยต้องการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นี่จึงเป็นแรงผลักดันให้ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของนีเวีย เรามองว่าความยั่งยืน ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นความรับผิดชอบที่เรายึดมั่น” เภสัชกรหญิงวราพร ลิขิตจรรยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ ประเทศไทยกล่าว
ไบเออร์สด๊อรฟ ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกอย่าง นีเวีย และยูเซอรินที่วางจำหน่ายในประเทศไทย
การดูแลผิวที่ใส่ใจโลก
นีเวีย ผู้นำตลาดดูแลผิวในประเทศไทยตั้งเป้าหมายเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 90% ภายในปี 2588
วราพร เล่าให้ฟังว่า นีเวียเริ่มต้นจากการปฏิวัติกระบวนการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ตัวอย่างที่ชัดเจน คือการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากไมโครพลาสติก 100% โดยเลือกใช้ส่วนผสมที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อแนวปะการังในผลิตภัณฑ์กันแดด นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ยั่งยืน ไปจนถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นของนีเวีย คือการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Deodorant) ซึ่งมียอดขายสูงถึง 50 ล้านขวดต่อปี นีเวียได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกที่อาจไปจบลงในหลุมฝังกลบหรือมหาสมุทร
“การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เหล่านี้ ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งต่อความรับผิดชอบไปยังผู้บริโภคให้มีส่วนร่วมในการรักษ์โลก” วราพรกล่าว
ในส่วนของกระบวนการผลิต นีเวียยังมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต โดยโรงงานผลิตที่บางพลีของนีเวียในประเทศไทย ได้นำพลังงานหมุนเวียนจากโซลาร์ฟาร์มมาใช้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนไม่ได้หยุดอยู่แค่ตัวสินค้า แต่ครอบคลุมไปถึงทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิต
มูลค่าตลาดสูงถึง 4.7 หมื่นล้านบาท
ข้อมูลจากวราพร ระบุว่า ตลาดสกินแคร์และเพอร์ซันนัลแคร์ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2567 มีอัตราการเติบโต 13% ต่อปี ด้วยมูลค่าตลาดที่สูงถึง 47,650 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น สกินแคร์ 80% และเพอร์ซันนัลแคร์ 20% และคาดการณ์ว่าตลาดสกินแคร์ยังคงโตต่อเนื่อง สิ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดโต คือการมีแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในตลาดมากขึ้น ซึ่งปีนี้นีเวียตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ตัวเลข 2 หลัก
สำหรับเทรนด์ของการดูแลผิวในปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองการดูแลผิวมากกว่าการบำรุงพื้นฐาน แต่เป็นตัวแทนของความมั่นใจ บุคลิกภาพ และการแสดงออกถึงตัวตน จึงมีการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากขึ้น
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ฐานลูกค้าหลักของนีเวียเป็นกลุ่ม First Jobbers หรือ กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้นและก้าวเข้ามาสู่ช่วงของการทำงานเป็นครั้งแรก แต่ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากขึ้น ปีนี้ทางแบรนด์จึงเดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ Gen Z
ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
“ผู้บริโภคมองหาสกินแคร์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา มองหาเทคโนโลยีตัวใหม่ (ที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์) ที่ก้าวล้ำไปกว่าเดิม และเป็นสิ่งที่ใช้แล้วเข้าได้กับผิวของเรา” วราพรกล่าว
นีเวีย เข้าใจความเปลี่ยนแปลงนี้ จึงต้องการตอกย้ำแนวคิด “NIVEA is for Skin” เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เพียงดูแลเพื่อความงาม แต่ยังใส่ใจถึงสุขภาพผิว การแสดงตัวตน และสิ่งแวดล้อมด้วยศูนย์วิจัยระดับโลกและความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง สร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำงานกับผิวตามธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนโครงสร้างผิว แต่ช่วยให้ผิวเผยศักยภาพที่ดีที่สุด
ในปีนี้ นีเวียยังได้เปิดตัว Friends of NIVEA ซึ่งเป็นศิลปิน อาทิ เทศน์ ไมรอน, โฟร์ท ณัฐวรรธน์, 4EVE, วง LYKN, หลิงหลิง ศิริลักษณ์, ออม กรณ์นภัส และ เจฟ ซาเตอร์ เพื่อช่วยดึงลูกค้ากลุ่มนิวเจน แนวคิดของ Friends of NIVEA เริ่มจากการที่ทางแบรนด์พบว่าผิวของแต่ละคนมีความต้องการแตกต่างกันมาก ฐานของกลุ่มเป้าหมายก็มีความกว้างมากขึ้น จึงมีการเลือกใช้ตัวแทนที่จะเล่าเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
จาก ‘ลมนิ่ง’ ถึง ‘นิวเคลียร์’ : ราช กรุ๊ป เดินหน้าพลังงานสะอาด สู่เป้า Net Zero
DHL ขับเคลื่อนแผน “Strategy 2030” รับเทรนด์โลก หนุนไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน
ทีทีบี ปักหมุดปี 68 ชู ‘ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง’ มุ่งช่วยลูกค้าปลดหนี้