Share on
×

Share

Kahoot! ยอดใช้งานทะลุ 1.1 หมื่นล้านครั้ง เดินหน้ายกระดับการเรียนรู้

ในช่วงเวลาที่ระบบการศึกษาเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการขาดแคลนครู ปัญหาความสนใจของนักเรียน ไปจนถึงภาระงานสอนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมจึงกลายเป็นแนวทางหนึ่งที่หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญ Kahoot! ในฐานะแพลตฟอร์มระดับโลกที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 11,000 ล้านครั้ง กำลังขยายบทบาทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย เพื่อสนับสนุนครู นักเรียน และองค์กร ให้สามารถออกแบบการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สนุก และตอบโจทย์เป้าหมายทางการศึกษาได้ พร้อมยกระดับ Learning Outcome ด้วยเทคโนโลยี AI และเกม

ภาพรวมธุรกิจ Kahoot ปี 2025

อาเธอร์รัม อุดดิน (Ahteram Uddin) รองประธานฝ่ายพาณิชย์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Kahoot! กล่าวว่า Kahoo! เปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2013 และได้รับความสำเร็จอย่างทันทีทันใดไปทั่วโลก ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมหรือผู้ใช้งานทั้งหมด 11,000 ล้านคน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับครูผู้สอนและบุคลากรในที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งผู้คนในแวดวงสังคมต่าง ๆ ในการออกแบบและจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชิงตอบโต้ ที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ ด้วยการนำเกมประเภทและรูปแบบต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ เช่น โรงเรียน องค์กร และที่บ้าน นอกจากนี้นักเรียนและผู้เข้าร่วมที่มีประสบการณ์ในการใช้ Kahoot! ทุกคนสามารถร่วมเรียนรู้ผ่านคำถาม การร่วมคิดร่วมกัน และการตอบโต้เชิงดึงดูดมากขึ้น

ปัจจุบัน Kahoot! เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการใช้งานถึง 21 ภาษา รวมถึงภาษาไทย โดยในแต่ละปีมีผู้ใช้งานมากกว่า 1.6 พันล้านคนทั่วโลก หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งาน Kahoot! อย่างแข็งแกร่ง

Kahoot! เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ให้น่าสนุก น่าสนใจสำหรับทุกคน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
1. กลุ่มทำงานและองค์กร Kahoot! มีโซลูชันครบพร้อมสำหรับการฝึกอบรม Upskill และ Reskill พนักงานและการสื่อสารภายในองค์กร
2. กลุ่มโรงเรียน Kahoot! นับว่าเป็นจุดสนใจหลักอย่างมากสำหรับกลุ่มของคุณครูและอาจารย์ทั่วโลก มีผู้ใช้งานสูงกว่า 8,000,000 คน
3. กลุ่มการเรียนรู้ที่บ้าน Kahoot! เป็นเครื่องมือสำหรับนักเรียนและผู้ปกครองในการเรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหรือสังคมต่าง ๆ ของเด็ก ๆ กับที่บ้าน ซึ่ง Kahoot! มีคอนเทนต์เกี่ยวกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ยกตัวอย่างเช่น ดิสนีย์ หรือเฮลโลคิตตี และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมาย

ทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

Kahoot! กำลังขยายธุรกิจอย่างแข็งขันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการเข้าถึงที่ง่ายผ่านเวอร์ชันฟรีสำหรับครูนักเรียน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาด ในปีที่ผ่านมา Kahoot! ได้เพิ่มการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ซึ่งถือเป็นภูมิภาคสำคัญในแผนการขยายตัวของบริษัท

สำหรับปี 2025 Kahoot! มีแผนการเติบโตในระดับ APAC และ Southeast Asia อย่างต่อเนื่อง โดย อาเธอร์รัม อุดดิน กำลังสร้างและขยายทีมงานในระดับภูมิภาค ซึ่งมีฐานอยู่ที่สิงคโปร์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ Kahoot! ในตลาดเอเชียแปซิฟิก

ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในประเทศหลักที่ Kahoot! ให้ความสำคัญ เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 24 ล้านคนภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มคุณครู นักเรียน และกลุ่มคนทำงานที่ให้ความสำคัญกับ Learning Engagement หรือการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้

นอกจากนี้ ยังมีการใช้งานแพลตฟอร์ม Kahoot! เพิ่มขึ้นในภาคองค์กร โดยเฉพาะในฝ่ายทรัพยากรบุคคล ที่นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการ Upskill และ Reskill รวมถึงกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปบนโซเชียลมีเดียที่หันมาใช้ Kahoot! เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้และสร้างปฏิสัมพันธ์มากขึ้น

