Share on
×

Share

KBTG Labs ตั้งเป้าการเป็น Research PowerHouse นำธงวิจัยพัฒนานวัตกรรม AI สู่ตลาด

ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย ที่เล็งเห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด (KBTG) เพื่อส่งเสริมการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี การทดลองต้นแบบและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้ด้วยตัวเอง อันจะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อการยกระดับระบบการทำงานของธนาคาร และรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ที่เท่าทันต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

“KBTG Labs” หนึ่งกำลังหลักของ KBTG ซึ่งรับผิดชอบพันธกิจสำคัญในการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีไอทีต่าง ๆ อาทิ วิทยาการข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แมชชีนเลิร์นนิ่ง เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เป็นต้น นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ธุรกิจการเงินของธนาคาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เป้าหมายสู่ Research PowerHouse  

ดร.ธีรัช ศักดิ์เดชยนต์ Senior Research Engineer (Head of Computer Vision), KBTG Labs

ดร.ธีรัช ศักดิ์เดชยนต์ Senior Research Engineer (Head of Computer Vision), KBTG Labs กล่าวถึงเป้าหมายของ KBTG Labs ที่ต้องการเป็น “Research Powerhouse” ให้กับ KBTG ซึ่งการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ

  1. Connection – การทำงานเชื่อมโยงกับลูกค้าและภาคธุรกิจ เพื่อเข้าถึงความต้องการและเพนพอยต์ที่แท้จริงให้มากที่สุด นำมาพัฒนาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้จริง 
  2. Experiment – เพราะการทดลองเป็นจุดเริ่มต้นของงานวิจัยและนวัตกรรมต่าง ๆ จึงต้องริเริ่มการทดลองให้บ่อยขึ้น และต้องดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  3. Ecosystem – การจัดระบบอีโคซิสเท็มที่พร้อมต่อการส่งต่อผลิตภัณฑ์ซึ่งพัฒนาโดย KBTG Labs สู่การใช้งาน รวมทั้งพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์สู่ตลาดภายนอกได้ โดยเป็นการทำงานร่วมกันกับบริษัท กสิกร เอกซ์ เวนเจอร์ แคปิทัล (KXVC) ที่เข้ามาดูแลด้านการลงทุน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

KBTG พัฒนา Face Liveness Detection คว้ารางวัลนวัตกรรมการเงินยอดเยี่ยมจาก Global Finance 

ต่อเนื่องเรื่องวิจัยพัฒนานวัตกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

KBTG Labs ได้สร้างผลงานทางเทคโนโลยีที่เป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิผลต่อธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย บริษัทในเครือ ลูกค้า คู่ค้า ภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 หมวดหมู่ 

หมวดหมู่แรก มุ่งเน้น การนำข้อมูลและเอไอไปประยุกต์ใช้งาน จนเกิดผลสำเร็จเป็นยูสเคสต่าง ๆ มากมาย อาทิ “เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิชัน (Computer Vision)” ในการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งมีการขยายผลผ่านความร่วมมือกับบริษัท กสิกร เอ็กซ์ (KX) ในการพัฒนาต่อยอดสู่การจำหน่ายเชิงพาณิชย์ “เทคโนโลยีการตรวจสอบสภาพรถ (Car Inspection AI)” สำหรับธุรกิจประกันรถยนต์ ที่มีความถูกต้องและตรงตามมาตรฐานมากขึ้น “เทคโนโลยีการประมวลผลทางภาษา” ที่นำไปประยุกต์ใช้งานในหน่วยงานคอลล์เซ็นเตอร์ ทำให้พนักงานสามารถสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลภายในของบริษัท เพื่อตอบคำถามลูกค้าได้ถูกต้องรวดเร็ว หรือการสอบถามข้อมูลผ่านช่องทางบริการอื่น ๆ ของธนาคาร เช่น KBank Live และรวมถึงการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ชื่อว่า ทะเล (THaLLE) ซึ่งพัฒนาขึ้นเองเพื่อใช้ในการตอบความรู้ด้านการเงินของธนาคาร

นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมการทำงานที่เกี่ยวข้องกับวิทยาการข้อมูล (Data Science) โดยเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานธุรกิจในการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นลูกค้าของธนาคาร เพื่อเลือกนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการที่น่าจะตรงกับความต้องการของลูกค้า แทนการหว่านหรือระดมส่งข้อมูลทุกอย่างจนกลายเป็นการสร้างความรำคาญ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินราคาสินเชื่อ ข้อมูลคะแนนความน่าเชื่อถือด้านการเงิน (Credit Score) เพื่อประเมินความสามารถในการชำระคืนสินเชื่อ เป็นต้น

หมวดหมู่ที่ 2 เน้น งานวิจัยพัฒนาและการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ซึ่งต่อเนื่องมาจากการพัฒนาข้อมูลหรือเอไอ การทดลองและนำไปประยุกต์ใช้ การพัฒนาปรับปรุงวิธีการและเทคนิคใหม่ ๆ เพิ่มเติมเมื่อพบข้อบกพร่องหรือช่องโหว่จากการใช้งาน องค์ความรู้เหล่านี้จะถูกเรียบเรียงเป็นผลงานทางวิชาการ ตีพิมพ์เผยแพร่ในงานประชุม งานอีเวนต์ หรือวารสารระดับนานาชาติ โดยที่ผ่านมามีการตีพิมพ์เผยแพร่ไปแล้วรวม 30 ฉบับ

หมวดหมู่ที่ 3 การพัฒนานวัตกรรม โดยบางนวัตกรรมเป็นผลงานที่สร้างขึ้นใน KBTG Labs เอง เช่น แอปพลิเคชัน “Make by KBank” ผู้ช่วยในการจัดการด้านการเงิน “ขุนทอง” เหรัญญิกช่วยเรียกเก็บเงินในกลุ่มไลน์ “เหมียวจด (MeowJot)” แอปพลิเคชันในการจดบันทึกรายจ่ายโดยอัตโนมัติ

แข็งแกร่งด้วยทาเลนต์องค์ความรู้และกระบวนการพัฒนาแบบเอนด์ทูเอนด์

“จุดแข็งข้อแรก คือ Talent เรามีคนเก่งจากที่ต่าง ๆ ทุกมุมโลกมารวมกันที่นี่ โดยเราพร้อมสนับสนุนและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ จุดแข็งข้อที่สอง คือ Collaboration ในการร่วมมือกับหน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำองค์ความรู้ที่ก้าวหน้ามาประยุกต์ใช้ และสุดท้าย คือ การสร้างกระบวนการพัฒนาแบบ End to End Process เริ่มต้นตั้งแต่การทำวิจัยและพัฒนาทางเทคโนโลยี (Research & Technology) การออกแบบนวัตกรรมโดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้า (User Experience) ไปจนจบขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดทำแผนธุรกิจ (Products & Business Development) เพื่อผลักดันออกสู่ตลาดการค้าในที่สุด” ดร.กีรติ เทอดนิธิ Senior Data Scientist, KBTG Labs กล่าว

ดร.กีรติ เทอดนิธิ Senior Data Scientist, KBTG Labs

เมื่อลงลึกถึงรายละเอียดการทำงานของแต่ละทีม ในส่วนของทีมงานด้านข้อมูลและเอไอ ประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) วิศวกรวิจัยและพัฒนา (Research Engineer) และวิศวกรพัฒนาแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine Learning Engineer) ทั้ง 3 ฝ่ายจะมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและสร้างโมเดลเอไอใหม่ ๆ การฝึกสอนโมเดลเอไอให้มีประสิทธิภาพที่ดี และนำโมเดลเอไอไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์การใช้งานทางธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยทีมงานเฉพาะด้านการพัฒนานวัตกรรม โดยมีผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม (Innovation Product Manager) เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการเก็บความต้องการจากฝั่งธุรกิจ ทำหน้าที่กำหนดแผนงานร่วมกับทีมวิศวกรพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการ (Innovation Engineer) และทีม Beacon Interface ทีมออกแบบหน้าตาของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเก็บความต้องการและเพนพอยต์จากฝั่งลูกค้า ทำการวิจัยเพื่อออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ และการเชื่อมต่อการทำงาน (UX/UI) เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

“ภูมิหลังของบุคลากรที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งผู้ที่จบตรงทางสายวิทยาการคอมพิวเตอร์ สาขาใกล้เคียง เช่น วิศวกรรมไฟฟ้า คณิตศาสตร์ สถิติ หรือกระทั่งสาขาที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น วิศวกรรมปิโตรเลียม” ดร.ธีรัช กล่าวเสริม

Human-First AI-First คนคู่เอไอเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เทคโนโลยีเอไอเป็นสิ่งที่ KBTG Labs ให้ความสำคัญสูงบนความเชื่อที่ว่า เอไอจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับโลกใบนี้ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีที่เคยเกิดขึ้นในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะงานครั้งใหญ่ เกิดทักษะการทำงานที่แตกต่างจากเดิม การเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอีโคซิสเท็มทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ 

อย่างไรก็ตาม เอไอจะไม่ใช่แค่เครื่องมือในการยกระดับขีดความสามารถขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นอาวุธสำคัญในการส่งเสริมขีดความสามารถของพนักงานไปสู่การแข่งขันในระดับภูมิภาคหรือระดับโลกอีกด้วย

“เมื่อเอไอไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่จะมาทำงานร่วมกับมนุษย์ แนวคิดการเปลี่ยนผ่านของเราจึงอยู่บนหลักการ Human-First AI-First Transformation โดยเน้นการประยุกต์ใช้เอไอเพื่อสนับสนุนการทำงานด้านต่าง ๆ ทำให้องค์กรมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น ตลอดจนส่งผลต่อเนื่องถึงการสร้างสังคมคุณภาพ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” กีรติ กล่าวปิดท้าย

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน