Share on
×

Share

Canon เปิดตัว ImageFORCE เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันชูนวัตกรรม AI จากไทย

แคนนอน (Canon) ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันระดับโลกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ล่าสุด “Canon ImageFORCE” ณ โรงงานแคนนอน ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ที่ส่งออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดทั่วโลก ชูแนวคิด “Canon Make Business Move” ประกาศวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนผ่านจากการเป็นเพียงผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ สู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันทางธุรกิจครบวงจร (Solution Provider) ที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไทยให้ก้าวไปอีกขั้นในยุคดิจิทัล ด้วย 4 เสาหลักแห่งนวัตกรรม ได้แก่ ความปลอดภัยอัจฉริยะ (Security) คุณภาพและความน่าเชื่อถือ (Reliability) ความยั่งยืน (Sustainability) และการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ (Connectivity)

งานแถลงข่าวครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ยังเป็นการเปิดบ้านโชว์ศักยภาพของโรงงานแคนนอน ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในซัพพลายเชนระดับโลก ที่ผลิตและส่งออกเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันสำหรับสำนักงานในสัดส่วนมากกว่า 80% ของแคนนอนทั่วโลก สะท้อนถึงมาตรฐานการผลิต เทคโนโลยี และการควบคุมคุณภาพระดับสูงสุด ที่พร้อมรับมือกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และรักษาเสถียบภาพการผลิตสู่ตลาดโลก

มาโกโตะ นากามูระ ประธานบริษัท แคนนอน ปราจีนบุรี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับอย่างภาคภูมิใจว่า “วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นการประกาศจุดยืนว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นผู้นำในด้านการผลิตอันล้ำสมัยและยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ Canon ImageFORCE ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลมากกว่า 30% และสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีนำสมัย นี่คือผลิตภัณฑ์ที่ ‘ผลิตในประเทศไทย เพื่อโลกอย่างแท้จริง’ ภายใต้ปรัชญา ‘เคียวเซ’ (Kyosei) ที่มุ่งเน้นการใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม”

ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เสริมถึงทิศทางตลาดว่า “ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเร็ว ความปลอดภัย และความยั่งยืน ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น ซีรีส์ ImageFORCE ใหม่นี้ถูกออกแบบโดยรับฟังเสียงจากลูกค้าโดยตรง เพื่อช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างชาญฉลาด รวดเร็ว และมั่นใจยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ทั้งการทำงานแบบไฮบริดและความท้าทายด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น”

เจาะลึก 4 นวัตกรรมขุมพลังแห่ง Canon ImageFORCE

พงศพร กรอบสนิท ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เจาะลึกถึงเทคโนโลยีที่โดดเด่นซึ่งเป็นหัวใจของ ImageFORCE Series ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์แนวโน้มและความต้องการของตลาดโลกโดยเฉพาะ

นวัตกรรมเสาหลักแรกคือ ความปลอดภัยอัจฉริยะ (Security) ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและการทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศ แคนนอนได้ยกระดับความปลอดภัยไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี AI Machine Learning ที่ฝังอยู่ในตัวเครื่อง ผ่านฟีเจอร์ Security Environment Estimation ซึ่ง AI จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนผู้ดูแลระบบไอทีอัจฉริยะ โดยจะเรียนรู้สภาพแวดล้อมของเครือข่ายที่เชื่อมต่อ และทำการวิเคราะห์เพื่อปรับตั้งค่าความปลอดภัยที่ซับซ้อนให้เหมาะสมกับองค์กรโดยอัตโนมัติ ช่วยลดภาระและลดความผิดพลาดสำหรับองค์กรที่อาจมีบุคลากรด้านไอทีจำกัด และเมื่อใดก็ตามที่เครือข่ายมีการเปลี่ยนแปลง AI ก็จะแนะนำการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยระบบป้องกันไวรัสและมัลแวร์ในตัว พร้อมระบบยืนยันตัวตนหลายปัจจัย (Multi-factor Authentication) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรที่อยู่ในเครื่องจะได้รับการปกป้องอย่างสูงสุด

ถัดมาในด้าน คุณภาพและความน่าเชื่อถือ (Reliability) แคนนอนได้ปฏิวัติคุณภาพงานพิมพ์และเสถียรภาพการทำงานด้วยสองเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีแรกคือ D² Exposure (Define and Detail) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงากการใช้ชุดเลเซอร์สแกนเนอร์ขนาดใหญ่ มาเป็นการใช้หัวพิมพ์ OLED (Organic Light Emitting Diode) ขนาดกะทัดรัดที่เรียกว่า “Exposure Head Unit” ซึ่งมีความแม่นยำสูงอย่างน่าทึ่ง แต่ละพิกเซลมีขนาดเพียง 21.67 ไมโครเมตร (เล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ 2-3 เท่า) ทำให้ได้ความละเอียดของภาพพิมพ์สูงถึง 4,800 DPI ผลลัพธ์คือภาพที่คมชัดเหนือชั้น ตัวอักษรขนาดเล็กยังคงอ่านง่าย และการไล่โทนสีมีความราบรื่น สวยงามสดใส

ส่วนอีกเทคโนโลยีคือ E² Analysis (Estimation by Edge AI) ซึ่งเป็นชิป AI ที่ฝังอยู่ในเมนบอร์ดเพื่อตรวจสอบสถานะของเครื่องแบบเรียลไทม์ และใช้ Machine Learning เพื่อคาดการณ์ (Predictive Maintenance) การสึกหรอของชิ้นส่วนล่วงหน้า เช่น แจ้งเตือนเมื่ออะไหล่ใกล้หมดอายุการใช้งาน ทำให้ศูนย์บริการสามารถเข้าบำรุงรักษาเชิงรุกได้ก่อนที่เครื่องจะหยุดทำงาน ช่วยลดดาวน์ไทม์และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ

แคนนอนยังให้ความสำคัญสูงสุดกับ ความยั่งยืน (Sustainability) โดยแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมในทุกกระบวนการ ตัวเครื่อง ImageFORCE ใช้พลาสติกรีไซเคิลจากขยะในตลาด (Post-Consumer Recycled – PCR) ในการผลิตสูงถึง 30% และยังมีการนำเศษพลาสติกที่เหลือจากกระบวนการผลิตในโรงงาน (Post-Industrial Recycled – PIR) กลับมาใช้ใหม่ 100%

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนานวัตกรรมโครงสร้างตัวเครื่องใหม่โดยใช้เทคโนโลยี Laser Welding แทนการใช้สกรูมากกว่า 100 ตัว ทำให้น้ำหนักโดยรวมเบาลงถึง 35% แต่มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น ซึ่งช่วยลดอัตรากระดาษติดได้อีกทางหนึ่ง ควบคู่ไปกับการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่เปลี่ยนจากโฟมกันกระแทกเป็นกระดาษแข็งทั้งหมด และยังมีหน้าจอแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลเชิงลึก เช่น กราฟการใช้พลังงาน และคำนวณปริมาณกระดาษที่ประหยัดได้จากการพิมพ์สองหน้า เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้งานของตนเอง

และเพื่อตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ เสาหลักสุดท้ายคือ การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ (Connectivity) ซึ่งรองรับการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Working) และการทำงานบนคลาวด์อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อกับบริการคลาวด์ชั้นนำโดยตรงจากหน้าเครื่อง เช่น Microsoft Teams หรือ Google Drive ผ่าน Cloud Connector ทำให้เกิดรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านสามารถสั่งพิมพ์ไฟล์จากคลาวด์มาออกที่เครื่องในออฟฟิศได้ทันที หรือพนักงานในออฟฟิศสามารถสแกนเอกสารจากเครื่องส่งเข้าโฟลเดอร์บนคลาวด์เพื่อทำงานร่วมกับทีมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกับโซลูชัน UniFLOW Online ที่เป็นระบบจัดการการพิมพ์บนคลาวด์เต็มรูปแบบ ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการและควบคุมการพิมพ์จากทุกที่ในโลกได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ไลน์อัพผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ครอบคลุมทุกมิติ และเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจน

Canon ImageFORCE Series ที่เปิดตัวในครั้งนี้เป็นการยกทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตจากโรงงานแคนนอน ปราจีนบุรี เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจทุกระดับอย่างครอบคลุม ไลน์อัพใหม่นี้ประกอบด้วย

ImageFORCE C47165 ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นเรือธงในกลุ่ม Light Production ที่ถูกออกแบบมาเพื่องานกราฟิกหนักโดยเฉพาะ มีความโดดเด่นด้านคุณภาพงานสีระดับสูงที่ใกล้เคียงกับเครื่องพิมพ์ระดับโปรดักชัน และสามารถรองรับวัสดุการพิมพ์หรือกระดาษได้หลากหลายประเภท ถัดมาคือ ImageFORCE C5100 Series ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์สีความเร็วสูงสำหรับองค์กร (High-Speed Color Office Use) มีความเร็วให้เลือกตั้งแต่ 40 ถึง 70 แผ่นต่อนาที เหมาะสำหรับบริษัทที่มีปริมาณการพิมพ์สีจำนวนมากและต้องการความทนทานของเครื่องเป็นพิเศษ สำหรับองค์กรที่เน้นการพิมพ์เอกสารขาว-ดำปริมาณมหาศาล แคนนอนได้นำเสนอ ImageFORCE 6100 Seriesซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ขาว-ดำความเร็วสูง (High-Speed Mono) ที่มีความเร็ว 55, 60 และ 70 แผ่นต่อนาที รองรับการใช้งานหนักได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการจัดทำคู่มือ แบบฟอร์ม หรือข้อสอบต่าง ๆ

นอกจากนี้ แคนนอนยังได้เผยโฉม ImageFORCE C3150 ซึ่งเป็นน้องใหม่ในเซกเมนต์ใหม่ที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของตลาดและมีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยเป็นเครื่องในกลุ่ม Mid-Range ที่ได้รับการยกระดับความเร็วขึ้นไปถึง 50 แผ่นต่อนาที จากเดิมที่รุ่นในกลุ่มนี้จะมีความเร็วสูงสุดเพียง 35 แผ่นต่อนาที นับเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเร็วในการพิมพ์สูง แต่มีปริมาณงานไม่มากเท่าที่จะต้องลงทุนกับเครื่องในรุ่นใหญ่

ด้วยทัพผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ แคนนอนตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันโดยรวมไว้ที่ 10% ภายในปีนี้ โดย ImageFORCE จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย และเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และครองอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องพิมพ์ขาว-ดำของประเทศไทยติดต่อกันถึง 7 ไตรมาส

การเปิดตัว Canon ImageFORCE Series ครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การนำเสนอเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ แต่เป็นบทพิสูจน์ถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่ผสานประสิทธิภาพ คุณภาพ ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมทั้งเป็นความภาคภูมิใจของอุตสาหกรรมไทยในการเป็นฐานการผลิตนวัตกรรมระดับโลก

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ปักหมุด ‘AI Thailand Hub’ พลิกโฉมประเทศไทยจาก ‘ผู้ใช้’ สู่ ‘ผู้สร้าง’

‘Deep Tech’ โอกาสและความท้าทายของไทยในเวทีโลก

×

Share

ผู้เขียน