“มั่นใจว่า Kahoot! จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้การเรียนรู้ในประเทศไทยดียิ่งขึ้นและพัฒนายิ่งขึ้นไป” อาเธอร์รัม อุดดิน ทิ้งท้าย

เมย์รา โคโปเนน ผู้จัดการการออกแบบการเรียนรู้ของ Kahoot! กล่าวถึง ประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีและการใช้กลไกเกมเข้ามาเสริมการเรียนรู้และการศึกษา

เทรนด์เกี่ยวกับการเรียนการสอนหรือการใช้ AI ในโลกปัจจุบัน

เทรนด์ที่เป็นส่วนสำคัญของโลกปัจจุบัน คือ เทรนด์ด้านการศึกษา เรียกได้ว่าวงการศึกษาคุณครูเริ่มขาดแคลนและมีภาวะหมดไฟ และนักเรียน นักศึกษา มีอุปสรรคในการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน หรือแม้กระทั่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเรียนการสอนในประเทศไทย

เทรนด์รองลงมา คือ AI และเกม เรียกได้ว่าอาจไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์แต่อย่างเดียว ทุกคนต้องนำมาใช้และมองเป็นเครื่องมือในการเพิ่มความท้าทายของการเรียนรู้ภายในห้องเรียน เมื่อมองจากเทรนด์ ดังนั้นจึงอยากนำแพลตฟอร์ม Kahoot! เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนและช่วยส่งเสริมคุณครู นักเรียน ร่วมกันปรับตัวและสนุกไปกับการเรียนรู้

ปัจจุบันปัญหาการขาดแคลนคุณครูถือเป็นความท้าทายที่เร่งด่วนกับระบบการศึกษาทั่วโลก โดยมีสาเหตุหลัก คือ ภาวะหมดไฟ หมายถึง มีขวัญกำลังใจตกต่ำ และอัตราการลาออกของคุณครูอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมาก จากผลสำรวจของ Kahoot! ที่ศึกษามาพบว่า UN ได้ออกมาเตือนถึงวิกฤตินี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ระหว่างปี 2015 ถึง ปี 2022 ว่าอัตราการลาออกของคุณครูปฐมศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นเกือบสองเท่า โดย 9% ของคุณครูใหม่ลาออกภายใน 5 ปีแรก และคาดการณ์ว่าในปี 2030 โรงเรียนมัธยมจะต้องการคุณครูใหม่มากถึง 70% เนื่องจากคุณครูรุ่นเดิมเกษียณอายุ และลาออกตามสถิติของตัวเลขที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

สาเหตุหลักของปัญหานี้เกิดจากอาชีพของคุณครูไม่ได้รับนับถือเหมือนในอดีต และยังถูกมองว่าเป็นอาชีพที่มีความเครียดสูง ค่าตอบแทนต่ำ สถานการณ์นี้ส่งผลให้จำนวนผู้สมัครเรียนเป็นคุณครูลดลงอย่างต่อเนื่อง และอาจจะนำไปสู่การขาดแคลนคุณครูที่มีคุณภาพในที่สุด ปัจจุบันหลายโรงเรียนต้องยอมรับครูที่สมัครเข้ามาโดยไม่ได้พิจารณาคุณวุฒิอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ในขณะที่อีกปัจจัยหนึ่งคือ นักเรียน ที่มีปัจจัยที่ส่งผลต่อการขาดเรียน และไม่สนใจการเรียนของนักเรียน ซึ่งเป็นวิกฤติทางสภาวะทางจิตของนักเรียนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

ประเทศไทยคาดการณ์ว่าเด็กอายุ 10-19 ปี 1 ใน 7 คนมีปัญหาทางสุขภาพจิตโดย 1 ใน 5 ของนักเรียนรายงานว่าตนเองมีความรู้สึกเหงาเมื่ออยู่ที่โรงเรียนและอาจถูกกีดกัน ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เพียงแค่ความท้าทายทางอารมณ์เท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อความสามารถของนักเรียนในการจดจ่อ การมีอะไรดึงดูดใจและประสบความสำเร็จในการเรียน โดยเมื่อนักเรียนรู้สึกโดดเดี่ยว ส่งผลให้การเรียนรู้ยากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น หากต้องการสนับสนุนการเรียนรู้ที่แท้จริง จำเป็นต้องใส่ใจในสุขภาพจิตของนักเรียนควบคู่ไปด้วย

Kahoot! สามารถสนับสนุนทั้งคุณครูและนักเรียนได้อย่างไร?

หากพูดในส่วนของคุณครู Kahoot! จะสามารถช่วยประหยัดเวลาเนื่องด้วยภายในแพลตฟอร์มมี AI ช่วยจัดการด้านคอนเทนต์การเรียนการสอน และประมวลผลออกมาเป็นรีพอร์ตที่พร้อมใช้งาน ทั้งนี้หากพูดในส่วนของการสนับสนุนนักเรียน จะสามารถมองเห็นผลการเรียนได้อย่างชัดเจน

จุดแข็งของ Kahoot! คือการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงให้กับผู้เรียน และมีการสร้างการแข่งขันในเชิงบวก การเรียนรู้แบบการร่วมมือกัน มีความสนุกสนาน เพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ และช่วยลดความกังวลของผู้เรียนได้อย่างมีนัยสำคัญทั้งนี้ยังมีวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพนี้ได้อย่างชัดเจน

จากการศึกษาในงานวิจัยกว่า 150 ชิ้น พบว่าการใช้ Kahoot! ในชั้นเรียนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนของนักเรียนได้อย่างมีนัยสำคัญถึง 0.72 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งเทียบเท่ากับการปรับเกรดขึ้นถึง 1 ระดับเต็มในการทดสอบ

AI Creator เครื่องมือช่วยครูออกแบบบทเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านฟีเจอร์การใช้งานที่เป็นรูปแบบของนามธรรม Kahoot! ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI Creator สำหรับคุณครูโดยเฉพาะ ซึ่งคุณครูสามารถสร้างบทเรียนใหม่หรือพัฒนาจากเนื้อหาบทเรียนที่มีอยู่แล้วได้ภายในไม่กี่นาที โดยเป้าหมายนี้ไม่ใช่การแทนที่คุณครูแต่อย่างใด แต่เป็นการช่วยให้คุณครูมีเวลามากขึ้นเพื่อให้สามารถโฟกัสในส่วนสำคัญของการสอนที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอย่างอื่นเข้ามาทดแทนได้ นั่นก็คือ การสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียน การให้คำแนะนำในเชิงลึก และการส่งเสริมพัฒนาการของผู้เรียนของแต่ละบุคคล

Kahoot! มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเนื้อหาการเรียนรู้ที่เชื่อถือได้และเข้าถึงง่ายสำหรับนักเรียนทุกคน โดยร่วมมือกับพันธมิตรด้านเนื้อหาชั้นนำมากมายหนึ่งในนั้น คือ วิกิพีเดีย ที่ไม่เพียงนำเสนอเนื้อหาสำเร็จรูปให้กับคุณครูแต่ยังประสานงานร่วมกับวิกิพีเดียให้เข้ากันกับระบบ AI Creator ของ Kahoot! ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่สามารถเชื่อถือได้ นั่นหมายความว่า เมื่อคุณครูใช้ AI ในการสร้างบทเรียนจะสามารถมั่นใจได้ว่าเนื้อหาต้นทางนั้นได้รับการตรวจสอบและมีความน่าเชื่อถือ โดย Kahoot! ตั้งปณิธานที่จะมอบทรัพยากรการเรียนรู้คุณภาพสูงที่โปร่งใสและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

ในส่วนของการใช้ AI กับนักเรียน Kahoot! ได้ใช้แนวทางการเสริมสร้างไม่ใช่การแทนที่กระบวนการคิดของนักเรียนเอง ด้วยเครื่องมืออย่างเช่น AI Creator ที่จะเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถสแกนโน้ตส่วนตัว สร้างแฟลชการ์ด หรือ Kahoot! สำหรับทบทวนบทเรียนได้ทันทีและยังมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาการเรียนของตนเองได้ด้วย

“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่ช่วยให้นักเรียนสอบผ่านได้ในครั้งถัดไป แต่มันคือการเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิต นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราสนับสนุนการพัฒนานิสัยการเรียนรู้ที่เข้มแข็งและเป็นอิสระของนักเรียนผ่านระบบติดตามความก้าวหน้าที่ช่วยให้นักเรียนเห็นพัฒนาการของตนเอง การใช้เทคนิคการทบทวนแบบ Active Recall เพื่อเสริมสร้างความจำระยะยาว และการมีกลุ่มเรียนรู้ออนไลน์ที่ส่งผลการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างเพื่อนด้วยกัน เพราะหัวใจของการเป็นผู้เรียนตลอดชีวิตอยู่ที่การรู้วิธีเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่นอกห้องเรียนแล้วก็ตาม” เมย์รา โคโปเนน กล่าว

สุดท้ายนี้ เชื่อว่านักเรียนทุกคนสมควรที่จะได้รับโอกาสที่จะรู้สึกว่ามีตัวตน ได้รับการรับฟัง และประสบความสำเร็จ Kahoot! ช่วยสร้างห้องเรียนที่นักเรียนจะสามารถร่วมมือกันเรียนรู้และเฉลิมฉลองความสำเร็จไปด้วยกันได้ผ่านฟีเจอร์ Kahoot! เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เปล่งประกายร่วมกันสร้างการเรียนรู้ที่สะท้อนเส้นทางการเติบโตไปตลอดทั้งปี

การศึกษาในยุคนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายก็จริง แต่ในทุกวิกฤติก็ยังมีโอกาสแฝงอยู่ Kahoot! มุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาด้วยการช่วยให้คุณครูสามารถสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ให้กับนักเรียน

“อนาคตของการศึกษาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การเชื่อมโยงมนุษย์เข้าด้วยกัน และเราภูมิใจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เมย์รา โคโปเนน ทิ้งท้าย

ภญ.ผศ.ดร.กรัณฑ์รัตน์ ทิวถนอม อาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมแชร์ประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการใช้ Kahoot! ในการเรียนการสอนและการวิจัยของนักศึกษา “ผู้ซึ่งนำ Kahoot! มาใช้ในการสอนอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 9 ปี”

“จริง ๆ ใช้ Kahoot! ตั้งแต่ปี 2016 แต่มีการเก็บศึกษาข้อมูลและตีพิมพ์เมื่อปี 2019 ปัญหาเกิดขึ้นจากการคิดว่าเนื้อหามีความยากและเด็กไม่ค่อยสนใจเรียนจึงนำ Kahoot! เข้ามาช่วยนักเรียนชั้นปี 1 และชั้นปีที่ 4”

รูปแบบการใช้ Kahoot! จะเป็นแบบฝึกหัดให้เด็กได้ลองทำ และวัดผลลัพธ์การเรียนรู้ทั้ง 8 มิติ ประกอบไปด้วย การคำนวณ เนื้อหา การทำงานร่วมกัน ความคิดเชิงวิพากษ์ ความรู้ทางตัวเลข และมีการทดสอบก่อน – หลังเรียน ซึ่งพบว่า คะแนนของเด็กเพิ่มมากขึ้นจากเดิม โดยมีการศึกษาถึงสองรุ่นด้วยกัน เนื่องจากต้องการทราบว่าผลลัพธ์นี้มีความยั่งยืนมากน้อยเพียงใด ซึ่งต่างค้นพบว่า มีผลตอบรับที่ดีเหมือนกันทั้งสองรุ่น

รายละเอียดฟังก์ชันจะมีการให้ทำแบบฝึกหัด แบบทดสอบ และมีการเช็คชื่อ นอกจากนี้ยังพบว่า เด็ก ๆ เริ่มนำ Kahoot! ไปช่วยกันติว ส่งผลให้ได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น ซึ่งดูได้จากคะแนนแบบทดสอบที่เด็ก ๆ สามารถทำคะแนนได้เยอะขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ เนื่องจากคลาสมีจำนวนกว่า 200 คน จึงตัดสินใจใช้เวอร์ชันแบบ Subscription เพื่อให้เด็กได้สนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น

คิดว่าจุดเด่นของ Kahoot! คือ การเข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยาก เพียงมีมือถือก็สามารถเข้าร่วมเกมของ Kahoot! ได้แล้ว และผู้เรียนมีส่วนร่วมมากขึ้นเนื่องด้วยแอนิเมชัน และซาวด์ที่น่าสนใจภายในเกมที่กระตุ้นให้ผู้เล่น

“หากองค์กรมีงบประมาณและสนใจนำ Kahoot! ไปใช้ในการเรียนการสอน แนะนำให้เลือกแบบ Subscription เพราะจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของนักศึกษาได้มากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลายและดึงดูดกว่า แต่หากยังไม่แน่ใจ อาจเริ่มจากเวอร์ชันฟรีเพื่อทดลองกับกลุ่มเล็ก ๆ ก่อนก็ได้ ซึ่งก็ถือว่ามีประโยชน์เช่นกัน อยากให้ทุกคนลองนำไปใช้ดู” ภญ.ผศ.ดร.กรัณฑ์รัตน์ ทิวถนอม ทิ้งท้าย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

จาก ‘เด็กไทยไม่กินหวาน’ สู่ ‘ป้ายกำกับจำนวนแคลอรี่’ ตัวช่วยคนปกติและผู้ป่วยคำนวณปริมาณการบริโภค

SAF ทางรอดการบินยั่งยืน: แอร์บัสชี้ศักยภาพไทย ศูนย์กลางผลิตป้อนตลาดโลก

×

Share

ผู้เขียน