Share on
×

Share

Lightnet-WeLab เดินหน้าลุย Virtual Bank ชูวิสัยทัศน์ “การเงินเพื่อคนไทย” ดึง ดร.ชาลี เสริมทัพ

หลังจากประกาศความพร้อมในการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank ในประเทศไทย ล่าสุด Lightnet-WeLab ได้ร่วมกันเผยวิสัยทัศน์ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ลูกค้ากลุ่ม Unserved และ Underserved สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง พร้อมมีส่วนร่วมในการสร้างความเติบโตให้แก่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน

เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง Lightnet-WeLab ได้ประกาศแต่งตั้ง ดร.ชาลี อัศวธีระธรรม ประธานบริษัท ไลท์เน็ท กรุ๊ป (Lightnet Group) เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของกลุ่ม ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Virtual Banking ประกอบกับประสบการณ์ในฐานะผู้นำองค์กรสำคัญ ๆ ในประเทศ

การเข้าร่วมของ ดร.ชาลี จะช่วยยกระดับศักยภาพของ Lightnet-WeLab ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการสร้างและดำเนินธุรกิจธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank ทั่วทั้งตลาดเอเชีย โดยเฉพาะบริการสินเชื่อดิจิทัล และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิต

ดร.ชาลี เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking ของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มีประสบการณ์ด้านการเงินและเทคโนโลยี มากกว่า 25 ปี โดยจะนำความเชี่ยวชาญมาช่วย Lightnet-WeLab ในการขอใบอนุญาต Virtual Banking ในไทย และพัฒนาบริการทางการเงินที่เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม

Virtual Bank ช่วยคนไทยหลุดพ้นวงจรหนี้ ดร.ชาลี กล่าวว่า “ความฝันของผมคืออยากเห็นคนไทยทุกคนมีอิสรภาพและเสถียรภาพทางการเงิน Virtual Bank จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น”

ดร.ชาลี มั่นใจว่า หากได้รับใบอนุญาต Lightnet-WeLab จะสามารถเปิดให้บริการ Virtual Bank ภายใน 12 เดือน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ใช้ AI เพื่อลดช่องว่างทางการเงิน โดยเฉพาะกลุ่ม Unserved และ Underserved

“ผมพร้อมนำ Lightnet-WeLab เข้าสู่ตลาดไทย และร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับอุตสาหกรรมการเงินของประเทศ” ดร.ชาลี กล่าว

ความร่วมมือในครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Lightnet-WeLab ในการพัฒนา Virtual Bank ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

Virtual Bank กำลังกลายเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลง และกำหนดทิศทางใหม่ให้กับอุตสาหกรรมธนาคารทั่วโลก ด้วยการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหลากหลายบริการทางการเงิน และขับเคลื่อนการเติบโตที่ก้าวไปไกลกว่ามาตรฐานและความคาดหวังแบบเดิม ๆ

Lightnet-WeLab เผยวิสัยทัศน์ Virtual Bank มุ่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ นำไทยสู่ Financial Inclusion Lightnet-WeLab เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่ม Unserved และ Underserved เช่น ผู้มีรายได้ไม่แน่นอน และผู้ที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกล โดยตั้งเป้าหมายนำไทยสู่ Financial Inclusion ด้วย 3 แนวทาง คือ

Financial Inclusion: สร้างมาตรฐานใหม่ ลดอุปสรรค เช่น ยกเลิกเงินฝากขั้นต่ำ เพิ่มโอกาส เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น และลดหนี้นอกระบบ ด้วยเครือข่ายลูกค้า 46 ล้านราย และช่องทางออฟไลน์กว่า 150,000 แห่ง

Innovative products: ชูนวัตกรรม ออกแบบผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์กลุ่ม Unserved และ Underserved ตัวอย่างเช่น “กระเป๋าออมเงิน” จาก Saqu (Virtual Bank ของ WeLab ในอินโดนีเซีย) มียอดใช้ 60% ต่อเดือน และ ก้าวนำตลาดด้วยสินเชื่อที่เป็นธรรม

Responsible Lending ดึงกลุ่มนอกระบบเข้าสู่ระบบ Risk-based Pricing กำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง และเทคโนโลยี AI ประเมินความเสี่ยง ขยายสินเชื่อ Lightnet-WeLab มั่นใจว่า Virtual Bank จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการเงินไทย และสร้าง Financial Inclusion ให้กับคนไทยทุกคน

Lightnet-WeLab กลุ่มผู้ขออนุญาตให้บริการ Virtual Bank ในประเทศไทย เชื่อมั่นว่า การเพิ่มขึ้นของ Virtual Bank ในประเทศไทย จะช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมการเงินใหม่ๆ และขยายบริการด้านการเงินให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Virtual Bank ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการมอบบริการทางการเงินที่ สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และคุ้มค่า โดย Lightnet-WeLab พร้อมแล้วที่จะนำประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญระดับโลก มาพลิกโฉม และยกระดับประสบการณ์ทางการเงินให้กับคนไทย

อินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่ใกล้เคียงกับไทย มีจำนวนผู้ให้บริการ Virtual Bank เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยขยายการเข้าถึงเครดิตให้กับลูกค้าในกลุ่ม Unserved และ Underserved ผ่าน Virtual Banks ทั้ง 15 แห่งมียอดบัญชีผู้ใช้กว่า 70 ล้านราย และมียอดการปล่อยสินเชื่อจากกลุ่ม Virtual Banks สูงกว่าแหล่งสินเชื่ออื่น ๆ รวมถึงธนาคารทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงกว่าร้อยละ 22

ส่วนฮ่องกง ธนาคาร Virtual Bank 8 แห่ง ที่ได้รับใบอนุญาตในปี 2019 มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้จะต้องแข่งในตลาดที่ประชากรส่วนใหญ่มีบัญชีธนาคารอยู่แล้ว โดยร้อยละ 30 ของชาวฮ่องกงได้เปิดบัญชีออนไลน์กับธนาคาร Virtual Bank แบบเต็มตัว โดยตลอดสามปีที่ผ่านมา ยอดเงินฝากและยอดการปล่อยสินเชื่อทั้งหมดมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าร้อยละ 77 ต่อปีและร้อยละ 147 ต่อปีตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยได้รับประโยชน์อย่างมาก ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นหลังใช้บริการโซลูชั่นด้าน Virtual Banking อีกด้วย

ธนาคาร Virtual Bank หลายแห่งทั่วโลกมีการเติบโตเป็นอย่างมากทั้งในแง่ขนาดและความสำคัญ เช่น NuBank ธนาคาร Virtual Bank ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากบราซิล ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์อยู่ที่ 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ของธนาคารรายใหญ่ระดับท็อปสี่แห่งของไทยรวมกัน

ด้วยความสำเร็จในการเปิดตัว Virtual Banks สองแห่งทั้งในอินโดนีเซียและฮ่องกง กลุ่ม Lightnet-WeLab จึงช่วยตอบโจทย์ความต้องการด้านการเงินของคนไทย และมีส่วนช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการเงินของประเทศสู่ความสำเร็จและสร้างการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจของประเทศไทย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เคทีซี รุกขยายฐานลูกค้าใหม่ ส่งสินเชื่อผ่อนมือถือ 0% นานสุด 24 เดือน ผ่าน e-App

ราคาทองคำจะถึงบาทละ 60,000 ?

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน