นครราชสีมา เมืองใหญ่แห่งอีสาน กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาเมืองด้วยแนวคิด “Smart City” โดยใช้ “บิ๊กดาต้า” เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื้อรัง ตั้งแต่การจราจรที่ติดขัด น้ำท่วมซ้ำซาก ไปจนถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
แนวคิด “Smart City” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นจริงในโคราช ด้วยการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด เช่น การใช้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ เพื่อบริหารจัดการสัญญาณไฟจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการจราจรติดขัด หรือการใช้ข้อมูลสภาพอากาศและระดับน้ำ เพื่อพัฒนาระบบเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้า ช่วยให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ข้อมูลยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 การตรวจจับและวิเคราะห์แหล่งกำเนิดมลพิษ จะช่วยให้สามารถดำเนินมาตรการควบคุมได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างความสำเร็จจากเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น บาร์เซโลนา สิงคโปร์ และลอสแอนเจลิส ที่นำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาเมืองในด้านต่าง ๆ ทั้งการจราจร พลังงาน และสิ่งแวดล้อม เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “บิ๊กดาต้า” คือเครื่องมือสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
ดร.ภาคภูมิ บวบทอง ผู้ช่วยคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้า ได้เสนอแนวทางในการใช้ข้อมูลเพื่อผลักดันการพัฒนาเมืองให้ก้าวหน้าในงาน Head Korat: เฮ็ดเปลี่ยนเมือง โดยเน้นถึงบทบาทของดาต้าในการแก้ปัญหาจราจร ฝุ่น PM 2.5 และน้ำท่วม พร้อมนำเสนอแนวคิด “Smart City” เพื่อสร้างความยั่งยืน
Urban Development “การพัฒนาชนบทสู่เมือง” ความท้าทายที่นครราชสีมาต้องเผชิญ
แลนมาร์ค หรือสิ่งสำคัญเมื่อกล่าวถึงเมืองนครราชสีมา สิ่งที่ผู้คนมักนึกถึงย่าโม แมวโคราช ปราสาทหินพิมาย เขาใหญ่ ผัดหมี่โคราช มอเตอร์เวย์ M6 และอีกหนึ่งความสำคัญของเมืองนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่ใหญ่เมื่อเปรียบกับกรุงเทพมหานครที่มีเนื้อที่โดยประมาณหลักพันตารางกิโลเมตร กับนครราชสีมาที่มีเนื้อที่โดยประมาณหมื่นตารางกิโลเมตร ส่งผลให้การพัฒนาเมืองเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ปัญหาหลักที่พบได้แก่ การจราจรติดขัด ฝุ่น PM 2.5 และน้ำท่วม ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
หลักการพัฒนาเมืองจากแบบดั้งเดิมสู่เมืองแห่งความยั่งยืน
- แบบดั้งเดิม (Traditional) การพัฒนาเน้นความรวดเร็ว เช่น การสร้างถนนและโรงพยาบาล โดยขาดการพิจารณาผลกระทบในอนาคต
- เมืองแห่งความยั่งยืน (Green/Sustainable City) เน้นการพัฒนาที่คำนึงถึงธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- เมืองแห่งการเติบโตตามธรรมชาติ (Slow City) การชะลอการใช้ชีวิตของคนเมือง ค่อยๆให้เมืองเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ
- เมืองแห่งความยืดหยุ่น (Resilient City) วางแผนให้เมืองสามารถปรับตัวและดำรงชีวิตได้อย่างยืดหยุ่น แม้จะเผชิญกับปัญหา
แนวทางสำคัญการพัฒนาเมืองตามหลักการ “Smart City” เมืองอัจฉริยะ
“Smart City” เมืองอัจฉริยะ หมายถึงรูปแบบการประยุกต์ เทคโนโลยีดิจิตอล หรือข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของบริหารชุมชน เพื่อช่วยในการลดต้นทุนและลดการบริโภคของประชากร โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยคำนึงถึง 4 องค์ประกอบหลัก
- ระบบเชื่อมต่อกัน
- Data
- ประชาชนมีส่วนร่วม
- จัดการทรัพยากรยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายการพัฒนาเมืองตามหลักการ “Smart City” เมืองอัจฉริยะ
- Smart LIVING ค่าดัชนีสุขภาวะมากกว่าหรือเท่ากับ 80% ต่อปี (มิติด้านสุขภาพ หรือ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน)
- Smart ENERGY เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และเพิ่มพลังงานทดแทนในพื้นที่มากกว่าหรือเท่ากับ 1% ต่อปี
- Smart ENVIRONMENT เพิ่มคุณภาพการจัดการน้ำ อากาศ ขยะ และพื้นที่สีเขียว ให้เป็นไปตามค่ามาตรฐาน ลด CO2 Emission มากกว่าหรือเท่ากับ 1% ต่อปี
- Smart ECONOMY เพิ่มรายได้รายปีต่อหัวประชากร มากกว่าหรือเท่ากับ 250,000 บาท
- Smart PEOPLE สัดส่วนจำนวนประชาชนในพื้นที่มี Digital Literacy มากกว่าหรือเท่ากับ 70%
- Smart GOVERNANCE สัดส่วนประชาชน เข้าถึงบริการข้อมูลข่าวสาร ผ่านช่องทางดิจิทัล มากกว่าหรือเท่ากับ 60% และสัดส่วนประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริการสาธารณะ มากกว่าหรือเท่ากับ 60%
- Smart MOBILITY ความพึงพอใจต่อขนส่งสาธารณะหรือระบบขนส่งจราจรที่สะดวกบนถนนมากกว่าหรือเท่ากับ 60% และผู้เสียชีวิตจากการเดินทางบนถนน มากกว่าหรือเท่ากับ 12 คนต่อประชากร 1 แสนคน (หรือ ลดลง 50% ต่อปี)
การบรรลุเป้าหมายตามหลักการ “Smart City” เมืองอัจฉริยะขึ้นอยู่กับเมืองนั้นๆเนื่องจากต้องคำนึงถึง Pain Pont เพราะอาจมีด้านอื่นที่สำคัญมากกว่าจึงต้องคำนึงถึงด้านนั้นๆมากที่สุด
กรณีศึกษาจากต่างประเทศ
- ผังการพัฒนาประเทศสิงคโปร์แนวคิดการพัฒนาเมือง มาจากคำว่า “Smart Nation Initiatives” การพัฒนาประเทศให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ตามหลักการ 5 ด้าน การอยู่อาศัยของคนเมือง (Urban Living), การคมนาคม (Transport), การศึกษา (Education), การเงิน (Finance) และสุขภาพ (Health) ภายใต้หลักการ ESG ทุกด้านต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสามารถจำแนกเป็น 4 แผนงานหลักดังนี้
- Virtual Singapore ภาพรวมระบบการเชื่อมโยงเมืองสู่โลกเสมือนทั้งภาครัฐภาคเอกชน
- Smart sensors ระบบเซนเซอร์ตรวจจับสภาพกาศ ตรวจจับการจราจรตัดขัดหรืออุบัติเหตุ
- MyTransport.sg ระบบการคมนาคมสาธารณะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน สะดวก รวดเร็ว
- Smart Water Management ระบบการจัดการน้ำ ยกตัวอย่างเช่นการวางระบบหมุนเวียนน้ำเสีย น้ำประปา กลับมาใช้ใหม่ได้
- ผังการพัฒนาประเทศสเปนเมืองบาร์เซโลนาแนวคิดการพัฒนาเมืองมาจากคำว่า “Superblocks Model” ผังเมืองบล็อกสี่เหลี่ยมตัดมุม หนึ่งในสุดยอดผังเมืองที่ดีที่สุดในโลก จากการออกแบบที่คิดค้นมานานกว่า 160 ปี การพัฒนาเมืองตามหลักการ “Smart City” เมืองอัจฉริยะ เป็นการนำสิ่งที่เมืองเป็นอยู่ “ผังเมืองบล็อกสี่เหลี่ยมตัดมุม” ผลักดันสู่กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากที่สุด
ประโยชน์บล็อกสี่เหลี่ยมตัดมุม
- Superblock ลดการใช้รถ เปิดโอกาสให้คนอยากเดินมากกว่าขับรถยนต์ ซึ่งช่วยลดปัญหาการจราจร สามารถจัดการง่ายขึ้น
- Smart lighting and parking ระบบเซนเซอร์ตรวจจับสภาพกาศ ตรวจจับการจราจรตัดขัดหรืออุบัติเหตุ คล้ายกับประเทศสิงคโปร์ แต่มีที่จอดรถเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่นระบบเซนเซอร์ตรวจจับพื้นที่ว่างของที่จอดรถ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าหากจะมาสถานที่นี้มีพื้นที่ว่างสำหรับตนเองหรือไม่ แบบเรียลไทม์
- ผังการพัฒนาประเทศเนเธอแลนด์เมือง AMSTERDAM แนวคิดการพัฒนาเมือง เป็นการเชื่อมโยงระบบ “Smart City” สามารถส่งข้อมูลถึงกันได้ทันที ยกตัวอย่างเช่นโครงการ City-Zen การพัฒนาระบบเมืองเป็นระบบเดียวกัน และโครงการ Circular Amsterdam การหมุนเวียนทรัพยากรผ่านการคิดสร้างสรรค์การนำของเสียสู่การรีไซเคิล หรือการบำบัดของเสียและนำกลับมาใช้ต่อได้
- ผังการพัฒนาประเทศสหรัฐอเมริกาเมืองลอสแอนเจลิสแนวคิดการพัฒนาเมือง เป็นการมุ่งเป้าหมายการเป็น “Smart City” ภายในปี 2028 ยกตัวอย่างเช่นโครงการ Smart Lighting ระบบเซนเซอร์ไฟทุกตัวมีการเชื่อมต่อกันส่งข้อมูลกลับไปที่คลังกลางเพื่อตรวจสอบว่าจุดไหนควรเปิด – ปิด ต่อมาเป็นโครงการ LA City View ระบบเตือนภัยเกี่ยวกับแผ่นดินไหว โดยระบบนี้จะส่งแจ้งเตือนมือถือทุกคน ไม่จำเป็นต้องมีเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพียงใช้โทรศัพท์อยู่ในจุด LA ระบบจะแจ้งเตือนอัตโนมัติ ทั้งนี้ยังมีโครงการระบบแจ้งเตือนรถติด และโครงการระบบ Open Data ผลักดันเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นธรรม
- ผังการพัฒนาประเทศอเมริกาเมืองซานฟรานซิสโกแนวคิดการพัฒนาเมือง เป็นการมุ่งเน้นระบบ Open Data แพลตฟอร์ม หรือแม้กระทั่งการใช้ระบบในการแชร์ข้อมูลบริการต่างๆ ให้สามารถติดต่อพูดคุยร่วมกันได้
จากกรณีศึกษาทั้งหมดจะสังเกตได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดการพัฒนาเมืองคือข้อมูล
การพัฒนาเมืองในประเทศไทยตามแนวทาง “Smart City”
กระบวน “Smart City” สู่แนวทางการพัฒนาเมืองประเทศไทย ประกอบไปด้วย
- ISO 37106 – Sustainable Cities and Communities
- BSI PAS 181 – Smart City Framework by British Standard Institution
- European Commission Smart Cities Strategy
- ITU-T Y.4900 – KPI For Smart Sustainable Cities
การวางแผนวิสัยทัศน์เมือง (Vision & Strategy) > การวางแพลน (Assess & Planning) > การเก็บข้อมูล (Data Infra) > การสร้างนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี (Technology Implementation) > การนำผลงานไปทดลองกับกลุ่มเป้าหมาย (Citizen Engagement) > การประเมินผลลัพธ์และนำมาวิเคราะห์ (Monitoring & Evaluation)
ทั้งนี้ประเทศไทย หากต้องการพัฒนาเมืองตามกระบวนการ “Smart City” การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญ เช่น ข้อมูลการจราจร การใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม คุณภาพอากาศ เสียงรบกวน รวมถึงการใช้บริการภาครัฐและข้อมูลจากครัวเรือน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดสรรงบประมาณและแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด โดยการใช้เทคโนโลยี IoT เซนเซอร์ แอปพลิเคชันรายงานผล การสังเกตการณ์ผ่านดาวเทียม Social Media และการลงพื้นที่สำรวจ จะช่วยให้การเก็บข้อมูลมีความแม่นยำและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ดร.ภาคภูมิ บวบทอง ได้ค้นพบว่าปัจจุบันข้อมูลของประเทศไทยยังคงกระจัดกระจายและไม่ได้ถูกเก็บรวบรวมไว้ในศูนย์กลางเดียวกัน ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการนำข้อมูลไปใช้งานหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรณีของผังเมืองนครราชสีมา ซึ่งพบว่าหลายหน่วยงานยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ครบถ้วนเพื่อรวมเป็นระบบเดียวกัน ดร.ภาคภูมิชี้ให้เห็นว่าจากนี้ไปจำเป็นต้องมีการให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงประโยชน์ของข้อมูลสาธารณะ เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ เห็นถึงความสำคัญของการใช้ดาต้าในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
ดาต้าคือหัวใจหลักของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน หากนครราชสีมานำข้อมูลมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมืองจะสามารถเติบโตและรับมือกับปัญหาได้อย่างมั่นคงในอนาค โคราช Smart City ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันและนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ โคราชจะกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
สรุปจากงาน Head Korat: เฮ็ดเปลี่ยนเมืองหัวข้อผู้เชี่ยวชาญดาต้าและการพัฒนาเมือง โดย ดร.ภาคภูมิ บวบทอง ผู้ช่วยคณบดี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ถอดบทเรียนการเติบโตจาก First Jobber สู่ CEO
เปิดมุมมอง “แนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัลทั่วโลก และโอกาสของประเทศไทยสู่การเป็น Digital Hub”